กรวิชญ์ นั่งอยู่บนบันไดไม้หน้าห้องพัก หัวใจยังหนักอึ้งกับคำพูดของตุลยาเมื่อช่วงเย็น เสียงของเธอยังคงชัดเจนอยู่ในหัว
“คนที่ใส่ใจคนในครอบครัวจริงๆ ต่อให้ไม่มีโทรศัพท์เขาก็ต้องจำได้ อย่างน้อยก็เบอร์บ้าน เบอร์พ่อแม่ แต่นายล่ะ ไม่ใส่ใจครอบครัว ฉันเกลียดคนแบบนี้ที่สุด”
เขาหยิบโทรศัพท์ของไก่โต้งที่เพิ่งยืมมา ก้มหน้าพิมพ์ช้าๆ ลงในช่องค้นหา ‘เดอลักซ์ รีสอร์ต ภาคใต้’ เมื่อได้เบอร์โทรติดต่อเขาก็รีบกดโทรออกไปทันที
ไม่นานนักปลายสายก็ตอบรับด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ
“สวัสดีค่ะ เดอลักซ์รีสอร์ต ยินดีให้บริการค่ะ”
“ผมเองนะ กรวิชญ์ ช่วยต่อสายหาสันกฤต ผู้ช่วยของผมที”
“รับทราบค่ะ รอสักครู่นะคะ”
เพียงไม่กี่วินาที เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
“คุณวิชญ์ คุณหายไปไหนมา พวกเรากำลังหากันวุ่นเลยครับ” น้ำเสียงตื่นตระหนกของ สันกฤต ทำให้เขาเผลอยิ้มบางๆ ออกมา
“ไว้ฉันจะเล่าทุกอย่างทีหลัง ตอนนี้ฟังดีๆ นะ รถของฉันจอดอยู่ที่คอนโดอยู่สุขที่ตรัง พรุ่งนี้นายจัดการให้คนไปเอา แล้วนายก็มารับฉันที่สวนมะพร้าวตุลยา ให้เร็วที่สุด”
“ครับๆ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย คุณโอเคนะครับ”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นอะไร” เสียงของเขานิ่งอย่างที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก
“รับทราบครับ ผมจะไปถึงให้เร็วที่สุด”
“ดี” เขาตอบสั้นๆ ก่อนกดวางสาย ตามด้วยความเงียบที่ปกคลุมรอบตัว เขาเอนหลังพิงเสาไม้ สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วปล่อยออกมาช้าๆ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน หากเจองานหนักคงรีบหนีไปจากที่นี่ตั้งแต่วันแรก แต่ว่าจนถึงวันนี้เขากลับรู้สึกว่าไม่อยากไปจากที่นี่เลย
เขาก้มมองฝ่ามือตัวเองที่เปื้อนดินจากการทำสวนตอนกลางวัน มือที่ไม่เคยสัมผัสดินจริงๆ มาก่อนนอกจากเวลาถ่ายรูปลงโซเชียลโชว์ชีวิตเท่ๆ
รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า ดวงตาที่เคยล้อเล่นตอนมองผู้หญิง เริ่มมีแววจริงจังขึ้นเป็นครั้งแรก
“กลับไปครั้งนี้ ฉันจะไม่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยเหมือนเดิมอีกแล้ว” เขาพึมพำเบาๆ กับตัวเอง ก่อนหน้านี้ที่เขาเจ้าชู้และควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ก็เพราะปมเมื่อสิบปีก่อนที่เขาทั้งเชยและไม่ดูแลตัวเอง เรียกได้ว่าทั้งอ้วน ทั้งเฉิ่ม พูดก็ไม่เก่ง
พอเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ก็เลยหลงระเริงกับรูปลักษณ์ของตน ใช้มันหว่านเสน่ห์ไปทั่ว แต่ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะเงินของเขาด้วย จึงทำให้มีสาวๆมากมายที่ตอบรับการเข้าหาของเขา ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่คู่ควงชั่วคราวแต่ทุกคนก็เต็มใจและได้รับผลประโยชน์ ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบทั้งนั้น
แต่ก็มีบางคนที่ไม่ยอมให้เรื่องจบ พยายามจะมาเป็นลูกสะใภ้ของศรัทธานนท์ เกาะติดเขาจนสลัดหลุดยาก แต่ก็ใช่ว่าจะสลัดหลุดไม่ได้
เสียงลมพัดยอดมะพร้าวเสียดสีกันดัง กรวิชญ์ลุกขึ้นยืน หันมองไปทางตัวบ้านของตุลยาที่เปิดไฟอยู่ไกลๆ ความรู้สึกแปลกๆ ในอกทำให้หัวใจเต้นแรง ไม่ใช่เพราะอยากจีบแบบเล่นๆ อีกต่อไป แต่เขาอยากเป็นคนที่มีค่ามากพอ สำหรับใครบางคน
************************
รถบรรทุกหกล้อคันใหญ่จอดอยู่ข้างสวน เสียงคนงานยกทะลายมะพร้าวขึ้นท้ายรถดัง ตึงๆ สลับกับเสียงนับจำนวนชัดถ้อยชัดคำ
“เจ็ดร้อยเก้าสิบห้าเจ็ดร้อยเก้าสิบหกลูก”
ตุลยาจดตัวเลขลงในสมุดบันทึก มือเรียวถือปากกาอย่างคล่องแคล่ว ใบหน้าที่เคร่งขรึมในยามทำงาน ทำให้กรวิชญ์ยิ่งรู้สึกหลงใหล
คนงานช่วยกันขนมะพร้าวทะลายสุดท้ายขึ้นท้ายรถ เสียงฝาท้ายปิดลง พ่อค้าคนกลางยื่นซองเงินมาให้ ตุลยาเปิดนับ ก่อนพยักหน้าอย่างเป็นทางการ
“เรียบร้อยค่ะ ขอบคุณมาก”
“รอบหน้าอีกสิบห้าวันนะคุณมายด์” พ่อค้าคนกลางยิ้มให้ ก่อนจะขับรถออกไป
กรวิชญ์ยืนกอดอกอยู่ไม่ไกล มองภาพทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบอย่างเงียบๆ พอเสียงรถบรรทุกคันใหญ่หายไปจากถนน เขาก็เดินเข้าไปหาเธอ
“ผมถามอะไรหน่อยได้ไหม” เขาเปิดฉากด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“อะไร” ตุลยาหันมามองขณะปิดสมุดบัญชี
“ทำไมไม่ขายแบบเป็นทะลายแล้วชั่งกิโลเฉลี่ยเอาล่ะครับ แบบนั้นมันง่ายกว่าการนับลูกไม่ใช่เหรอ”
“ง่ายสิ แต่ก็มีพ่อค้าหัวหมอเยอะเหมือนกัน” ตุลยาหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“หัวหมอยังไงครับ”
“ก็ชอบอ้างว่าทะลายหนักเกินไป อุ้มน้ำตอนตัดลงคูน้ำบ้าง ไม่ใช่น้ำหนักมะพร้าวบ้าง สารพัดข้ออ้างสุดท้ายก็ต่อรองราคาให้ต่ำลง ถ้าขายนับเป็นลูกเลย มันตัดปัญหา ชัดเจน ลูกละสิบบาทหน้าสวน ไม่ต้องมานั่งเถียงกันให้ยุ่งยาก”
กรวิชญ์พยักหน้า เหมือนคนเริ่มเข้าใจกลไกธุรกิจของเธอ “แล้วทำไมไม่ขายปลีกเองล่ะ แบบเปิดหน้าร้านหรือส่งตลาด”
“ขายปลีกหน้าสวนก็มี น้าละไมขายหน้าสวน ทั้งกาแฟน้ำมะพร้าว ชาเขียวน้ำมะพร้าว ใช้น้ำมะพร้าวชง น้ำมะพร้าวก็มีขาย ส่วนเรื่องขายส่งตลาด นั่นมันต้องลงทุนเยอะ ต้องจ้างคนคัดไซซ์ ต้องขนส่ง ต้องมีพื้นที่เก็บ ต้องคอยหาตลาดปลายทางเอง ถ้าขายส่งแบบนี้ ถึงจะได้น้อยหน่อยแต่ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงหลายทาง สวนอยู่ได้ เงินหมุนคล่อง ฉันก็พอใจแล้ว” ตุลยาตอบไม่ลังเล
“ฟังดูเหมือนพี่มายด์วางแผนดีมากเลยนะ” เขายิ้มบางๆ
“ก็ต้องคิด ถ้าไม่คิดสวนก็เจ๊งสิ” ตุลยาเชิดคางนิดๆ
กรวิชญ์มองเธอด้วยสายตาชื่นชม
“พี่นี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ” เขาเผลอพูดออกมาเบาๆ
“พี่เพ่ออะไรเล่า อายุมากกว่าก็จริงแต่แค่ปีเดียวไหม” ตุลยาหรี่ตาใส่
“ครับ คุณมายด์” เขายิ้มหยอกเย้า ก่อนที่จะพูดจุดประสงค์ที่เขาอยากพูดกับเธอ
“คุณมายด์ครับ วันนี้จะมีคนมารับผมกลับแล้วนะ” เสียงทุ้มของเขาพูดเบาๆ ตุลยาชะงักมือที่ถือปากกาแล้วยิ้มบางๆ
“อืม ก็ดีแล้ว จะได้กลับไปซะที” น้ำเสียงเรียบ ไม่แสดงอาการอะไรทั้งนั้น
“ฟังดูเหมือนคุณอยากไล่ผมจังเลย” กรวิชญ์หัวเราะเบาๆ
“ก็เปล่า แค่นายควรกลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง”
“ก็ใช่สิ ผมจะกลับไป แล้วก็จะกลับมา”
“หมายความว่ายังไง” เธอขมวดคิ้ว
เขายิ้มมุมปาก ดวงตาเจ้าเล่ห์แฝงความจริงจัง “ผมจะกลับมา แล้วจะจีบคุณให้ใจอ่อนให้ได้”
ตุลยาถึงกับนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าและหัวเราะเบาๆ
“อย่าเสียเวลาเลย ชีวิตฉันมีแค่งานกับเงินเท่านั้น”
“ผมรวยนะ แล้วก็พร้อมจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเพื่อคุณด้วย” เขาพูดติดตลกแต่สายตาไม่ได้ล้อเล่นเลย
เธอหันกลับไปสนใจสมุดบัญชีอีกครั้ง พยายามไม่สบตาเขา รู้จักกันแค่ไม่กี่วัน นิสัยใจคอก็ไม่รู้จักกัน แต่เขาบอกว่าจะจีบเธอ มันเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ
“ฝันไปเถอะ นายวิชญ์”
“ผมฝันบ่อย แล้วก็ชอบทำให้ฝันเป็นจริงด้วย”
“พอเลย” เธอพูดทั้งที่มุมปากยังกลั้นยิ้ม
เขาหัวเราะในลำคอ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้ตุลยานั่งมองแผ่นหลังเขา แล้วส่ายหน้าเบาๆ ในใจเธอคิดว่าเขาคงพูดไปงั้นแหละ อีกไม่นานก็คงลืมที่นี่ไป
แต่เธอไม่รู้เลยว่า คนอย่างกรวิชญ์พอพูดแล้ว เขาหมายความตามนั้นจริงๆ
************************