“เป็นอะไรล่ะนั่น ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
แม่ก้านถามด้วยความเป็นห่วงปนสงสัย เพราะลูกสาวที่เพิ่งเดินขึ้นบันไดบ้านมา ทำหน้าตาแปลก ๆ จะเสียใจก็ไม่ใช่ จะโมโหก็ไม่เชิง ออกไปทางปั้นปึ่งบึ้งตึงมากกว่า
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่ เมื่อกี้รักขับมอเตอร์ไซค์มา ลมมันตีหน้า หน้าก็เลยกระตุก”
แสนรักนั่งลงข้างมารดา ท่านนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สักสีน้ำตาลซึ่งตั้งอยู่ชานหน้าบ้าน
บ้านของแสนรักเป็นบ้านไม้สองชั้นหลังใหญ่ มีบริเวณรอบบ้านกว้างขวาง หลังบ้านมีสวน มีแปลงผัก หนองน้ำ และต้นไม้น้อยใหญ่หลายชนิด หน้าบ้านเป็นทุ่งนา และมีถนนที่ใช้สัญจรในชุมชนผ่านหน้าบ้าน
“พ่อไปไหนหรือจ๊ะแม่”
“ไปธุระที่อำเภอ ไปตั้งแต่เที่ยงวันแล้ว”
“เป็นกำนันไสวเนี่ย งานเยอะจริง ๆ เลยนะจ๊ะ ทั้งงานราษฎร์งานหลวง”
“อีกเดี๋ยวพ่อก็คงกลับแหละ รักไปอาบน้ำอาบท่าเถอะ แม่จะไปทำกับข้าว รอพ่อกลับมา จะได้กินข้าวกินปลาพร้อมกัน”
“แม่ของอีหล่าน่าฮักที่สุด”
แสนรักชมว่าแม่ของเธอน่ารักที่สุด โดยใช้คำแทนตัวว่าอีหล่า... ซึ่งหมายถึงลูกสาวคนเล็ก หรือใช้เรียกเด็กผู้หญิงด้วยความเอ็นดู แต่ในฐานะที่แสนรักเป็นลูกสาวคนเล็กของบ้าน เธอจึงเป็นอีหล่าของพ่อกับแม่และพี่ชายตลอดไป
“บ่ต้องมาชม ไปอาบน้ำได้แล้ว”
“จ้า” แสนรักกอดแม่เต็มวงแขน แล้วหอมแก้มฟอดใหญ่ กดจมูกหนัก ๆ อย่างต้องการแกล้ง แล้วก็รีบลุกขึ้น วิ่งหนีเข้าห้อง เพราะเดี๋ยวจะโดนแม่หยิก
แม่ก้านถอนหายใจแล้วส่ายหน้า
“โตจนทำการทำงานแล้ว ก็ยังนิสัยเหมือนเด็กคือเก่า”
แม้จะบ่นจะว่าลูก แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความเอ็นดู สีหน้าก็ยิ้มแย้มมีความสุข
หลังจากทำธุระเสร็จแล้ว กำนันไสวก็แวะไปเก็บค่าเช่าในตลาด และซื้อของเล่นไปฝากหลาน กำนันไสวมีที่ดินที่นาเยอะ แบ่งให้เช่าก็หลายแปลง ทั้งยังมีอาคารพาณิชย์ในตัวอำเภอปล่อยให้เช่าด้วย รายได้ต่อปีก็จะจัดสรรปันส่วน แบ่งให้ลูกเมียและเก็บเป็นกองกลางเอาไว้
ระหว่างขับรถจากตัวอำเภอ ก่อนจะกลับถึงบ้าน จะต้องผ่านคาเฟ่ตาหวาน กำนันไสวจึงแวะจอด เพื่อจะเอาของเล่นไปให้ตาหวานกับตาตั้มก่อน
กำนันไสวจอดรถหน้าร้านตาหวาน หยิบเอาของเล่น แล้วลงจากรถ ไปเปิดประตูรั้วบ้านซึ่งอยู่ทางซ้ายมือของร้าน และประตูรั้วทางนี้ก็อยู่ติดกับบ้านของป้าเล็กด้วย
พอเห็นกำนันไสว คนที่ใส่ใจเรื่องชาวบ้านรีบตะโกนถามข้ามรั้วมาทันที
“พ่อกำนัน แวะมาหาหลานแม่นบ่จ้า”
“แม่น... เอาของเล่นมาให้ตาหวานกับตาตั้ม”
“ตอนนี้ซื้อของเล่นให้หลานปู่ แต่อีกจั๊กหน่อยกะคือสิได้ซื้อของเล่นให้หลานตาเนาะ สิแต่งกันมื้อใด๋ ก็อย่าลืมส่งข่าวเด้อ”
กำนันไสวขมวดคิ้วมุ่น หันไปมองป้าเล็กอย่างไม่เข้าใจ เพราะประโยคที่ป้าเล็กพูดว่า อีกสักหน่อยก็คงจะได้ซื้อของเล่นให้หลานตา แล้วยังบอกว่า ถ้าจะแต่งกันวันไหนก็อย่าลืมส่งข่าวบอกด้วย แม้คำพูดจะกำกวม แต่ก็ตีความหมายได้ว่า ป้าเล็กกำลังพูดถึงลูกสาวคนเล็กของเขา
“หมายความว่าจั๊งใด๋”
“เอ๋า! ก็อิหล่ารักของพ่อกำนันนั่นเด้ เป็นผู้สาวหมอวินบ่แม่นติ”
“บ่แม่น!” กำนันไสวปฏิเสธเสียงแข็งทันที ลูกสาวของเขายังไม่มีแฟน
“บ่แม่นจั๊งใด๋ มื้อกลางวันยังมากอดมาจูบกันอยู่ในร้านตาหวานอยู่เลย บ่เชื่อก็ถามหลานถามลูกเจ้าเบิ่งตั๊ว แม่นบ่บักแสน”
ป้าเล็กแย้งว่า ไม่ใช่ได้ยังไง ก็เมื่อกลางวันทั้งสองยังมากอดมาจูบกันในร้านตาหวานอยู่เลย ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามลูกชายดูสิ แล้วป้าเล็กหันไปถามแสนกล้าที่เดินออกมาถึงประตูรั้วพอดีว่า ใช่ไหมบักแสน
“แม่นอีหลีติบักแสน” พ่อกำนันถามเสียงเข้ม
“เอ่อ...” แสนกล้ามาทันได้ยินที่ป้าเล็กพูดเรื่องกอดจูบพอดี เขาจึงอึกอักไม่รู้จะอธิบายให้พ่อฟังว่าอย่างไร
พอเห็นสีหน้าและท่าทางของลูกชายคนโต กำนันไสวก็ถอนหายใจพรืดใหญ่ เขายื่นของเล่นข้ามรั้วไม้ระแนงที่สูงแค่อกให้ลูกชาย
พอแสนกล้ารับไปถือไว้ กำนันไสวก็หันหลังเดินเร็วกลับไปขึ้นรถทันที เขาอยากฟังเรื่องที่เกิดขึ้นจากปากลูกสาวคนเล็ก อยากรู้ว่าจริงหรือไม่จริง แล้วไปทำอีท่าไหน ยัยป้าเล็กถึงได้เอามาพูดได้ขนาดนี้
แสนกล้ามองตามท้ายรถกระบะผู้เป็นพ่อด้วยความหนักใจ พอรถของพ่อแล่นห่างไปจนลับสายตาแล้ว เขาก็หันไปมองป้าเล็ก แล้วถอนหายใจแรงใส่ไปหนึ่งที ก่อนจะเดินหนีเข้าบ้าน
ป้าเล็กมองตามหลังแสนกล้าแวบหนึ่ง แล้วแกก็ยิ้มภาคภูมิใจที่ได้เป็นคนเล่าเรื่องของแสนรักให้พ่อกำนันฟัง ว่าแล้วก็ไปเล่าให้แม่ใหญ่ข้างบ้านทางโน้นฟังบ้างดีกว่า จะได้รู้กันอย่างทั่วถึง
ตอนที่ 3
งานแต่งที่ไม่อยากแต่ง
วันต่อมา...
แสนรักไม่นึกเลยว่า แค่การที่เธอแกล้งหมอวิน มันจะทำให้เรื่องราวบานปลายใหญ่โตขนาดนี้
ก็ดูสิ ตอนนี้บนบ้านของเธอมีคนนั่งอยู่ตั้งมากมาย พวกเขามาเพื่อพูดคุยหาข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องที่หมอวินกับเธอจูบกันที่คาเฟ่ตาหวาน