บทที่ 13

1743 Words
ควันสีดำทึบพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ายามราตรี ปกคลุมดวงจันทร์จนมืดมิด เสียงกรีดร้องและเสียงอาวุธปะทะกันดังกึกก้องไปทั่วลานหน้าประตูวังทิศเหนือ "อย่าให้พวกมันเข้ามาได้! ตั้งแนวป้องกัน!" เสียงตะโกนสั่งการของหลิวจื้อเฉินแหบพร่าแข่งกับเสียงระเบิด เขาตวัดดาบในมือฟันเข้าที่กลางลำตัวของศัตรูชุดดำคนหนึ่งจนเลือดสาดกระจาย แต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้องครักษ์หนุ่มต้องเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ศัตรูผู้นั้น... ไม่ล้มลง ร่างในชุดดำเพียงแค่เซถอยหลังไปเล็กน้อย ทั้งที่มีบาดแผลฉกรรจ์ที่หน้าท้อง แต่มันกลับไม่ส่งเสียงร้องโอดโอยแม้แต่แอะเดียว ดวงตาที่โผล่พ้นหน้ากากออกมานั้นแดงก่ำและเลื่อนลอย ไร้แววของความเจ็บปวดหรือความหวาดกลัว ราวกับศพเดินได้ "บ้าเอ๊ย! พวกมันเป็นตัวอะไรกัน!?" จื้อเฉินสบถลั่น เขาถีบยอดอกมันจนกระเด็นไปชนพวกเดียวกัน ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง "เล็งที่คอ! ตัดหัวพวกมันซะ! การแทงที่ลำตัวไม่ได้ผล!" เหล่าองครักษ์เงาที่ขึ้นชื่อว่าฝีมือฉกาจเริ่มเสียขวัญ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ไม่รู้จักความตาย พวกมันดาหน้ากันเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ไม่กลัวคมดาบ ไม่กลัวลูกธนู เป้าหมายเดียวของพวกมันคือการทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางหน้า … … ... ภายในตำหนักหนังสือ แรงสั่นสะเทือนจากการปะทะกันภายนอกส่งผลให้แจกันบนชั้นวางสั่นกุกกัก องค์ชายจวิ้นอี่ยืนตระหง่านอยู่หน้าประตู แผ่นหลังกว้างบดบังร่างของเซี่ยเหยียนอวี่เอาไว้อย่างมิดชิด พระหัตถ์ข้างหนึ่งกุมด้ามดาบแน่น อีกข้างหนึ่งจับมือเหยียนอวี่ไว้ไม่ยอมปล่อย "พวกมันบุกเข้ามาถึงชั้นในแล้วหรือ?" เหยียนอวี่ถามเสียงเครียด แม้จะมองไม่เห็นเหตุการณ์ แต่เสียงการต่อสู้ที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก็บ่งบอกสถานการณ์ได้ดี "องครักษ์เงาของข้าต้านไว้ได้ไม่นานแน่ หากพวกมันใช้วิชามาร” องค์ชายจวิ้นอี่วิเคราะห์สถานการณ์อย่างเยือกเย็น "เราต้องฝ่าวงล้อมออกไปที่ตำหนักบูรพา ที่นั่นมีค่ายกลป้องกันแน่นหนากว่า" "แต่ฝ่าบาท... ดูจากควันไฟนั่น" เหยียนอวี่ชี้ไปที่กลุ่มควันสีม่วงคล้ำที่ลอยต่ำเรี่ยพื้นดินลอดเข้ามาทางช่องลม "นั่นไม่ใช่ควันไฟธรรมดา แต่มันคือหมอกลวงจิตของชนเผ่าเหมียว... หากสูดดมเข้าไป จะทำให้เกิดภาพหลอนและคลุ้มคลั่ง ทำร้ายพวกเดียวกันเอง" จวิ้นอี่ขมวดคิ้ว "เจ้าดูออกรึ?" "เคยอ่านเจอในตำราพะย่ะค่ะ" เหยียนอวี่ตอบเลี่ยงๆ แต่ในความเป็นจริงเขาเคยเห็นฉินลี่หรงใช้มันในชาติก่อนเพื่อกำจัดแม่ทัพคู่แข่ง "เราต้องใช้ผ้าชุบน้ำปิดจมูก และต้องรีบหาทางระบายลม... หรือไม่ก็ต้องหาคนมาแก้ทางยาพิษนี้" ทันใดนั้น หน้าต่างบานหนึ่งก็ถูกกระแทกแตกกระจาย เพล้ง! ร่างในชุดดำสองคนพุ่งทะยานเข้ามาในห้องพร้อมกลิ่นสาบสาง องค์ชายจวิ้นอี่ผลักเหยียนอวี่ไปด้านหลัง ชักดาบออกจากฝักด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ฉับ! ประกายดาบสีเงินวาดผ่านอากาศ ศีรษะของนักฆ่าคนแรกหลุดกระเด็นออกจากบ่าทันที เลือดสีดำคล้ำพุ่งกระฉูดเปรอะเปื้อนผนัง แต่นักฆ่าคนที่สองไม่สนใจเพื่อนที่ตายไป มันพุ่งเข้าใส่เหยียนอวี่พร้อมกริชในมือ "เหยียนอวี่!" จวิ้นอี่ตะโกนก้อง เขาอยู่ไกลเกินกว่าจะรับดาบได้ทัน เหยียนอวี่เบิกตากว้าง เขาไม่มีวรยุทธ์ แต่สัญชาตญาณเอาตัวรอดทำงานฉับพลัน เขาคว้ากระถางธูปทองเหลืองบนโต๊ะ ทุ่มใส่หน้าของนักฆ่าเต็มแรง ผัวะ! นักฆ่าชะงักไปชั่วครู่ เปิดโอกาสให้จวิ้นอี่พุ่งเข้ามาแทงดาบทะลุหัวใจของมันจนมิดด้าม ร่างนั้นกระตุกเกร็งสองสามที ก่อนจะแน่นิ่งไป แต่สิ่งที่น่าสยดสยองคือ เลือดที่ไหลออกมานั้นส่งกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนศพที่ตายมาแล้วหลายวัน "พวกมันถูกเลี้ยงด้วยพิษ..." จวิ้นอี่กล่าวเสียงต่ำ พลางดึงดาบออกและดึงเหยียนอวี่เข้ามาสำรวจ "เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?" "กระหม่อมไม่เป็นไร แต่..." เหยียนอวี่มองไปที่ศพ "ถ้าฉินลี่หรงกล้าใช้คนพวกนี้ในวังหลวง แสดงว่ามันไม่กลัวกฎหมายบ้านเมืองอีกแล้ว มันต้องการชีวิตข้า" "ถ้ามันอยากได้ชีวิตเจ้า ก็ต้องข้ามศพข้าไปก่อน" จวิ้นอี่กัดฟัน "ไปกันเถอะ เราต้องรีบไปรวมตัวกับจื้อเฉิน" ทั้งสองวิ่งฝ่าความวุ่นวายออกมาที่ลานกว้าง สถานการณ์ภายนอกเลวร้ายกว่าที่คิด ทหารองครักษ์หลายนายเริ่มมีอาการคลุ้มคลั่งจากหมอกพิษ หันดาบใส่พวกเดียวกันเอง หลิวจื้อเฉินกำลังตกที่นั่งลำบาก เขาต้องรับมือทั้งศัตรูที่ฆ่าไม่ตายและลูกน้องที่เสียสติ "จื้อเฉิน! กลั้นหายใจ!" จวิ้นอี่ตะโกนสั่ง แต่ก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายไปกว่านี้ เสียงตะโกนก้องกังวานก็ดังขึ้นมาจากบนกำแพงวัง "ทุกคนหมอบลง!" ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ถุงผ้าขนาดเล็กนับสิบใบถูกขว้างลงมาจากหลังคา เมื่อตกถึงพื้น มันก็ระเบิดออกกลายเป็นฝุ่นผงสีขาวฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ เมื่อฝุ่นผงสีขาวสัมผัสกับหมอกสีม่วง มันเกิดปฏิกิริยาเป็นควันสีจางๆ กลิ่นหอมเย็นสดชื่นของสะระแหน่และการบูรลอยอบอวลไปทั่ว แทนที่กลิ่นสาบสาง เหล่าทหารที่คลุ้มคลั่งเริ่มได้สติ ทรุดตัวลงไอโขลกเฃก ส่วนนักฆ่าชุดดำที่สูดดมผงยานี้เข้าไป กลับมีปฏิกิริยารุนแรง ร่างกายของพวกมันเริ่มชักกระตุก ผิวหนังพุพองและส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ร้องสักคำ บนกำแพงนั้น ร่างโปร่งบางในชุดหมอหลวงยืนตระหง่าน ชายเสื้อปลิวไสว ในมือถือย่ามยาใบใหญ่ ไป๋เหวินเจี๋ยมาแล้ว "ผงชำระมาร!" ไป๋เหวินเจี๋ยตะโกน "มันจะทำลายพิษกู่ที่ควบคุมร่างพวกมัน! จื้อเฉิน จัดการพวกมันตอนที่ยังอ่อนแอ!" "รับทราบ!" หลิวจื้อเฉินยิ้มกว้างทั้งที่มีเลือดอาบหน้า "ท่านหมอของข้ามาทันเวลาเสมอ!" ด้วยความช่วยเหลือจากยาขจัดพิษของไป๋เหวินเจี๋ย สถานการณ์พลิกกลับอย่างรวดเร็ว องครักษ์เงากลับมาคุมเชิงได้ พวกเขาไล่ต้อนนักฆ่าที่กำลังดิ้นทุรนทุรายและสังหารทิ้งอย่างไม่ปรานี จวิ้นอี่พาเหยียนอวี่วิ่งไปสมทบกับไป๋เหวินเจี๋ยที่กระโดดลงมาจากกำแพง "ท่านหมอไป๋ ขอบใจเจ้ามาก" จวิ้นอี่ตรัส "กระหม่อมเห็นสัญญาณไฟจึงรีบมาพะย่ะค่ะ" ไป๋เหวินเจี๋ยหอบหายใจ เขาหันไปมองเหยียนอวี่ "นายน้อย ท่านปลอดภัยนะ?" "ข้า..." ฉึก! ยังไม่ทันที่เหยียนอวี่จะตอบ ความเจ็บปวดรุนแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุก็พุ่งเข้าใส่ไหล่ซ้ายของเขาราวกับมีใครเอามีดมาแทง ทั้งที่ไม่มีอาวุธใดสัมผัสตัว! "โอ๊ย!" เหยียนอวี่ร้องลั่น ทรุดฮวบลงกับพื้น มือข้างขวากุมไหล่ซ้ายแน่น เลือดสีแดงสดซึมออกมาจากเสื้อผ้าไหมสีขาวอย่างปริศนา "เหยียนอวี่!" จวิ้นอี่รับร่างคนรักไว้ทันท่วงที ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ "เจ้า... เจ้าถูกทำร้ายตอนไหน!?" "ข้า... ข้าไม่รู้..." เหยียนอวี่หน้าซีดเผือด กัดฟันแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ความเจ็บปวดนี้ไม่ได้มาจากภายนอก แต่มันเหมือนเกิดขึ้นจากข้างใน ไป๋เหวินเจี๋ยรีบเข้ามาดูแผล เขาฉีกเสื้อตรงไหล่ของเหยียนอวี่ออก และต้องสูดหายใจเฮือก บนผิวเนียนละเอียดนั้น ปรากฏรอยแผลลึกเหมือนถูกของมีคมแทง แต่ไม่มีร่องรอยของอาวุธในบริเวณนั้นเลย "นี่มัน... ไม่ใช่แผลจากการต่อสู้" ไป๋เหวินเจี๋ยหน้าเครียด "นี่คือคุณไสย... วิชาตุ๊กตาสาปแช่ง" … … ... ณ ห้องลับใต้ดิน ที่ไหนสักแห่งในเมืองหลวง ฉินลี่หรงนั่งอยู่หน้าแท่นบูชาที่เต็มไปด้วยเลือดไก่และเครื่องเซ่นไหว้ประหลาด ในมือของเขาถือเข็มยาวเล่มหนึ่ง ที่ปลายเข็มมีเลือดหยดติ๋งๆ เบื้องหน้าของเขา คือตุ๊กตาผ้าตัวเล็กๆ ที่ถูกเขียนชื่อวันเดือนปีเกิดของเซี่ยเหยียนอวี่เอาไว้ ตรงไหล่ซ้ายของตุ๊กตามีรอยฉีกขาดจากการถูกเข็มแทง "ฮะๆๆ..." ฉินลี่หรงหัวเราะเสียงต่ำ ดวงตาลึกโหลและบ้าคลั่ง "เจ็บไหม... เหยียนอวี่? นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น" เขาดึงเข็มออก แล้วจ่อปลายเข็มไปที่ตำแหน่งหัวใจของตุ๊กตา "ดูสิว่า... ท่านอ๋องผู้เก่งกาจของเจ้า จะปกป้องเจ้าจากเงาที่มองไม่เห็นได้หรือไม่?" … … ... กลับมาที่ลานหน้าวัง "อ๊ากกก!" เหยียนอวี่กรีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่อความเจ็บปวดย้ายจากไหล่มาที่หน้าอกซ้าย มันเจ็บร้าวเหมือนหัวใจกำลังจะถูกบีบให้แตก "เหยียนอวี่! มองข้า! อยู่กับข้า!" จวิ้นอี่กอดร่างที่ดิ้นทุรนทุรายไว้แน่น น้ำลูกผู้ชายคลอหน่วยตา พระองค์ไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวและไร้หนทางสู้ขนาดนี้มาก่อน ต่อให้ศัตรูมีนับพัน พระองค์ก็ไม่หวั่น แต่กับศัตรูที่มองไม่เห็น พระองค์จะสู้กับมันอย่างไร? "ท่านหมอ! ทำอะไรสักอย่างสิ!" จื้อเฉินตะโกนลั่น ไป๋เหวินเจี๋ยมือสั่น เขารู้ดีว่ายาแก้พิษช่วยเรื่องคุณไสยไม่ได้ แต่เขาก็ต้องทำอะไรสักอย่าง "ฝ่าบาท! ต้องพาเขากลับไปที่เรือนตระกูลเซี่ยเดี๋ยวนี้!" ไป๋เหวินเจี๋ยตัดสินใจ "ที่นั่นมีห้องพระและยันต์กันภัยของบรรพบุรุษ อาจจะช่วยบรรเทาพลังชั่วร้ายได้บ้าง... และข้าต้องการเลือดของท่าน!" "เลือดข้า?" "เลือดมังกรของผู้มีบุญญาธิการ สามารถข่มอาถรรพ์ได้ชั่วคราว! เร็วเข้าพะย่ะค่ะ ไม่งั้นนายน้อยหัวใจวายแน่!" จวิ้นอี่ไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว พระองค์ช้อนร่างของเหยียนอวี่ขึ้นอุ้มแนบอก แล้วพุ่งทะยานฝ่าความมืดออกไป โดยมีจื้อเฉินและไป๋เหวินเจี๋ยวิ่งตามประกบ ท่ามกลางเสียงลมหายใจที่รวยรินของคนในอ้อมแขน จวิ้นอี่กัดฟันสาบานในใจ ฉินลี่หรง... หากเหยียนอวี่เป็นอะไรไป ข้าจะถลกหนังเจ้าทั้งเป็น!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD