Jay & Aeng Aei - 7 เซอร์วิสพิเศษเลี้ยงข้าว

1539 คำ
ที่ร้านอาหาร “เอ่อสวัสดีค่ะ” เอิงเอยเอ่ยทักทายเจย์เมื่ออีกฝ่ายเข้ามานั่ง ตอนนี้เอิงเอยทำตัวไม่ถูกเลยแม้แต่น้อย เพราะเมื่อวานจู่ ๆ เอิงเอยก็เผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็เห็นว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟาที่บ้านแถมยังมีผ้าห่มคลุมตัวให้อีกเสร็จสรรพ ตอนตื่นนอนตอนแรก เธอยอมรับว่าตกใจมากอยู่เหมือนกัน แต่ทว่าพอได้อ่านโน้ตที่อีกฝ่ายเขียนแปะไว้ให้ก็ยิ่งเขินใหญ่ [ขอโทษที่รื้อกระเป๋าหากุญแจนะครับ แล้วก็ประตูรั้วหาช่างมาทำที่ล็อกไว้ก็ดี] ตอนนั้นเอิงเอยกรี๊ดหนักมากผู้ชายอะไรทั้งอบอุ่นทั้งใจดี แถมลายมือที่เขียนก็ยังดูสุภาพสมกับเป็นเขาเสียเหลือเกิน แต่ความจริงแล้วประตูรั้วมันพังมานานแล้วแหละเอิงเอยแค่ยังไม่มีเวลาเรียกช่างมาซ่อม เพราะจะให้ช่างมาซ่อมก็ต้องมีเพื่อนคอยอยู่ด้วย นี่ไม่ใช่ความคิดของเอิงเอยเหรอนะแต่เป็นความคิดของมิ้นและเจมส์ต่างหาก และตอนนี้ทั้งสองก็ยังไม่ค่อยว่างก็เลยยังไม่ถูกซ่อมเสียที “สวัสดีครับ เมื่อคืนหลับสบายดีนะครับ” เจย์เอ่ยถามเอิงเอยตามมารยาท ก่อนจะนั่งลงพร้อมกับเรียกพนักงานมารับออเดอร์ “ค่ะ..ขอบคุณมากนะคะเจย์ที่พาเอิงเข้าบ้านไปนอนอย่างปลอดภัย” เจย์พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่วันนี้อยากทานอะไรครับพี่เลี้ยงเอง” เจย์เอ่ยขึ้นก่อนจะยื่นเมนูอาหารให้เอิงเอยเพื่อดูเมนู “หืม จะเลี้ยงเอิงทำไมคะ เอิงเป็นคนชวนมา” “ห้าล้านที่น้องเอิงให้มาใช้เป็นปีก็ไม่หมดครับ คิดว่าเป็นเซอร์วิสพิเศษเพิ่มอีกอย่างให้ก็แล้วกัน” เจย์พูดติดหัวเราะ ทำให้เอิงเอยยิ้มออกมาอย่างสบายใจทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังแอบเกรงใจเจย์อยู่ นิด ๆ หลังจากได้รับเมนูอาหารมา เอิงเอยเลือกสั่งอาหารกับพนักงานซึ่งเมนูล้วนแล้วแต่เป็นภาษาอังกฤษแต่เอิงเอยก็ออกสำเนียงได้ดีทีเดียวแถมวันนี้ยังมาในลุคที่แตกต่างจากเมื่อวานมาก เจย์มองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า วันนี้ลุคของเธอดูแปลกตาหน่อย ๆ ผมตรงยาว ใบหน้าแต่งหน้าอ่อนๆ เข้ากับสีลิปสติกสีีพีชที่เด่นชัด บนหัวประดับไปด้วยกิ๊บติดรูปดอกไม้สองข้าง ชุดก็เป็นชุดกระโปรงสีพีชหวานเรียบ ๆ ไม่ได้สั้นและไม่ได้ยาวจนคลุมทั้งขารองเท้าก็เป็นส้นเตี้ยรัดข้อสีขาวสบายๆ กระเป๋าที่สะพายมาก็เป็นรูปดอกไม้สีขาวที่มีจุดสีเหลืองตรงกลาง เรียกได้ว่าแต่งได้หวานฉ่ำเหมือนยกสวนดอกไม้มาไว้ที่ตัวเลยก็ว่าได้ “เออแล้วพี่เจย์อยากทานอะไรคะ” “อ่าครับว่าไงครับ?” เจย์เอาแต่จ้องมองเอิงเอยตอนที่เธอสั่งอาหาร จนเกือบจะลืมตัวไปเหมือนกันว่าเผลอมองหญิงสาวตรงหน้าไปแล้ว “ลอยไปถึงไหนกันคะเนี่ย” “อ่อ กำลังคิดว่าเราพูดภาษาอังกฤษเก่งจัง” เอิงเอยหัวเราะเบา ๆ ไม่ตอบรับอะไรกับคำชมเพราะว่ามันธรรมดาและเบสิกเอามาก ๆ ก่อนที่เอิงเอยจะชวนเจย์คุยต่อ “เออแล้วปกติของการเป็นโฮสต์ พี่เจย์ต้องทำอะไรบ้างหรือคะ” เจย์มองเอิงเอยแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ ส่วนเอิงเอยก็ยิ้มให้เขาและรอฟังคำตอบของเขาที่กำลังทำท่ากระแอมเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบออกมา “ก็ไม่มีอะไรมากเหรอครับเราก็แค่ดูแลลูกค้าตามปกติคอยเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ” “แล้วเขามีดีลลับอย่างอื่นกันด้วยใช่ไหมคะ” เจย์หรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเจอคำถามจากเอิงเอย เขาคงกำลังคิดละสิว่าทำไมเอิงเอยถึงกล้าถามอะไรแบบนี้ แต่ทำไงได้เธออยากรู้จริง ๆ นี่ ว่าพี่เจย์ของเธอรับแขกด้วยหรือเปล่า แขก...ที่หมายถึงแขกที่เป็นผู้ชาย ...ที่เจย์บอกว่าชอบ “ครับก็แล้วแต่ทั้งคู่ตกลงกัน” เจย์ตอบด้วยน้ำเสียงธรรมดา เอิงเอยเลยได้ยิ้นเจื่อน ๆ -ไม่รู้ถามออกไปทำไม ถามเองเจ็บเองนักเลยพอ แหะ ๆ - หลังจากนั้นไม่นาน อาหารที่เขาสั่งมาก็มาเสิร์ฟ ทั้งเอิงเอยและเจย์เลยตกอยู่ในความเงียบ ก่อนจะตั้งใจกินอาหารของตัวเองไป เจย์ดูไม่อะไร นั่งกินอาหารไปเรื่อย ๆ ส่วนเอิงเอยก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม เขาเลยน่าจะเจริญอาหาร พอเห็นเขาอารมณ์ดี เอิงเอยเลยไม่ได้ชวนคุยอะไรมาก ปล่อยให้เขาได้กินอย่างสบายใจ เอานะ ขอแค่ครบสามวันอีกไม่นาน ความอึดอัดของพี่เจย์ตรงนี้ก็จบลง “ขอบคุณที่มาในวันนี้นะคะแถมยังเลี้ยงอาหารอีกด้วย” เอิงเอยเอ่ยขึ้นด้วยความเกรงใจที่เจย์เป็นฝ่ายออกค่าอาหารให้ทั้งหมด แต่ก็อย่างที่เจย์บอก การเลี้ยงอาหารในวันนี้แค่เล็กน้อย เทียบไม่ติดกับเงินที่เอิงเอยจ่ายให้เขาเลยด้วยซ้ำ เจย์ยิ้มรับเล็กน้อยก่อนจะผายมือให้อีกฝ่ายเดินนำ “แล้ววันนี้กลับยังไงครับ” เขาเอ่ยถามเมื่อเดินออกจากร้านอาหารมาได้สักพัก ก่อนจะเอิงเอยจะสังเกตและมองไปรอบๆ พบว่ามีสายตาหลายคู่นั้นมองมาที่เขาตลอดเวลา ก็นะ คนระดับเจย์คงน่าจะเป็นที่รู้จักของหลายคน หลังจากที่เขาได้ไปร่วมงานถ่ายแบบกับซีรีส์วายแห่งหนึ่ง แล้วทางค่ายเริ่มโปรโมตหนักขึ้น ทำให้คนน่าจะรู้จักเขาพอประมาณ สงสัยต่อไปเอิงเอยคงได้ซื้อหมวกซื้อแว่นตามาใส่เดินแล้วซะมั้ง “อ๋อ คือวันนี้เองพอดีมีนัดเจอกับเพื่อนที่นี่ต่อค่ะ^^…ยังไงก็กลับดีๆ นะคะ เอาไว้พรุ่งนี้เจอกันค่ะ” เอิงเอยเอ่ยลาพร้อมส่งยิ้มกว้างเจย์ เขาส่งยิ้มกลับ ยกมือขึ้นเอ่ยลาเอิงเอยบ้าง เจย์ขอตัวเดินออกมาพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก สุดท้ายตัวเองก็อดทนจนผ่านการทานข้าวกับยัยเด็กสาวน่าเบื่อนั่นจนกระทั่งหมดเวลา “เฮียเจย์!” เสียงคุ้นเคยของคนคนหนึ่งตะโกนเรียก เจย์เลยหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นเป็นน้องชายแท้ ๆ ที่กำลังเดินเข้ามาในร้านอาหารแห่งเดียวกัน “ว่าไงไอ้เจมส์มาทำอะไรที่นี่วะ” เจย์เอ่ยทักทายน้องชายที่ไม่ได้เจอกันนาน เพราะเจย์ออกมาอยู่คอนโดส่วนตัว ส่วนน้องก็อยู่กับที่บ้าน มีอะไรพี่น้องสองคนมักจะติดต่อหากันในไลน์เท่านั้น พอไล่มองการแต่งตัวของน้องชายที่ดูหล่อเนี้ยบผิดปกติ ก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตามอง พร้อมยิ้มยียวนให้น้องชาย มาแนวนี้คงหนีไม่พ้นมาเดทอย่างแน่นอน “สายตาอะไรของเฮียเนี่ย ไม่ใช่อย่างที่คิดนะเฮีย” “กูยังไม่ได้พูดอะไรเลย ว่าแต่นัดใคร หญิงอ่อ” “เปล่าเฮีย แค่นัดมาเจอเพื่อนเฉยๆ” เจย์มองหน้าน้องชายที่เอ่ยปฏิเสธ แต่ใบหน้ามันดูแดง ๆ แถมยังยิ้มเขิน ๆ นั่นอีกดูก็รู้ว่าไม่ใช่เพื่อนธรรมดาอย่างแน่นอน แต่ก็เอาเถอะเพราะน้องชายก็ยี่สิบสามแล้ว ควรจะมีแฟนได้แล้วเหมือนกัน “เออ...ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ งั้นเฮียไปทำงานต่อละ ตามสบายไอ้น้อง” เจย์ตบบ่าน้องชายเบา ๆ ก่อนทำท่าจะเดินออกไป โดนมีเสียงเจมส์ที่ตะโกนตามา “เฮียเจย์ ไว้ว่างๆ ก็กลับมาบ้านบ้างนะเฮีย พ่อกับแม่บ่นคิดถึงนะ” เจย์พยักหน้ารับแล้วยิ้มให้น้องชาย ก่อนที่เขาจะเดินจากไป แต่ก่อนจะไปก็หันไปแซวมันอีกที “พาหญิงมาแนะนำบ้างนะเว้ย” เจย์ยกยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ก่อนที่อีกฝ่ายจะตะโกนกลับมาด้วยความเขินอาย “โธ่เฮีย ก็บอกว่าเพื่อนไงเล่า!” พอพูดจบเจมส์ก็เดินจ้ำหนีเขาไปภายในร้านอาหารทันที เจย์เลยหัวเราะออกมาที่ได้แกล้งน้องชาย เสียดายที่เขาไม่ได้ไปทักทายผู้หญิงของน้อง เพราะดันมีงานต่อ เอาเถอะถ้าน้องชายจะมีแฟนจริง ๆ อีกไม่นานเหรอเดี๋ยวน้องชายเขาก็คงจะพามาเปิดตัวเองนั่นแหละ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม