ลูกศรเดินเข้ามาพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรังเพื่อจะมาแสดงความยินดีให้กับว่าที่พี่สะใภ้ของตัวเอง แต่เมื่อเดินเข้ามากลับต้องแปลกใจ เมื่อเห็นผู้ชายแลดูมีอายุช่วงวัยสามสิบต้นๆยืนเก็บของ ขนของอยู่ในสตูดิโอ แต่ก่อนจะต้องแปลกใจไปมากกว่านี้ คีตีกาก็เข้ามาทักทายเธอจนเธอต้องหันไปสนใจคนที่เรียกแทน
“อ้าวลูกศรซื้ออะไรมาเยอะแยะ มาๆพี่ช่วย”
“ไม่เยอะหรอกค่ะ ขนมร้านโปรดพี่เพลงทั้งนั้น แล้วก็มีของที่คุณแม่ฝากมาให้พี่เพลงด้วย”
“ทีหลังไม่ต้องซื้อมาเยอะแบบนี้นะ พี่เกรงใจ มาๆเข้ามานั่งนี่ก่อนเดี๋ยวพี่ขอไปคุยงานแป๊บนึง”
ว่าจบหญิงสาวรูปร่างหน้าตาดีได้ชื่อว่าเป็นพี่สะใภ้ก็เดินหายเข้าไปในห้องนอนด้านใน หญิงสาวเลยหันไปสนใจคนที่เธอเดินเข้ามาเจอกับเขาในตอนแรก
“ลุงคะ” เพราะเห็นว่าเขาน่าจะอายุเยอะกว่าแต่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร ก็เลยขอเรียกลุงไปก่อนละกัน ทว่าเขาก็ยังไม่ยอมหันมาหาเธอจนเธอต้องเดินเข้าไปใกล้แล้วเรียกเขาอีกครั้ง
“ลุงคะ”
“เรียกใคร?”
“ก็ลุงไงคะ ตรงนี้ก็มีลุงคนเดียวนะ” หญิงสาวตอบอย่างกวนๆ ตามสไตล์แต่มันดันไปสะกิดความปีนเกลียวของคนอายุเยอะกว่า ทำให้เขาเริ่มไม่ชอบเด็กคนนี้เอาเสียเลย เป็นผู้หญิงแต่ดูไม่มีมารยาท
“ฉันไม่ใช่ลุง แล้วเธอเป็นใคร”
“ห้ะ นี่อย่าบอกนะว่าไม่รู้จักหนู…เห้ออ เป็นลุงจริงๆสินะ”
จังหวะที่หญิงสาวกำลังแอบขำอยู่ในใจ หมอหนุ่มกับพุ่งตัวจนเดินเข้ามาประชิดตัวเธอตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทันได้ตั้งตัว เขาอยู่ใกล้เธอจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ลูกศรได้สติจึงเดินถอยหลังให้ห่างจากคนอันตราย
“หนูไม่รู้นะว่าลุงกำลังคิดอะไร แต่ถ้าหากว่าลุงคิดจะจีบพี่เพลงหนูบอกเลยว่าลุงหมดสิทธิ์ เพราะพี่เพลงกำลังจะแต่งงานกับพี่ชายของหนู”
“พี่ชาย? ใคร”
“ก็…” ลูกศรกำลังจะพูดต่อ แต่คีตีกาดันเดินเข้ามาพอดี ทำให้เธอต้องกลืนคำนั้นกลับลงคอไป
ลูกศรใช้เวลาอยู่กับคีตีกาอยู่สักพัก จนหมอตฤณกลับไปแล้วถึงได้กล้าเอ่ยถามคีตีกาอีกครั้งเพราะอยากรู้ว่าคนน่ากลัวแบบนั้น คีตีกากล้าอยู่กับเขาสองคนได้ยังไง
“พี่เพลงคนเมื่อกี้ใครเหรอคะ ดูน่ากลัวจัง”
“หือ อ่อ หมอตฤณน่ะ เป็นหมอที่รักษาขนุนกับทุเรียน คลินิกเขาอยู่ตรงนู้นไง”
“เขาจีบพี่เพลงเหรอคะ ไม่ได้นะคะ พี่เพลงจะต้องเป็นพี่สะใภ้ของหนูคนเดียวเท่านั้น” ลูกศรแสดงอาการเง้างอนเหมือนในวัยเด็ก ทำให้คีตีกาหลุดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู แต่ก็ได้แต่ปฏิเสธไปถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้อยากเป็นพี่สะใภ้เธอก็ตาม แต่เรื่องเธอกับหมอตฤณก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่าคำว่าเพื่อน
เธอใช้เวลากับพี่สะใภ้อยู่นานจนเมื่อเห็นว่าดึกมากแล้ว เลยขอตัวกลับเพราะพรุ่งนี้เธอยังต้องมีงานไปเล่นคอนเสิร์ตแถวๆชานเมืองแต่เช้า
วันต่อมา
ลูกศรใช้เวลาในการถ่ายรูปกับแฟนคลับอยู่สักพัก เธอเป็นนักร้องที่โด่งดังในหมู่วัยรุ่นอยู่ไม่น้อย จากการที่พี่ชายช่วยให้ทางบริษัทดันให้และความสามารถของเธอเอง จึงใช้เวลาไม่นานเธอก็เป็นที่รู้จักจนติดกระแส
“เห้ออ วันนี้คนรอถ่ายรูปเยอะมาก หนูยิ้มจนปวดแก้มหมดเลย” หญิงสาวขึ้นรถมาได้ก็บ่นให้กับผู้จัดการส่วนตัวฟังทันที
“ก็เราดังแล้วนี่ ต้องยอมเหนื่อยเซอร์วิสแฟนเพลงหน่อย” หญิงสาวไม่ได้ลำบากอะไรเธอเต็มใจด้วยซ้ำที่จะยืนถ่ายรูปกับแฟนเพลงเป็นพันๆคน แต่แค่อยากจะอ้อนเพื่อให้ใครมาเอาใจเท่านั้น ก็ทั้งชีวิตของเธอมีแต่คนให้เธออ้อนตลอดเวลาน่ะสิ
ลูกศรนั่งมองวิวด้านข้างจากบนรถที่เธอนั่งอยู่ ตอนกลางคืนที่นี่มืดมิดไม่เหมือนกับในตัวเมืองที่มองไปทางไหนก็เจอแต่แสงไฟ ระหว่างทางมีทั้งช่วงที่เป็นป่า กับช่วงที่เป็นแถบบ้านคนสลับไปมา สายตาเล็กเฉี่ยวมองเข้าไปยังร้านอาหารข้างทางร้านหนึ่งในจังหวะที่รถชะลอตัว เธอเห็นเหมือนกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอรู้จัก เมื่อมองไปอีกฝั่งก็เจอเข้ากับเขาคนนั้นที่กำลังจะเข้ามาแย่งพี่สะใภ้ของเธอไป หญิงสาวเม้มปากล่างแน่นก่อนจะหันไปคุยกับคนขับรถด้านหน้า
“พี่บอลกลับรถให้หนูหน่อยค่ะ” ทั้งผู้จัดการและคนขับรถต่างก็ทำหน้างงงวยให้กับหญิงสาวยกใหญ่
“มีอะไรหรือเปล่าลูกศร” ครีมหรือครีมมี่ผู้จัดการส่วนตัวของสาวเจ้าเอ่ยถามออกมาอย่างต้องการรู้คำตอบ
“หนูมีเรื่องต้องจัดการค่ะ!” พร้อมกับทำหน้าโหดแต่ก็ไม่สามารถลบความน่ารักออกไปจากเธอได้
