Chapter 2: ราพณ์และราม

1975 Words
สองชั่วโมงก่อนหน้านี้ เพล้ง! เสียงแก้วไวน์เนื้อดีราคาหลายพันถูกปาลงพื้นอย่างไม่ไยดีจนณิชาสะดุ้ง เธอไม่คิดว่าคนอย่างราพณ์ ลงกากุลจะมีอารมณ์ร้ายแฝงอยู่ภายใต้ใบหน้าสวยที่ฉาบยิ้มอยู่ตลอดเวลา “ราพณ์คะ ใจเย็น ๆ สิคะ ค่อย ๆ คุยกัน นิดบอกแล้วไงคะว่านิดไม่ได้จริงจังกับราม” ณิชาทำเสียงอ้อนแล้วเดินเข้าไปเกาะแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของชายคนรัก แต่เขากลับเบือนหน้าหนีแล้วสะบัดมือบางของเธอออก “ถ้าผมไม่รู้ว่าคุณควบผมพร้อมกับไอ้รามคุณก็ไม่มีทางพูดแบบนี้ ถ้าไอ้รามจับคุณได้ก่อนคุณก็คงจะพูดว่าคุณไม่จริงจังกับผมสินะ” ราพณ์ขยับตัวหนีจากสาวสวยผมยาวตรง หุ่นนางแบบที่พยายามปลอบโยนเขา เขาว่าแล้วเชียวว่าณิชาดูแปลกไป พักหลังเวลาจะเจอกันหากเขาไม่นัดแนะเวลาแน่ชัดเธอมักจะบอกว่าไม่ว่าง “ราพณ์คะ คุณก็รู้ว่าในแวดวงของเราเพศหญิงมีน้อยกว่าเพศชายมาก ตระกูลใหญ่ชั้นสูงที่สุดก็มีแต่ลงกากุลของคุณและฤทธิ์เรืองวงศ์ของราม ในเมื่อนิดเป็นผู้หญิงที่เหลือแค่ไม่กี่คน นิดก็มีสิทธิ์เลือกใช่ไหมคะ?” ณิชาถามอย่างเป็นต่อ “ไม่ใช่แค่คุณมีสิทธิ์เลือก... ผมกับไอ้รามก็มีสิทธิ์เลือก ตอนนี้ผมให้โอกาสคุณก่อน คุณจะเอายังไง? ว่ามาเลย จะอยู่กับผมหรือไอ้ราม?” หนุ่มหน้าสวยยกมือขึ้นสางผมนิ่มที่ยาวเคลียบ่าของเขาแล้วถาม เรื่องความงามของราพณ์ ลงกากุลจัดว่ารูปงามกว่าผู้หญิงเสียอีก แถมทรัพย์สมบัติก็มากมายมหาศาล นิสัยร่าเริงและขี้เล่น เจ้าชู้บ้างบางครั้งแต่คนในแวดวงรู้กันทั่วว่าราพณ์ประกาศว่าหากเขาคิดจะแต่งงานเขาจะหยุดอยู่ที่ผู้หญิงเพียงคนเดียว ส่วนพระราม ฤทธิ์เรืองวงศ์ก็ขึ้นชื่อเรื่องหน้าตาอันหล่อเหลาแบบสะกดสายตา อาจจะเคร่งขรึมไปหน่อยและร่ำรวยด้วยธุรกิจสีเทาแต่ก็ถือว่ามาจากตระกูลใหญ่ไม่แพ้ราพณ์อีกทั้งยังเป็นเพศชายที่มีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ณิชานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ยอมตอบคำถามคนรักหนุ่ม “ว่ายังไง? นิดจะเลือกใคร เลือกมาเลย ผมกับไอ้รามแย่งของกันมาตั้งแต่เด็กจนโต ผมแย่งได้บ้าง ไอ้รามแย่งได้บ้าง ดังนั้นบอกมาเลยว่าจะเลือกใคร?” ราพณ์ถามซ้ำคำถามเดิม ณิชานิ่วหน้าคิดก่อนตอบ “นิด... นิดเลือกไม่ได้ค่ะ นิดขอ... เก็บไว้ทั้งสองคนได้ไหมคะ?” เพล้ง! เสียงแก้วอีกใบถูกปาลงพื้นด้วยความเดือดดาล “เชี่ย! นิด ผมไม่ได้รักคุณมากขนาดจะยอมให้คุณทำอะไรก็ได้หรอกนะ ถ้าคุณเลือกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ผมจะไปคุยกับไอ้รามเองว่าใครจะอยู่ใครจะไป” ราพณ์ประกาศกร้าวแล้วพุ่งตัวไปที่ประตูบ้าน “แต่นี่เพิ่งจะหกโมงเช้านะคะราพณ์! รามอาจจะ... ยังไม่ตื่น” ณิชาตะโกนตามหลังเขา ก่อนที่เขาจะวิ่งออกไปเธอเห็นเขี้ยวสีขาววับมันงอกโง้งออกมาจากมุมปากสองข้างของราพณ์ ไม่บอกก็รู้ว่าหนุ่มหล่อกำลังโกรธจัด “อ้อ... เย่อกันจนสลบคาเตียงค่อยกลับบ้านล่ะสิถึงรู้ดีว่ามันยังไม่ตื่น ไม่ต้องห่วง ถ้ากูปลุกมันแล้วมันไม่ตื่นกูจะไม่ให้มันตื่นไปตลอดชีวิตของมันเลย!” ราพณ์หันหน้ามาคำรามบอกคนรักที่บัดนี้ในใจของเขาคิดว่าเธอคงจะกลายเป็นแค่อดีตคนรักตั้งแต่วินาทีที่เธอบอกว่าเธอขอเก็บไว้ทั้งสองคนแล้ว เขี้ยวขาวยาวราวครึ่งนิ้วงอกตั้งโง้งออกมาจากมุมปากทั้งสองข้างของราพณ์เห็นเด่นชัด แสดงถึงความเกรี้ยวกราดอย่างเป็นที่สุด ณิชาเห็นแล้วจึงไม่อยากพูดอะไรให้มากความ เธอได้แต่หุบปากเงียบ แล้วหดตัวถอยกลับไม่กล้าห้ามเขาอีกต่อไป หลงคิดมาตลอดว่าเขารักเธอ หลงเธอ อีกทั้งเธอยังเป็นหนึ่งในหมู่เพศหญิงที่มีเพียงน้อยนิด คิดว่าข้อนี้จะช่วยให้เธอได้ครองทั้งทายาทลงกากุลและทายาทฤทธิ์เรืองวงศ์ เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่มีทางคว้าพวกชั้นต่ำที่มีบุญน้อยผมหยิกตัวดำมาเป็นเมีย ยิ่งพวกมนุษย์ยิ่งลืมไปได้เลย แต่พอเห็นราพณ์โกรธจริงจังเธอคงต้องยอมแพ้แล้วเปลี่ยนความคิดเพราะณิชาเองก็ไม่อยากมีปัญหากับเขา ยักษิณีชั้นกลางอย่างเธอจะต่อกรกับยักษาชั้นสูงที่สืบสายวงศ์มาจากถิ่นของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาได้อย่างไร? ********************* ราพณ์บุกไปถึงบ้านหลังใหญ่ของตระกูลฤทธิ์เรืองวงศ์ แต่ยักษ์บริวารกลับแจ้งเขาว่านายน้อยของบ้านได้ออกไปทำงานตั้งแต่ไก่โห่แล้ว ราพณ์จึงสั่งให้คนขับรถตรงไปยังห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมืองที่เป็นหนึ่งในธุรกิจของพวกฤทธิ์เรืองวงศ์ทันที แม่ง... ไอ้เชี่ยราม เย่อสาวเกือบถึงเช้ายังเสือกมีแรงไปทำงานต่ออีก พลังยักษาของมึงนี่มันไม่ธรรมดาจริง ๆ ราพณ์คิดในใจ หัวสมองมันคิดไปสารพัด ไม่ได้หึงหวงณิชามากอย่างที่คิดไว้ อารมณ์ส่วนใหญ่น่าจะเป็นโกรธเคืองไอ้รามที่ชอบแย่งของเขามากกว่า จริงอยู่เขาเคยแย่งของไอ้รามก็หลายครั้ง แต่เกือบทุกครั้งผู้หญิงมาเองนี่หว่า กูไม่เคยไปเชิญชวนมาเลยนะไอ้ราม! แต่มึงเสือกมาแย่งหญิงกูทั้ง ๆ ที่เขาก็รู้กันทั่วว่ากูอาจจะจบลงที่การแต่งงานกับนิด แบบนี้มันเท่ากับแย่งว่าที่เมียกันเลยนี่หว่า ไอ้สัตว์! ยิ่งคิดยิ่งโมโห “คุณราพณ์ใจเย็น ๆ นะครับ เวลาไปถึงห้างก็พูดกับคุณรามดี ๆ ถ้าจะตีกันก็ไปตีกันที่ที่ไม่ค่อยมีคนนะครับ อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต” เข้ม ยักษ์ชั้นกลาง บริวารคู่ใจของราพณ์ที่นั่งข้างเขาด้านหลังรถเตือนนายขึ้นมาเมื่อเห็นหน้าสวย ๆ ของนายดูเคร่งเครียด “เออ กูรู้น่า” ราพณ์ตอบสั้น ๆ “ครั้งที่แล้วที่คุณราพณ์พูดแบบนี้คุณราพณ์ทุ่มรถในลานจอดรถกลางแจ้งใส่คุณรามนะครับ จำได้ไหม? ผมกับไอ้เมฆต้องช่วยกันกลบเกลื่อนว่ามีรถเครนทำเสาเข็มตกใส่รถแล้วซื้อรถคันใหม่ให้ชดใช้เขาด้วย” เข้มพูดอ้างถึงเมฆบริวารอีกตนของฝ่ายตรงข้าม “เออ กูรู้น่า” ราพณ์ตอบคำเดิมเหมือนอัดเสียงเอาไว้เปิดตอบเข้ม เข้มได้แต่ยิ้มอ่อนแล้วแอบถอนหายใจ เขาเรียกบริวารยักษ์เล็กยักษ์น้อยให้ขับรถตามมาอีก 2-3 คน ไม่ได้จะยกพวกมาราวีเหล่าฤทธิ์เรืองวงศ์หรอกนะ เอามาช่วยกันเก็บกวาดหลังเจ้านายพวกเขาตีกันต่างหาก จะห้ามไปทำไม? ในเมื่อเวลายักษ์สองตัวตีกันไม่มีใครห้ามได้อยู่แล้ว มีแต่ความพังพินาศ ต้องหาคนมาช่วยเก็บกวาด ไม่ใช่หาคนมาห้าม เข้มคิดเช่นนี้ และเมฆจากฝ่ายตรงข้ามก็คงคิดเช่นนี้เหมือนกัน พอรถจอดที่ชั้นจอดรถตรงออฟฟิศของพระราม ราพณ์ก็รีบลงจากรถตรงดิ่งไปที่ห้องของอริทันที สองหนุ่มเติบโตมาด้วยกัน เรียกว่าเป็นเพื่อนกันก็ไม่สนิทปากนัก เกินกว่าครึ่งของเวลาที่อยู่ด้วยกันพวกเขามักจะทะเลาะกันเสียมากกว่า ทั้งนี้อาจเป็นเพราะสองตระกูลใหญ่ของพวกเขาไม่ถูกกันมานาน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่รงค์ ลงกากุลผู้เป็นพ่อของราพณ์ไม่ค่อยถูกชะตากับลุงฤทธิ์ พ่อของพระรามเท่าไหร่นัก ทำให้ความเกลียดขี้หน้าพาลถ่ายทอดมาถึงรุ่นลูกด้วย ปึง! ราพณ์เปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของพระรามเสียงดังจนคน 2-3 คนในห้องที่กำลังนั่งคุยอยู่กับพระรามหันมามอง หนุ่มหล่อหน้าตาคมคายท่าทางสุขุมที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานคือไอ้เชี่ยราม หรือพระราม ฤทธิ์เรืองกุล คู่แข่งของราพณ์ตั้งแต่เด็กจนโต “หือ? มึงมีปัญหาอะไรไอ้ราพณ์? มาทำไม? ที่นี่ไม่ใช่คลับ ไม่ใช่บาร์ ไม่ใช่ร้านอาหารห่าเหวของมึงนะโว้ย!” พระรามถามเสียงขรึม ยักษ์บริวารของพระรามสองตนที่นั่งอยู่รีบลุกเอาตัวเข้าไปขวางระหว่างนายกับผู้บุกรุก แต่เมฆผู้เป็นหัวหน้าใหญ่ของเหล่ายักษ์บริวารขยับนิ้วส่งสัญญาณไม่ให้พวกมันเข้าไปขวางคุณราพณ์ ขวางไปก็ไม่ได้ช่วย นอกจากข้าวของจะพังทลาย ยักษ์บริวารก็จะเจ็บตัวด้วยอีกต่างหาก ปล่อยให้ตีกันจนอารมณ์ดีแล้วค่อยตามเช็ดตามล้างก็แล้วกัน เมฆคิดแล้วเฝ้าสังเกตการณ์ เขายักคิ้วเป็นการทักทายให้เข้มที่เดินตามนายเข้ามาในห้องติด ๆ เข้มเองก็พยักหน้าตอบเป็นเชิงรับรู้ นายของพวกเขาเป็นอริกันก็จริงแต่เหมือนเด็กตีกันมากกว่าจะเข่นฆ่ากันให้ตาย พูดง่าย ๆ คือถึงราพณ์กับพระรามจะวิวาทกันปางตายสุดท้ายทั้งโลกก็มีเพียงเขาสองคนที่มีสถานะเดียวกันและเข้าใจกันและกัน “มึงนอนกับนิด?” หนุ่มหน้าสวยเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม “เออ กูนอนกับนิด แล้ว?” หนุ่มหล่อหน้าเข้มเลิกคิ้วสูงถามกลับบ้าง “นิดคบกับกูอยู่” ราพณ์ตอบเสียงเหี้ยมขัดกับหน้าสวย ๆ ของเขา เมื่อได้ฟังคำตอบจากอริมือของพระรามที่กำลังจรดปลายปากกาเซ็นเอกสารก็ชะงักกึก ในหัวสมองตรองดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแล้วเหลียวมองรอบตัว ตอนนี้เอกสารสำคัญในห้องมีเยอะมาก ถ้าไอ้ราพณ์กับเขาเกิดสู้กันขึ้นมามีหวังบางส่วนต้องเสียหายแน่ หรือจะไปลานจอดรถดี? แต่คราวที่แล้วก็เผลอทำรถเละไปตั้งหลายคัน เฮ้อ... ไปคุยกันที่ไหนดีวะ? อ้อ... ตรงนั้นน่าจะเหมาะ คราวที่แล้วตอนทะเลาะกันตรงนั้นแค่ทำพื้นยุบ ค่าซ่อมไม่มากเท่าไหร่ ตอนนี้ยังเช้าอยู่ด้วย คนไม่เยอะ ห้างยังไปเปิด แถมกล้องวงจรปิดก็มีแต่ของในห้าง หากเกิดอะไรขึ้นจริงสั่งลบได้ง่ายมาก “ว่าไงไอ้เหี้ยราม? มึงเย่อแฟนกูเหรอ?” ราพณ์ตรงเข้าไปกระชากคอเสื้ออริแล้วถามเสียงกร้าว เสียงของเขาทำให้พระรามที่กำลังตริตรองแผนการหันมามองพ่อหนุ่มหน้าสวยตาเขียวปั๊ด พระรามปัดมือใหญ่ของราพณ์ออกแล้วพูดเสียงเรียบ “กูต้องไปดูงานข้างล่าง ถ้ามึงมีเรื่องด่วนก็เดินไปคุยไป อย่ามาคุยกันในนี้ เดี๋ยวทะเลาะกันข้าวของกูเสียหาย” พูดจบหนุ่มหน้าคมคายก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินนำหน้าทุกคนออกไปจากห้อง ราพณ์ถลาตามหลังเป้าหมายไปทันทีโดยมีบริวารทั้งของเขาและไอ้รามเดินตามมาติด ๆ วันนี้ไม่มึงก็กูต้องตายกันไปข้างหนึ่งไอ้ราม!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD