เมื่อถึงเวลาตะวันตกดินท้องฟ้ากลายเป็นสีดำเข้ม บนถนนมีแสงไฟมากมายสาดส่องไปทั่วทุกหนแห่ง มาเบลที่กำลังนั่งรอรถเมล์อยู่ข้างทางกลับมีเรื่องให้ทุกข์ใจจนพลาดเที่ยวรถคันล่าสุด ทำให้เธอต้องนั่งรอเที่ยวต่อไปอีกประมาณสิบนาที
ครืดดด ครืดดดด~
เสียงสั่นของโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพายผ้าราคาถูกปลุกให้มาเบลได้หลุดออกจากความคิดตัวเอง แล้วมาสนใจที่จะล้วงหาของสิ่งนั้นขึ้นมาดูว่าใครกันที่โทรเข้ามาหาเธอในตอนนี้
“ฮัลโหลหวาน”
(ไม่มาทำงานเหรอเบล) เสียงหวานดูแปลกใจมาก เพราะนี่ก็เลยเวลาทำงานมาแล้วเกือบสามสิบนาที แต่ยังไม่ทันเห็นเพื่อนซี้ที่เคยมาก่อนเวลาเข้างานเป็นชั่วโมง
(ไม่สบายหรือเปล่า ไหวไหม)
มาเบลถอนหายใจมองรถที่วิ่งผ่านไปผ่านมาอย่างเลื่อนลอย
“เราว่าเราจะขอเจ๊แคทลา เรารู้สึกไม่สบายนิดหน่อย” สุดท้ายก็ต้องพูดออกไป วันนี้เธอคงมีเรื่องให้เครียดมากเกินกว่าจะทำงานไหว
(ไม่ไหวอย่าฝืนเลยเบล เรื่องงานไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวเราบอกเจ๊ให้)
“ขอบคุณนะหวาน เรารบกวนด้วยนะ”
(รบกงรบกวนอะไรกัน เบลป่วยก็ต้องพักผ่อน พักเถอะเบลเรื่องงานไม่ต้องเป็นห่วง)
พอหวานวางสายไหม มาเบลก็กลับมาจมอยู่กับความคิดตัวเอง
เธอยังคงนั่งคิดอะไรเงียบๆอยู่คนเดียวตรงป้ายรถเมล์ เพราะถึงให้กลับบ้านไปตอนนี้เธอก็ต้องเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกันไม่จบไม่สิ้นอยู่ดี
(เสียงแตรรถ)
มาเบลสดุ้งเฮือก แสงไฟที่สาดส่องเข้าดวงตาเธอมันแรงมากจนเธอต้องยกมือขึ้นมาปิด และหลังจากรถจอดได้ไม่นาน ชายร่างท้วมที่นั่งอยู่ด้านหลังรถก็ก้าวขาลงมาแล้วเดินมาหาเธอที่นั่งอยู่
“มาเบลใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ คุณเป็นใครคะ”
“ได้เจอกันสักทีนะ เสี่ยอยากเจอเรามานานแล้ว”
ชายที่เรียกตัวเองว่าเสี่ยเดินเข้ามาใกล้เธออีกก้าว พร้อมกับกระชากตัวเธอให้เข้าไปกระแทกกับลำตัว มาเบลขัดขืนและร้องตะโกนให้ผู้ชายคนนั้นปล่อย
“ปล่อยหนู ปล่อย คุณเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาทำกับหนูแบบนี้”
“อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยน่า สวยๆแบบนี้คงไม่รอดพ้นมือชายมาต่ำกว่าสิบคนแล้วละสิ”
“ว่าไงนะ” มาเบลเม้มริมฝีปากแน่น แววตาจ้องไอ้เสี่ยพุงโตนั่นด้วยความกรุ่นโกรธ
“เพิ่มเสี่ยไปอีกสักคนเป็นไง ถ้าเธอยอม หนี้ที่พ่อเธอติดไว้เสี่ยจะยกให้หมดเลย” เสี่ยเส้งยักคิ้วพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก มองใบหน้าของหญิงสาวรุ่นลูกด้วยความหิวโหย
“เก็บไว้ยกให้เมียเสี่ยเถอะ อย่ามายุ่งกับหนู”
มาเบลจัดการใส่เข่าเข้าร่องกลางของเสี่ยเส้งจอมเขมือบจนใบหน้าเขียวปูด คงจะจุกจนพูดไม่ออก เห็นอย่างนั้นมาเบลจึงได้รีบวิ่งหนีเมื่อมือของเสี่ยเส้งหลุดออกจากแขน
ขณะที่เธอวิ่งหนีจนขาพันกัน คนของเสี่ยก็วิ่งตามเธอมาติดๆ พวกมันรั้งตัวเธอไว้แล้วลากเธอกลับไปให้กับเสี่ยเส้งที่นอนดิ้นอยู่บนพื้นจากที่โดนเธอใส่เข่าเข้าร่องไปเมื่อครู่
“นังตัวดี คืนนี้มึงไม่รอดจากกูแน่ เอาตัวมันไป”
“กรี๊ดดดด ปล่อยนะ!! ช่วยด้วย!”
มาเบลกรี๊ดลั่น ทว่าเสียงกรีดร้องของเธอกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะพวกมันจับเธอยัดเข้าไปในรถ แล้วปิดประตูเสียงดังใส่หน้าเธอดังปัง!
มือเล็กทั้งทุบทั้งตะโกนและพยายามเปิดประตูรถออก ทว่าทุกอย่างกลับนิ่งเฉย คนพวกนั้นล็อกเธอเอาไว้ในรถ พลางยืนเฝ้าทุกประตูเพราะกลัวว่าเธอจะหนี
“พวกมึงเอาตัวมันไปที่บ้านกู แล้วจับมันขังไว้ที่ห้องใต้บันได“ เสี่ยเส้งสั่งลูกน้อง ก่อนจะเรียกให้ลูกน้องที่ยืนใกล้ๆเข้ามาช่วยพยุงตัวเอง
ลูกน้องของเสี่ยต่างพากันรับคำสั่ง และกำลังที่จะก้าวขึ้นรถ แสงไฟของรถที่ขับมาจากทางด้านหลังพร้อมกับความเร็ว ก็เข้ามาตัดหน้ารถที่มาเบลนั่งอยู่ให้ต้องเบรกหัวคว่ำ
“ลงมา!” ชายหนุ่มตะโกนเสียงเข้มใส่ด้านข้างของคนขับ พร้อมกับถือปืนชี้หน้ามันเพื่อเป็นการข่มขู่
“กูบอกให้ลง”
“ลงแล้วครับ ใจเย็นๆก่อน” คนขับรถเปิดประตูแล้วก้าวขาลงไปพร้อมกับยกมือขึ้นสองข้าง พลางบอกให้อีกคนที่ลงมาด้วยกันทำตาม เมื่อจะหันไปขอความช่วยเหลือเสี่ยผู้เป็นเจ้านายเสี่ยก็หนีเผ่นแลบไปแล้ว
“ณบาร์ ไปเอาเบลออกมา”
ณบาร์ที่มาพร้อมกับชายหนุ่มร่างใหญ่มาดนายตำรวจยศสูง รีบเดินอ้อมไปช่วยพี่สาวที่นั่งนิ่งตาค้างอยู่ด้านหลังรถทันที
“เป็นอะไรไหมเบล พวกมันทำอะไรเบลไหม”
“ยังไม่ทันได้ทำ บาร์มาที่นี่ได้ยังไง”
“พวกเฮียเส้งมันไปที่บ้าน ขนของในบ้านเราออกไปหมด มันซ้อมพ่อจนน่วมเลยเบล” ณบาร์เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ มาเบลจึงรีบเข้าสวมกอดปลอบคนเป็นน้องให้ใจเย็นลง
“ยังดีที่พวกมันรู้จักกลัว ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีกโทรหาพี่ได้เลยนะ” ผู้กองหนุ่มเดินเข้ามาหาสองสาวหลังจากเคลียร์เสร็จ
คนพวกนั้นดีแต่ข่มขู่ แต่พอตัวเองโดนของจริงเข้าหน่อยก็กลัวกันจนหัวหด โชคดีที่ณบาร์กับเขามาช่วยได้ทัน
“ขอบคุณนะคะ” มาเบลเอ่ยขอบคุณเขาเบาๆ เธอไม่กล้ารบกวนเขาหรอก ต่อให้เขาจะแสนดีและอยากดูแลเธอมากแค่ไหนก็ตาม
“ขอบคุณอะไรกัน พี่บอกแล้วไงว่าพี่เต็มใจช่วย นี่ครั้งที่สองแล้วนะเบล” ผู้กองหนุ่มพูดแล้วใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มมองใบหน้าของคนที่เขามีใจให้อย่างเป็นห่วง
เขาเป็นห่วงเธอที่สุด แต่เพราะเราสองคนไม่มีสถานะที่จะสามารถแสดงออกกันได้อย่างชัดเจน
“เบลไม่อยากรบกวนพี่ไนท์ค่ะ”
“พี่บอกแล้วไงว่าไม่รบกวน”
“เบลบาร์อยากกลับบ้าน”
ก่อนที่ทั้งสองคนจะได้คุยอะไรกันต่อ ณบาร์ก็สะกิดแขนเธอเพื่อให้พาเธอกลับ เธอไม่อยากอยู่ตรงนี้นานๆ เพราะกลัวว่าไอ้พวกเฮียเส้งมันจะย้อนกลับมาอีก
ผู้กองไนท์จึงเป็นฝ่ายอาสาขับรถมาส่ง เขารู้จักและสนิทสนมกับบ้านของมาเบลเป็นอย่างดี เพราะบ้านที่เธอเช่าอยู่เป็นของครอบครัวเขา ส่วนเขาก็เป็นลูกเจ้าของบ้านเช่าที่แอบชอบเธอมานาน ไม่สิ จะบอกว่าแอบชอบมานานก็ไม่ได้ เพราะเราสองคนเคยคบกันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
“เบลพี่ขอคุยด้วยหน่อย”
มือหนารั้งเรียวแขนเล็กของหญิงสาวเอาไว้ ทำให้มาเบลต้องบอกให้ณบาร์เข้าไปด้านในก่อน ส่วนเธอก็กลับเข้าไปในรถเหมือนเดิมแล้วคุยกับพี่ไนท์ต่อ
“พี่ว่าเบลย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่พี่เพิ่งสร้างเสร็จดีไหม ที่นี่มันอันตรายมากนะ”
“เบลจะย้ายไปอยู่ที่นั่นได้ยังไงคะ นั่นบ้านพี่ไนท์นะ”
“บ้านพี่ก็เหมือนบ้านเบล เบลก็รู้ว่าพี่รู้สึกยังไงกับเบล”
“เบลว่าเราอย่าคุยเรื่องนี้กันอีกเลยจะดีกว่านะคะ เบลไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว”
ถ้าไม่ติดว่าเธอไม่มีปัญหาไปหาเงินมัดจำค่าเช่าบ้านที่ใหม่ เธอคงจะไม่ทนอยู่ที่นี่ให้พี่ไนท์เข้ามาวุ่นวายเธอแบบนี้ต่อหรอก
“เบลยังโกรธพี่เรื่องนั้นอยู่เหรอ”
“เรื่องไหนเหรอคะ เบลลืมไปหมดแล้วนะ” ไม่อยากจะจำมันเลยต่างหาก
“เรื่องนั้นพี่ไม่ได้เป็นคนทำจริงๆนะเบล เรื่องทั้งหมดมันเป็นแผนของแม่พี่คนเดียว” แผนที่อยากจะจับเขาให้ออกห่างจากมาเบล โดยการวางยาให้เขานอนกับผู้หญิงอีกคนแล้วให้เบลเข้ามาเจอ ตั้งแต่วันนั้นเบลก็พยายามออกห่างจากเขามาตลอด
“เบลไม่พร้อมที่จะย้ายที่อยู่ตอนนี้ค่ะ รบกวนพี่ไนท์อย่ามายุ่งกับเบลอีกเลยนะคะ เบลไม่อยากโดนไล่ออกจากบ้าน…
…สำหรับเรื่องวันนี้ ขอบคุณมากนะคะ”
ปัง!
มาเบลลงจากรถไปทันที ทิ้งให้ผู้กองหนุ่มมองตามจนเธอหายลับเข้าไปในบ้านแทน