บทที่ 18

1549 Words
แสงตะวันยามสายสาดส่องลงสู่ห้องทรงอักษรที่บัดนี้คลาคล่ำไปด้วยขุนนางชั้นผู้ใหญ่จากหกกรม บรรยากาศภายในห้องตึงเครียดและอึดอัด ต่างฝ่ายต่างถือฎีกาและข้อร้องเรียนมาถวาย แต่สายตาของพวกเขากลับไม่ได้จับจ้องไปที่ผู้สำเร็จราชการอย่างองค์ชายจวิ้นอี่ หากแต่จ้องมองไปยังเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งซ้ายด้วยสายตาประเมินค่าและกดดัน องค์ชายหลงอวี่นั่งตัวตรง หลังเหยียดตรงแหน่วราวกับคันธนู แม้ใบหน้าจะยังดูเยาว์วัย แต่แววตาพยายามฉายความสุขุม มือน้อยๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อกำแน่นจนชื้นเหงื่อ "ฝ่าบาท..." เสนาบดีกรมคลังผู้มีเคราขาวโพลนก้าวออกมาเอ่ยเสียงดังฟังชัดข้ามหัวหลงอวี่ไปกราบทูลจวิ้นอี่โดยตรง "เรื่องงบประมาณจัดสร้างโรงทานในเขตเหนือ กระหม่อมเห็นว่าควรชะลอไปก่อน เนื่องจากการปราบกบฏที่ผ่านมาทำให้ท้องพระคลังร่อยหรอ..." จวิ้นอี่ที่นั่งจิบชาอยู่เงียบๆ วางถ้วยลงเสียงดังกึก "ท่านเสนาบดี" จวิ้นอี่เอ่ยเสียงเรียบ "ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่า วันนี้ผู้ที่จะพิจารณาฎีกาทั้งหมดคือองค์ชายหลงอวี่ เหตุใดท่านจึงมารายงานข้า?" เสนาบดีเฒ่าชะงัก สีหน้ากระอักกระอ่วน “เอ่อ... แต่ว่าองค์ชายหลงอวี่ยังทรงพระเยาว์ เรื่องงบประมาณแผ่นดินเป็นเรื่องซับซ้อน เกรงว่า..." "หากไม่เริ่มเรียนรู้ตอนที่ข้ายังอยู่ จะให้ไปเรียนรู้ตอนที่ข้าไม่อยู่แล้วหรือ?" จวิ้นอี่สวนกลับด้วยสายตาคมกริบ "ว่ามาหลงอวี่... เจ้ามีความเห็นอย่างไร?" ทุกสายตาเบนกลับมาที่เด็กหนุ่ม หลงอวี่สูดลมหายใจลึก เขาเหลือบมองไปทางด้านหลังของเสด็จอา ตรงมุมห้องที่เซี่ยเหยียนอวี่นั่งฝนหมึกอยู่เงียบๆ เหยียนอวี่เงยหน้าขึ้น ส่งสายตาให้กำลังใจและพยักหน้าเบาๆ ราวกับจะบอกว่า 'ท่านทำได้ เชื่อมั่นในสติปัญญาของท่าน' กำลังใจเล็กๆ นั้นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ หลงอวี่หันกลับมาเผชิญหน้ากับขุนนางเฒ่าด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป "ท่านเสนาบดี" หลงอวี่เอ่ยเสียงกังวาน "ท่านอ้างว่าท้องพระคลังร่อยหรอ แต่ข้าได้ตรวจสอบบัญชีย้อนหลัง พบว่าปีนี้เรายึดทรัพย์สินจากตระกูลฉินและพรรคพวกกบฏได้จำนวนมหาศาล เงินจำนวนนั้นหายไปไหน? เหตุใดจึงไม่นำมาใช้บำรุงสุขราษฎร?" เสนาบดีเฒ่าหน้าซีดเผือด "เอ่อ... นั่นเป็นทรัพย์สินรอการตรวจสอบ..." "ปกติการตรวจสอบใช้เวลาไม่เกินสามเดือน แต่นี่ผ่านมาครึ่งปีแล้ว" หลงอวี่รุกไล่ "ประชาชนในเขตเหนือเพิ่งผ่านพ้นภัยสงคราม หากเราชะลอการสร้างโรงทาน พวกเขาจะหนาวตายในฤดูหนาวที่จะถึงนี้... ข้าขอสั่งให้กรมคลังเบิกงบส่วนหนึ่งจากทรัพย์สินที่ยึดมาดำเนินการทันที! หากมีปัญหาเรื่องขั้นตอน ข้าจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง!" คำสั่งเด็ดขาดและเหตุผลที่ฉะฉานทำเอาขุนนางทั้งห้องเงียบกริบ จวิ้นอี่ยกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ "ได้ยินแล้วใช่ไหม?" จวิ้นอี่กล่าว "ทำตามที่องค์ชายหลงอวี่สั่ง... เลิกประชุมได้" เหล่าขุนนางถอยออกไปพร้อมกับความเกรงขามในตัวมังกรหนุ่มที่เริ่มฉายแวว เมื่อประตูห้องปิดลง หลงอวี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง "เฮ้อ... ข้านึกว่าจะโดนพวกตาแก่นั่นกินหัวเสียแล้ว" "เจ้าทำได้ดีมาก" จวิ้นอี่เดินเข้ามาตบไหล่หลานชาย "ความกล้าหาญที่จะตัดสินใจเพื่อประชาชน คือหัวใจของกษัตริย์" เหยียนอวี่ที่นั่งมองอยู่ยิ้มบางๆ เขาพยายามจะลุกขึ้นเพื่อนำน้ำชามาถวาย แต่ทันใดนั้น... วูบ! โลกทั้งใบหมุนคว้าง พื้นห้องเอียงกะเท่เร่ ความหนาวเหน็บยะเยือกพุ่งขึ้นมาจากปลายเท้าแล่นปราดเข้าสู่หัวใจ ราวกับเลือดในกายจับตัวเป็นน้ำแข็ง "อึก!" เหยียนอวี่เซถลา มือปัดโดนแท่นฝนหมึกร่วงลงพื้นเสียงดังสนั่น เพล้ง! "นายน้อยเซี่ย!" หลงอวี่ร้องลั่น จวิ้นอี่หันขวับ พระองค์พุ่งตัวเข้าไปรับร่างที่กำลังจะร่วงลงพื้นไว้ได้ทันท่วงที "เหยียนอวี่!" ร่างในอ้อมแขนเย็นเฉียบราวกับก้อนน้ำแข็ง ริมฝีปากที่เคยแดงระเรื่อบัดนี้เปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ ลมหายใจก็แผ่วเบาลงจนแทบขาดห้วง เซี่ยเหยียนอวี่พยายามจะลืมตามอง แต่เปลือกตาหนักอึ้งเกินต้านทาน "ฝ่า... บาท..." เหยียนอวี่พึมพำเสียงสั่น "ข้า... หนาว..." "จื้อเฉิน! ตามหมอไป๋! เดี๋ยวนี้!" จวิ้นอี่ตะโกนก้องอุ้มเหยียนอวี่ขึ้นแนบอก สัมผัสเย็นเยียบที่ส่งผ่านเสื้อผ้าทำให้พระองค์ใจหายวาบ หลงอวี่ยืนตัวแข็งทื่อ มองดูเสด็จอาที่มักจะสุขุมเยือกเย็น บัดนี้กลับมีสีหน้าตื่นตระหนกและหวาดกลัวอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน "เสด็จอา..." หลงอวี่ถามเสียงสั่น "นายน้อย... เขาเป็นอะไร?" จวิ้นอี่หยุดชะงัก หันมามองหลานชายด้วยแววตาเจ็บปวด "เขากำลังจะตาย... เพื่อแลกกับชีวิตของข้าและบัลลังก์นี้" … … ... ณ ห้องพักในสำนักหมอหลวง ไป๋เหวินเจี๋ยกำลังฝังเข็มทองลงบนจุดชีพจรสำคัญทั่วร่างของนายน้อยเซี่ย มือของหมอหนุ่มมั่นคงแต่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เข็มแต่ละเล่มสั่นระริกเมื่อสัมผัสกับผิวกายที่เย็นจัด ส่งเสียงหวีดหวิวเบาๆ ราวกับกำลังต่อสู้กับพลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็น จวิ้นอี่และหลิวจื้อเฉินยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่าง บรรยากาศในห้องหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ไป๋เหวินเจี๋ยจึงถอนเข็มออกและถอนหายใจยาว เหยียนอวี่สงบนิ่งลงแล้ว สีหน้าเริ่มมีเลือดฝาดกลับคืนมาบ้าง แต่ก็ยังหลับสนิท "อาการทรงตัวแล้วพะย่ะค่ะ" ไป๋เหวินเจี๋ยรายงานเสียงเครียด "แต่... ยาเทียบเดิมใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้ว พิษเย็นจากวิญญาณกัดกินลึกถึงกระดูก หากปล่อยไว้... เขาอาจอยู่ไม่พ้นฤดูหนาวนี้" จวิ้นอี่กำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ "ไม่มีทางรักษาเลยหรือ?" "มีทางเดียว..." ไป๋เหวินเจี๋ยหันไปหยิบตำราเก่าคร่ำคร่าเล่มหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมา "ข้าค้นเจอในบันทึกลับของบรรพบุรุษ... การจะผสานวิญญาณที่แตกร้าวให้กลับมาสมบูรณ์ ต้องใช้สมุนไพรในตำนานที่ชื่อว่าหญ้าเทวะหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเสินเฉ่า" "หญ้าเทวะ?" จื้อเฉินทวนคำ "มันเป็นพืชหายากที่ขึ้นอยู่บนยอดเขาหลิงซานทางทิศเหนือเท่านั้น" ไป๋เหวินเจี๋ยอธิบาย "มันบานเพียงปีละครั้งในคืนพระจันทร์เต็มดวง และ... คืนพระจันทร์เต็มดวงครั้งต่อไปคืออีกเจ็ดวันข้างหน้า" "เจ็ดวัน!?" จวิ้นอี่อุทาน "จากเมืองหลวงไปเขาหลิงซาน ใช้ม้าเร็วที่สุดก็ต้องห้าวัน... เวลาแทบไม่พอ" "และที่สำคัญ..." ไป๋เหวินเจี๋ยกล่าวต่อ แววตาฉายแววกังวล "เขาหลิงซานเต็มไปด้วยหน้าผาสูงชันและสัตว์ร้าย ว่ากันว่ามีพยัคฆ์ขาวเฝ้าหญ้าวิเศษอยู่... ไม่เคยมีใครรอดกลับมาพร้อมหญ้านั้น" ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ จวิ้นอี่ก้าวไปข้างหน้า "ข้าจะไปเอง" "ไม่ได้!" จื้อเฉินและไป๋เหวินเจี๋ยร้องห้ามพร้อมกัน "ราชสำนักเพิ่งจะสงบ หากฝ่าบาทเสด็จออกจากเมืองตอนนี้ ขุนนางเก่าจะฉวยโอกาสก่อความวุ่นวาย" จื้อเฉินเตือนสติ "องค์ชายหลงอวี่ยังไม่พร้อมจะรับมือคนเดียว" จวิ้นอี่กัดฟัน "แต่ข้าจะปล่อยให้เหยียนอวี่ตายไม่ได้!" ตุบ! จื้อเฉินคุกเข่าลงเบื้องหน้าองค์ชาย ประสานมือแน่น ดวงตาคมเข้มฉายแววเด็ดเดี่ยว "กระหม่อมขออาสาไปเองพะย่ะค่ะ!" "จื้อเฉิน?" ไป๋เหวินเจี๋ยเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงหลง "เจ้ารู้ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหน?" จื้อเฉินหันมามองหน้าหมอหนุ่ม ส่งยิ้มกวนๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ให้ "รู้สิ... แต่ถ้าข้าไม่ไป ใครจะไป? ฝ่าบาทต้องดูแลราชบัลลังก์ ท่านต้องดูแลนายน้อย... ข้ามีฝีมือตัวเบาดีที่สุดในกององครักษ์ ข้าสัญญาว่าจะกลับมาให้ทัน" จวิ้นอี่มองลูกน้องคนสนิทด้วยความซาบซึ้ง "จื้อเฉิน... ข้าฝากชีวิตดวงใจของข้าไว้ในมือเจ้า" "วางพระทัยเถิดพะย่ะค่ะ กระหม่อมจะนำหญ้าเทวะกลับมาให้ได้... แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม" ไป๋เหวินเจี๋ยเดินเข้าไปหาจื้อเฉิน ยัดขวดกระเบื้องหลายใบใส่อกเสื้อขององครักษ์หนุ่ม "ยาห้ามเลือด ยาแก้พิษ ยาบำรุงกำลัง... และนี่ ยาไล่สัตว์ร้าย" ไป๋เหวินเจี๋ยสั่งเสียงสั่น "เอาไปให้หมด และ... เจ้าห้ามตายเด็ดขาด เข้าใจไหม?" จื้อเฉินคว้ามือหมอหนุ่มมากุมไว้แน่น "ข้าไม่ตายหรอก... ข้ายังติดหนี้พาเจ้าไปดูดอกไม้ไฟอยู่นะ จำได้ไหม?" คำสัญญานั้นทำให้ไป๋เหวินเจี๋ยน้ำตาคลอ เขามองดูแผ่นหลังของชายคนรักที่กระโจนหายวับไปในความมืดมิดของราตรี มุ่งหน้าสู่ทิศเหนือที่เหน็บหนาว การเดิมพันครั้งสุดท้ายเพื่อยื้อชีวิตได้เริ่มขึ้นแล้ว และเวลาที่เหลือก็น้อยลงทุกที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD