ก่อกๆ “คุณหนูเจ้าคะ” ก่อกๆๆ “คุณหนู บ่าวเข้าไปนะเจ้าคะ”
ผู้หลงที่คิดว่าตนหลงอยู่ในความฝันทำหน้าเลิ่กลั่กเมื่อเห็นผู้หญิงอวบคนหนึ่งมัดผมทรงซาลาเปาสองข้างเปิดประตูเข้ามา ไร้คำพูดจาตอบกลับไปเพราะหัวสมองกำลังประมวลผลและสังเกต ใดๆ คือต้องรู้ก่อนว่าตัวเองควรจะพูดยังไงหรือทำอะไรเป็นอันดับแรก
“กำลังตื่นใช่หรือไม่เจ้าคะ เมื่อคืนบ่าวว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูเพราะเป็นห่วง บ่าวรู้ทั้งรู้ว่าคุณหนูแพ้ดอกท้อ แต่ก็ยังปล่อยให้รัชทายาทผู้นั้นส่งมันไปให้คุณหนูทาน บ่าวขอโทษที่ห้ามไว้ไม่ทัน ดีนะเจ้าคะที่ไม่เป็นอะไร” เดินไปจูงมือสตรีงดงามที่เพิ่งผ่านพ้นวันปักปิ่นได้สามเดือนเข้าไปในห้องอาบน้ำ พลางหันมองเมื่อพบกับความเงียบผิดปกติ “คุณหนู”
ผู้ถูกทักว่าคุณหนูสะดุ้ง ‘จากสัมผัสที่ได้รับรู้นั้น เริ่มมั่นใจแล้วว่าตัวเองคงหลงมาอยู่ที่ไหนสักแห่งในยุคคนจีนสมัยเก่า...แล้วในหนังจีนที่เคยดู เขาพูดกันว่ายังไงนะ’ หัวคิ้วขมวดเป็นปมแน่นก่อนจะวิเคราะห์สถานการณ์หลักของเจ้าของร่างนี้ไปด้วย ‘แพ้ผลท้อแต่ถูกสั่งให้ทาน?’ “อะไรนะ เจ้าว่าข้าแพ้ผลท้อแต่รัชทายาทยังมอบมันให้ข้ารึ?” นั่นหมายความว่าเจ้าของร่างอาจสิ้นลมเพราะแพ้สุราดอกท้อไปแล้ว ‘แต่นี่มันเรื่องอะไรกันนะ’ พยายามจับต้นชนปลาย
“เจ้าค่ะ รัชทายาทมู่หรงหลานที่คุณหนูแอบรักอย่างไรเล่า เจ็บใจนัก คุณหนูรึก็คอยช่วยเหลือเรื่องของกำนัลในวังหลวง แต่รัชทายาทผู้นั้นกลับหลงใหลเพียงเยี่ยนมิ่งลี่สหายของคุณหนูที่เพิ่งจะพ้นวัยปักปิ่นเมื่อคืนที่ผ่านมา” ทำหน้าโมโห
“งานปักปิ่นคือเมื่อคืนที่ข้าได้ทานสุราดอกท้อ?”
“เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ คุณหนูมิอาจปฏิเสธได้จึงจำเป็นต้องทานเพราะมันคืองานวันเกิดของสหายคนสนิทของคุณหนูอย่างไรเล่า ดีนะเจ้าคะที่คุณหนูมิเป็นอะไร”
‘ใครว่าไม่เป็นอะไร เจ้าของร่างตายเลยนะนั่น’ “แล้วทุกครั้งหลังจากที่ข้าทานผลไม้ชนิดนี้ ข้ามีอาการเช่นไร”
ถอดชุดเอี๊ยมออกจากร่างขาวสะอาดไปพร้อมๆ กับอธิบายเรื่องเก่า เข้าใจว่าคุณหนูคงจะลืมมันไป “ยามเยาว์ คุณหนูจะแน่นหน้าอก หายใจลำบากเจ้าค่ะ”
“อ่อ” บวกกับเมาก็ตายพอดีนั่นล่ะ ‘ว่าแต่ว่า ชื่อรัชทายาทมู่หรงหลานกับเยี่ยนมิ่งลี่นี่มันคุ้นๆ ว่าเคยรู้จักที่ไหนนะ...เอ จะว่ารู้จักเป็นตัวคนหรือในซีรีส์ก็ไม่ใช่ รึว่า!’ “รัชทายาททวงรัก!!” ใช่แล้ว!! ตัวละครหลักในนิยายเก่าเก็บที่เคยอ่านไปเมื่อสามปีที่ก่อน จำได้ว่าเพื่อนสนิทของนางเอกที่ชื่อเยี่ยนมิ่งลี่จะมีชื่อว่า “หวังปิงปิง” แงๆ...สตรีผู้หลงรักรัชทายาทเช่นกัน ตายแล้ววว
สาวใช้ผู้กำลังขัดถูช่วงไหล่ชะโงกมองคุณหนูผู้นั่งพิงถังอาบน้ำและหันหลังให้นาง “เรียกนามตนเองทำไมเจ้าคะ?”
‘นั่นไงล่ะ’ แบบนี้คงเดาได้ไม่ยากแล้วว่าสาวใช้ของนางมีชื่อว่าอะไร “มิมีสิ่งใดหรอกอาเปา ข้าแค่ย้ำเตือนตนเองเล็กน้อยว่านับจากนี้ไปควรตัดใจจากรัชทายาทเสีย” ปากพูดไปและใจคิดจะทำมันให้ได้จริงๆ ในเมื่ออดีตคนอ้วนมาอยู่ในร่างงดงามนี้แล้วเหตุใดจะต้องดำเนินชีวิตไปตามเนื้อเรื่องที่บทสรุปสุดท้ายตัวหวังปิงปิงหายไปไหนไม่รู้
“บ่าวจะดีใจมากเลยนะเจ้าคะ หากคุณหนูกระทำได้จริงดังที่พูด”
“อื้ม เจ้าคอยดูต่อไปเถอะ” ‘เพราะข้ามิใช่หวังปิงปิงตัวจริงเหตุใดจะทำไม่ได้’ หลังจากอาบน้ำจนร่างกายสะอาดสะอ้าน นางจึงไปนั่งชมนกชมไม้ในสวนร่มรื่นโดยมีอาเปา สาวใช้คนสนิทคอยตอบทุกคำถามที่นางอ้างไปว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเมาสุราจึงจำสิ่งใดมิได้ ซึ่งสาวใช้ก็มิได้ถามเซ้าซี้อะไรซึ่งมันเป็นเรื่องดี ย้อนกลับไปคิดถึงนิยายเรื่องนี้ที่เคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว จำได้ว่าหวังร่วนเทาผู้เป็นบิดาของนางนั้นคือศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมอาจารย์สำนักเดียวกันกับฮ่องเต้ที่สมัยนั้นยังคงเป็นรัชทายาท ความสนิทสนมย่อมมีมานานตั้งแต่วัยเยาว์ ความเก่งกาจของฮ่องเต้มู่เจี้ยนเทียนที่สำเร็จการศึกษาด้วยวัยเพียงสิบสองชันษานั้นเป็นที่เลื่องลือในขณะที่ท่านพ่อของนางผู้มีอายุมากกว่าพระองค์ถึงสี่ปียังคงหยุดอยู่กับที่ ท่านพ่อจึงตัดสินใจลาออกจากการร่ำเรียนเขียนอ่านแล้วหันไปจับงานค้าขายจนกลายเป็นสกุลหวังที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง สินค้าเข้าออกมากมายทั้งทางเรือ ทางรถม้าล้วนเป็นของท่านพ่อที่นำเข้ามาขายก่อนจะกระจายไปตามร้านค้ารายย่อย (เหมือนร้านค้าขายปลีกขายส่ง) มีทุกสิ่งอย่างตั้งแต่ยารักษาโรคจนถึงของใช้ในครัวเรือนหรือเครื่องประดับจากต่างแคว้น ตัวนางนั้นมีพี่ชายหนึ่งคนคอยสืบทอดกิจการค้าขายในสกุลหวัง นางผู้เป็นน้องสาว วันๆ มิทำสิ่งใดนอกจากตามติดสหายอย่างเยี่ยนมิ่งลี่และคอยแต่จะแว้งกัดเพื่อนโดยการใช้วาจาเกี้ยวพารัชทายาทมิหยุดหย่อน ‘ไม่ๆ...นางจะเดินตามรอยงูพิษของหวังปิงปิงคนเดิมไม่ได้อีกแล้ว สกุลหวังร่ำรวยถึงเพียงนี้เห็นทีนางจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อตัวเอง มิใช่เพื่อบุรุษผู้นั้นที่มอบสุราดอกท้อให้นางจนตัวจริงสิ้นชีพ เนื้อเรื่องแต่เดิมจะเป็นยังไงก็ช่าง ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้นางจะกำหนดเอง’ ผู้ที่จิตวิญญาณมาจากโลกอื่นและมีวุฒิภาวะมากกว่าเอ่ยเรียกสาวใช้ “อาเปา”
“เจ้าคะ” สาวใช้ผู้กำลังจัดทรงผมให้กับคุณหนูอยู่ด้านหลังตอบรับ
“วันนี้ท่านพ่อจะไปดูงานรึไม่” งานขายที่น่าสนใจสำหรับอดีตสาวออฟฟิศกำลังจะเริ่มขึ้น ‘นางอยากจะลองไปขายของดูบ้าง!’
“ไปทุกวันสิเจ้าคะ” เดินวนเพื่อสำรวจคุณหนูของตนเองในชุดกระโปรงสีม่วง ทรงผมผูกโบสีม่วงไว้ครึ่งศีรษะปล่อยผมที่เหลือยาวคลอเคลียแผ่นหลัง ใบหน้าจิ้มลิ้มรูปไข่ หน้าผากกลมกลึงมีไรผมกระจายอยู่ การแต่งหน้าในวันนี้เข้ากับชุดได้ดีกว่าครั้งไหนเพราะคุณหนูของนางทำมันด้วยตนเอง สีชาดบนริมฝีปากเป็นสีชมพูอ่อนๆ เปลือกตาสีม่วงอ่อนสลับขาว พวงแก้มนั้นเป็นสีชมพูจางๆ ไม่จัดจ้านดังวันวานที่อาเปาเคยทำให้ ‘มันดูเข้ากันและงามมากจริงๆ’ แม้ไม่อ่อนหวานเช่นคุณหนูเยี่ยนมิ่งลี่ผู้เป็นสหายแต่แบบนี้ดูงดงามแบบมั่นใจมากกว่าเพราะคุณหนูปิงปิงใช้ดินสอสีดำกรีดหางตาตนเองให้ยกขึ้นเล็กน้อย ซึ่งอาเปาเองก็เพิ่งเคยเห็นและยอมรับว่ามันดีมาก “คุณชายใหญ่ก็ตามนายท่านไปด้วยทุกครั้งเจ้าค่ะ” แม้จะแปลกใจที่ถูกถามในเรื่องที่คุณหนูนั้นรู้อยู่แล้วแต่มิเคยสนใจก็ตาม
ผู้ฟังนึกถึงคุณชายที่อาเปากล่าว ‘หวังหลีปิน’ ผู้เป็นพี่ชายของนางเอง พี่ชายคนนี้ในหนังสือนิยายเขียนเอาไว้ว่ารักน้องสาวมาก มากถึงขั้นที่คอยกันบุรุษรอบเมืองหลวงให้กับน้องสาว ต่างกับรัชทายาทมู่หรงหลานที่หวังหลีปินมิได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเพราะอีกฝ่ายเป็นเชื้อพระวงศ์และอีกฝ่ายนั้นหาได้ชมชอบน้องสาวของตนเองไม่ เขาจึงมิเคยสนใจว่าน้องสาวจะตามติดสหายหรือรัชทายาทไปไหนต่อไหน นอกเสียจากสั่งให้บ่าวคอยติดตามดูแลห่างๆ “ไปกันเถอะ” หวังปิงปิงคนใหม่เดินลงจากเรือนเล็กของตนเองไปพบกับสวนสวยกว้างขวางอยู่ตรงหน้า ซ้ายมือของนางเป็นทางเดินไปยังจุดเชื่อมตรงกลางโดยมีเรือนหลังใหญ่ที่สุดเป็นจุดศูนย์รวม นางเห็นเส้นทางเล็กๆ หลายทางเชื่อมไปยังห้องพักเรียงรายและเดาได้ไม่ยากว่าหนึ่งในนั้นคงเป็นเส้นทางไปยังเรือนหลังเล็กของอนุกับลูกสาวของนาง ใช่แล้ว!! ท่านพ่อของนางมีภรรยาสองคน คนแรกคือท่านแม่ที่ให้กำเนิดพี่ชายหวังหลีปินและนาง คนที่สองคืออนุเถาฮวาที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในบ้านนี้เมื่อหกปีก่อน นางมีบุตรสาวชื่อหวังอิงอิงอายุสี่หนาว น้องสาวที่น่ารักของนาง จากในนิยายบอกไว้ว่าทุกคนในจวนของนางรักใคร่ปรองดองกันดีมากต่างกับจวนของสหายรักอย่างเยี่ยนมิ่งลี่ที่ดูจะวุ่นวาย ด้วยบิดาของมิ่งลี่นั้นเป็นบุรุษมากรักมีภรรยามากกว่าห้าคนในขณะที่นางเอกเองเป็นเพียงบุตรของอนุคนหนึ่ง ‘ชีวิตนางเอกมักจะรันทดเสมอ แต่คนเขียนก็มักจะเขียนให้นางเอกสู้ชีวิตและมีสามีที่ดี’ ซึ่งในเรื่องนี้ก็ไม่ต่างกัน ตัวนางที่ได้รับบทของสหายนางเอกผู้แอบรักรัชทายาทและสุดท้ายเมื่อพระเอกนางเอกสมรสกันตัวนางที่เป็นสหายก็ถูกลืมอยู่ในเรื่อง ไม่รู้ว่าจุดจบจะได้พบรักกับผู้ใดหรืออยู่อย่างเหี่ยวเฉาเดียวดาย...ไม่รู้เลยเพราะตัวละครตัวนี้นั้นถูกลืม ตึ่กๆๆ ตึ่กๆๆ เสียงวิ่งอย่างรวดเร็วทำให้นางต้องหันไปมอง ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเจอกับน้องสาวต่างมารดาตัวอ้วนกลม “อิงอิง” อ้าแขนรับ
“พี่สาวปิงปิง” สวบ!! อิงอิงน้อยโผกอดพี่สาวของนางเข้าไปเต็มรัก ความรู้สึกของเด็กน้อยสัมผัสได้ถึงความแปลก ก่อนจะผละมองอีกครั้ง เด็กน้อยยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “พี่สาวคนใหม่ งดงามกว่าเดิมมากเลยเจ้าค่ะ”
หวังปิงปิงเงียบไปคล้ายตกใจแต่ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้ามากมายนักเพราะคำพูดของอันอันนั้นแปลได้หลายความหมาย “แล้วดีหรือไม่” ช้อนสะโพกเล็กนั้นขึ้นไปอุ้มไว้ในอกแล้วยืนรออนุเถาที่ยิ้มส่งมา
“ดีเจ้าค่ะ คนเดิมก็ดี คนใหม่ก็ดีอันอันรักทั้งสองคน” ^^
“พูดสิ่งใดเรื่อยเปื่อยน่ะอิงอิง” เถาฮวาส่ายหัวให้กับบุตรสาวตัวน้อยในอ้อมกอดของลูกเลี้ยงที่วันนี้แต่งกายได้น่ารัก งดงามมั่นใจ ในแบบที่แปลกตา ซึ่งมันดูโดดเด่นกว่าเดิมอย่างบอกไม่ถูก
“แม่รอง” ปิงปิงผงกหัวทักทายภรรยาคนที่สองของบิดาที่อายุเพียงยี่สิบเอ็ดหนาว ซึ่งทั้งตัวนางและพี่ชายจะเรียกอีกฝ่ายว่าแม่รองเสมอ หากแม่รองเถาฮวามิได้เป็นอนุของท่านพ่อ นางก็คงจะเรียกเถาฮวาว่าพี่สาวตามอายุของอีกฝ่ายที่ห่างกับนางเพียงหกปี “หลับสบายดีหรือไม่เจ้าคะ”
เถาฮวาหัวเราะน้อยๆ “ไม่สบายสักเท่าไหร่เพราะมีเด็กน้อยนอนดิ้นอยู่ร่วมเตียงด้วย” แกล้งเย้าบุตรสาว
ปิงปิงอมยิ้ม ^^ “หากแม่รองไม่สบาย เช่นนั้น” ทำท่าคิด “ถ้าอิงอิงอยากเปลี่ยนมานอนกับพี่สาวบ้าง พี่สาวก็ไม่ว่า”
เด็กน้อยผู้ถูกอุ้มเงยหน้ามอง ตาใสแป๋ว “จริงรึเจ้าคะ”
“จริงสิ มานอนกับพี่สาว ถ้าหากนอนดิ้น พี่สาวจะจับมัดไว้กับเสาเตียงทั้งคืนเลย”
“หวายๆๆ เช่นนั้นอิงอิงไม่นอนเจ้าค่ะ” ดีดดิ้นไปมาในอ้อมกอด
เสียงหัวเราะของสตรีสามวัยดังไปทั่วโถงทางเดิน สาวใช้รอบด้าน บ่าวชายผู้ทำงานในสวนต่างก็ยิ้มตามหลัง จวนหลังนี้มีความอบอุ่นปรองดองกันเป็นอย่างดี คงเป็นเพราะนายท่านหวังมิได้มีฮูหยินกับอนุมากมายเฉกเช่นสกุลอื่น รวมทั้งสตรีของนายท่านหวังต่างพึ่งพาอาศัยกัน รักใคร่กลมเกลียว สกุลหวังจึงเป็นแบบอย่างที่ดีในเมืองหลวงจนได้รับพระราชทานรางวัลครอบครัวตัวอย่างในหลายปีที่ผ่านมา
๑-----------------------๑
โถงรับรองกลางเรือนใหญ่สกุลหวัง
ภาพบุรุษวัยกลางคนรูปร่างท้วมกับสตรีผิวขาวเกล้าผมขึ้นสูงกำลังนั่งสนทนากันทำให้ผู้ที่มาจากต่างภพเดาได้ไม่ยากว่าท่านทั้งสองนั้นคือบิดาและมารดาของนาง ความคุ้นเคยก่อเกิดขึ้นมาในหัวใจชี้ชัดว่าความผูกพันที่รู้สึกได้นั้นคือเรื่องจริง รอยยิ้มสวยปรากฏอยู่บนใบหน้าเมื่อพวกท่านมองตรงมายังตัวนาง ^^ “ปิงปิงคาราวะท่านพ่อท่านแม่เจ้าค่ะ” ย่อกายงดงามตามสตรีมารยาทดี (ที่เคยเห็นมาแล้วในทีวีหลายเรื่อง)
ม่อฮูหยินมองบุตรสาวคนโตอย่างแปลกใจ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้าแต่งกาย รึทำผม ทุกสิ่งล้วนแปลกตา มิใช่ว่ามิสวยงาม ในทางกลับกัน มันงามมากกว่าเดิม “วันนี้ปิงปิงของแม่ดูงดงามกว่าทุกวัน”
ผู้ถูกชมยิ้มหวาน คลานเข้าหามารดา “ใช่เจ้าค่ะ วันนี้ลูกงามกว่าเมื่อวานและที่สำคัญคือลูกคิดได้แล้วกับหนทางชีวิตของตนเองต่อจากนี้” เพื่อชีวิตใหม่ที่ดีในวันข้างหน้าของสตรีต่างภพเช่นนาง
หวังร่วนเทาหัวเราะ “หึหึ เจ้าหมายถึงหนทางชีวิตที่ตามติดรัชทายาทผู้นั้นน่ะรึ” เย้าบุตรสาวด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก
ปิงปิงหน้ามุ่ย “ลูกจะขอบอกความจริงที่ลูกมิเคยบอกผู้ใด” ทำหน้าจริงจัง “คือที่ลูกตามติดรัชทายาทนั่นเป็นเพราะเขาชมชอบมิ่งลี่สหายคนสนิทของลูก ดังนั้นลูกจึงต้องคัดสรรบุรุษที่ดีให้กับนางอย่างไรเล่าเจ้าคะ” พยายามหาข้ออ้างทั้งหลายทั้งปวงมาลบความคิดเดิมๆ ของทุกคนในครอบครัว เรื่องที่นางชมชอบรัชทายาทผู้นั้นหลังจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว ทุกคนต้องเปลี่ยนความคิดใหม่โดยมีนางพูดกรอกหู
คำกล่าวอ้างที่ฟังไม่ขึ้นทำให้บุรุษรูปงามผู้เดินเข้ามาใหม่ถึงกับลอบหัวเราะ “หึหึ เช่นนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า อย่างเช่นตามติดมิ่งลี่และรัชทายาทมู่หรงหลานหรือมอบของกำนัลให้อีกฝ่ายนั้น พี่ควรจะลืมมันไปงั้นรึ” หวังหลีปินนั่งลงข้างๆ มารดาแล้วก้มมองน้องสาวที่วันนี้ดูงดงามแปลกตาไปจากเดิม มือแกร่งยกขึ้นลูบศีรษะน้องสาว “ถ้าเจ้ายืนยันว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดเพราะอยากช่วยสหายอย่างมิ่งลี่พี่ก็ยินดีที่จะเชื่อ”
“ยืนยันสุดชีวิตเจ้าค่ะ เอาเป็นว่าข้าจะเลิกตามติดทั้งมิ่งลี่และรัชทายาทแล้วไปคัดสินค้ากับพี่ใหญ่และท่านพ่อ”
ผู้เป็นบิดายิ้มชอบใจ “เอาสิ รับสำรับแล้วเราก็ออกเดินทางกันเถิด วันนี้สินค้าจากต่างแดนจะเข้ามาใหม่ มีเจ้าช่วยอีกแรงพ่อย่อมสบายใจ”
“มิใช่ว่าจะไปคัดเอาของดีๆ ให้รัชทายาทผู้นั้นหรอกนะ” หวังหลีปินกล่าวดักน้องสาว
ปิงปิงเบ้หน้า ‘เรื่องเก่าแต่ละอย่างนี่นะ ไม่ได้ทำให้ตัวเองดูงามเหมือนหน้าตาเลยสักนิด’ “ในอดีตนั้น ข้าเคยทำกี่ครั้งกันเจ้าคะ...แค่ของขวัญมอบให้สหาย พี่ใหญ่อย่าคิดมากสิ ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำมันอีกแล้ว จบเรื่องนี้นะเจ้าคะ” ยกมือขึ้นสามนิ้วเหมือนปฏิญาณตน ซึ่งนางไม่รู้หรอกว่าพวกท่านจะเข้าใจรึเปล่า แต่นางก็ทำไปแล้ว...สัญลักษณ์ลูกเสือ