หลังคืนนั้น—คืนที่น้ำเกือบโดนดึงไปอยู่กับทับทิม
แพรวทั้งกลัว ทั้งช็อก
ทั้งสงสัยว่ามันเป็นเรื่องอะไร
จนไม่กล้าปล่อยให้น้ำอยู่คนเดียวแม้แต่วินาทีเดียว
คืนนั้นทั้งสองนอนไม่หลับ
พอรุ่งเช้า แพรวพาน้ำไปโรงพยาบาลทันที
⸻
🌤️ ห้องตรวจ — หมอบอกในสิ่งที่ “ไม่คลายความสงสัยเลย”
หมอตรวจร่างกายน้ำทุกอย่าง
ความดัน ชีพจร สมองคลื่นไฟฟ้า
แต่ทุกอย่างปกติ
หมอถาม
“มีความเครียดสะสมไหม นอนน้อยไหม?”
น้ำส่ายหน้า
เพราะเธอรู้ว่า…ไม่ใช่เรื่องนี้
แพรวพยายามอธิบาย
แต่จะให้พูดอย่างไร?
จะบอกว่ามี “ผู้หญิงในชุดแดงตามมาทุกคืนจนแทบตาย” มันก็พูดยาก
สุดท้ายหมอบอกแค่ว่า
“ลองพักผ่อนดี ๆ นะ อาจเป็นภาวะหวาดระแวงจากความฝันสะสม”
แต่แพรวไม่เชื่อ
เพื่อนของเธอ ไม่ใช่คนหวาดระแวง
และสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน…มันไม่ใช่ “ความฝัน”
หลังออกจากโรงพยาบาล
แพรวหยุดนิ่งอยู่หน้าประตู
ก่อนหันมาบอกน้ำด้วยความจริงจังที่สุด
“เราไม่ไว้ใจอาการแบบนี้เลยน้ำ…
เราต้องไปหาพระที่น้ำเคารพนั้นแล้วล่ะ
เราต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจริง”
น้ำตัวแข็ง
เพราะเธอกลัวความจริง
กลัวได้ยินคำที่ไม่อยากรู้
แต่ก็รู้ว่า…ถึงเวลาต้องเผชิญหน้าแล้ว
⸻
🌕 วัดเก่า — สถานที่ที่ความจริงเริ่มเผยตัว
ทั้งคู่เดินเข้าไปในวัดที่เงียบสงบ
มีพระรูปหนึ่งนั่งอยู่ตรงอุโบสถ
พระรูปนี้คือน้ำเคารพมากตั้งแต่เด็ก
และท่านก็มองน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ
เหมือนรู้…
เหมือนเห็นอะไรบางอย่างรอบตัวน้ำ
แพรวยกมือไหว้ก่อนถามตรง ๆ
“หลวงพ่อเจ้าคะ…
มีอะไรบางอย่างตามเพื่อนหนูมาหรือเปล่า?”
หลวงพ่อไม่ตอบทันที
แต่หลับตาลง…
นิ่งไปนานเหมือนกำลังเพ่งอะไรบางอย่าง
น้ำกุมมือแพรวแน่นจนเหงื่อซึม
หัวใจเต้นแรงเหมือนกำลังรอคำพิพากษา
หลังจากเงียบไปร่วมหนึ่งนาที
หลวงพ่อจึงลืมตา
และพูดด้วยเสียงต่ำ ช้า และหนักแน่นเกินคาด
“ใช่… มีจริง”
แพรวตาเบิกกว้าง
“หลวงพ่อ! คืออะไรคะ!?”
พระมองหน้าน้ำโดยไม่หลบ
ก่อนพูดในประโยคที่ทำให้น้ำขนลุกทั้งตัว
“วิญญาณผู้หญิงคนหนึ่ง…
รุ่นใหญ่
ผูกกรรมกับโยมมาหลายชาติ”
น้ำตัวเย็นวาบ
เพราะเธอรู้ทันทีว่าหลวงพ่อหมายถึงใคร
หลวงพ่อพูดต่อช้า ๆ
เหมือนกลัวว่าแต่ละคำจะทิ่มใจน้ำแรงเกินไป
“ผู้หญิงคนนั้น…
รักโยมมาก
รักจนกลายเป็นคำสาป”
“เธอตามโยมมาทุกชาติ
ไม่เคยไปเกิด”
แพรวเริ่มตัวสั่น
“แล้ว…อันตรายไหมคะหลวงพ่อ?”
หลวงพ่อถอนหายใจยาว
ก่อนพูดคำที่ทำให้น้ำแทบทรุดลงกับพื้น
“อันตรายมาก…
เมื่อคืนโยมเกือบไม่รอดเพราะเธอรักมากเกินไป”
น้ำกลืนน้ำลาย
ความกลัว ความสงสาร ความวุ่นวายในหัวพรั่งพรูจนล้มเหลวไปหมด
หลวงพ่อหันมามองน้ำอีกครั้ง
สายตาไม่ได้ดุ
แต่เต็มด้วยความเข้าใจลึก ๆ
“เขารอโยมมาหลายร้อยปีแล้วลูก
รัก…และเจ็บ…มาทุกรอบ
จนตอนนี้ เขาแยกไม่ได้แล้วว่าอะไรคือรัก
อะไรคือคำสาป”
แพรวหน้าซีด
“แล้วต้องทำยังไงคะ…?”
หลวงพ่อวางลูกประคำลง
เสียงเรียบ แต่หนักพอจะทำให้หัวใจน้ำหยุดเต้น
“วิญญาณดวงนี้ไม่ใช่ผีธรรมดาแล้ว
เธอเป็น ‘ผีรัก’ ที่ยึดโยมไว้ด้วยกรรมเก่าและคำสาปที่ตัวเองสร้าง”
“ถ้าไม่รีบแก้…
โยมจะถูกดึงไปจริง ๆ”
น้ำตาไหลทันที
ไม่ใช่เพราะกลัวตาย
แต่เพราะเธอรู้ดีว่า
ทับทิมเอง…ก็ไม่อยากทำร้ายน้ำ
แต่คำสาปบังคับให้เป็นแบบนั้น
หลวงพ่อพูดคำสุดท้ายของฉากนี้
เป็นคำที่สั่นถึงกระดูกของทุกคนในห้อง
“เธอไม่ได้จะฆ่าโยม…
เธอแค่ ‘รัก’ โยมมากจนปล่อยไม่ได้เท่านั้นเอง”