ลูกศรพุ่งตัวเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะกับทั้งสองคนทันที โดยที่ไม่ต้องมีใครเชื้อเชิญ ทำเอาคนที่นั่งอยู่ก่อนถึงกับงงหันไปมองหน้าหญิงสาวพร้อมๆกัน แต่ก็มีเพียงแค่คีตีกาเท่านั้นที่เอ่ยทักพร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างดีใจที่เจอเธอ ทว่าอีกคนกับทำใบหน้าบูดบึ้งใส่ เขารู้สึกไม่ชอบเด็กไม่มีมารยาทอย่างเธอเสียเลย เด็กสาวคนนี้กำลังทำให้เขาเริ่มรำคาญ
“เดี๋ยวเพลงขอไปคุยโทรศัพท์แป๊บนึงนะคะ” คีตีกานี่ก็อะไรเวลาที่หญิงสาวเข้ามาทีไร เป็นต้องมีเรื่องให้ต้องออกไปคุยโทรศัพท์ตลอด หมอหนุ่มได้แต่คิดแล้วก็มองตามหลังคนตัวเล็กอีกคน
“อ่ะแฮ่ม!! หนูเตือนแล้วไม่ฟังเลยใช่ไหมคะ” ลูกศรย่นจมูกใส่ตฤณ แต่เขากลับไม่ได้สนใจ แถมยังคิดจะกวนเธอกลับเสียด้วยซ้ำ
“เข้ามหาลัยหรือยัง?”
“คะ? ทะ ทำไมคะ”
“ก็เห็นว่าง ชอบเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่นตลอด”
“คนอื่นอะไรคะ นี่พี่สะใภ้ของหนู หนูขอเตือนคุณอีกครั้งนะว่าห้ามมาจีบพี่เพลงอีก เพราะพี่เพลงจะต้องแต่งงานกับเฮียศิลาของหนูคนเดียวเท่านั้น”
“หึ ยังเด็กอยู่เลยเราเอาเวลาไปเรียนหนังสือให้จบเถอะ” หมอตฤณแค่นหัวเราะพลางคิดแค่ว่าก็แค่เด็กน้อยหวงของ
“หนูไม่เด็กแล้วนะ” ลูกศรแว้ดออกมาเสียงดังจนผู้จัดการส่วนตัวที่นั่งอยู่ทางด้านหลังต้องดุให้
“ไม่เด็ก? อะไรที่ว่าไม่เด็ก สมอง อายุ หรือว่า?…” หมอตฤณใช้สายตาสำรวจร่างกายหญิงสาวจนใบหน้าขาวเนียนมีเลือดฝาดขึ้นมาเป็นสีแดงที่แก้มทั้งสองข้าง
“นี่!!! มันจะมากเกินไปแล้วนะคะ”
ก่อนจะได้มีมวยเกิดขึ้นในร้านอาหารอีสาน คีตีกาก็เดินกลับเข้ามาได้จังหวะพอดีทำให้ทั้งคู่ต้องเงียบใส่กันกระทันหัน คีตีกาโดนวรรณศิริโทรตามให้กลับบ้านเธอเลยเป็นฝ่ายเสนอตัวไปส่งเอง เพราะไม่อย่างนั้นคนที่จ้องจะแย่งก็จะต้องเป็นคนไปส่งพี่สะใภ้ของเธอแทน
หมอตฤณกลับมาที่เพนต์เฮาส์ของตัวเอง เขาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาราคาแพง พร้อมกับยกมือขึ้นมาเสยผมที่จัดทรงมาทั้งวันให้กระจายตัวจนกลายเป็นผมฟูๆแบบผู้ชายมาดเซอร์ เพราะเรื่องที่ทำให้เขาอารมณ์เสียเมื่อกี้มันกวนใจเขาอยู่ไม่น้อย จึงเปลี่ยนเป็นลุกขึ้นไปหยิบเบียร์กระป๋องในตู้เย็นออกมาดื่มเพื่อให้อารมณ์เย็นลง
“จะมีแฟนทั้งที ทำไมอุปสรรคมันเยอะจังวะ” หมอหนุ่มทึ้งหัวตัวเองแรงๆไปหนึ่งที แล้วสะบัดตัวเดินออกจากห้องครัว