หลังจากโดนรังแกทั้งคืน เขาปล่อยให้นางได้พักผ่อน เยว่ซิ่นอ้ายรู้สึกปวดเอว และระบมไปทั้งตัว ไม่ต้องพูดถึงรอยจ้ำที่มีอยู่ตั้งแต่คอลงไป เห้อ อีตาอ๋องบ้านั่นน่าตายนัก นางค่อย ๆ พยุงตัวเองให้ลุงขึ้นยืน ก็ยังดีที่จวิ้นอ๋องยังสวมชุดคลุมให้นางบ้าง แต่สภาพห้องนั้น ยับเยินสุดๆ
“พระชายาเพคะ หม่อมฉันนางกำนัลจากวังหลวงเพคะ”
นางกำลังอาวุโสเอ่ยบอกก่อนผลักประตูเข้ามา ทำให้เยว่ซิ่นอ้ายมองอย่างไม่ใคร่จะพอใจนัก นี่ถ้าโผล่มาตอนเธอไม่ใส่อะไรจะทำยังไงล่ะนี่
“ถวายพระพรพระชายาเพคะ เอ่อ หม่อมฉันขอตรวจสอบบางอย่างก่อนนะเพคะ”
ผู้เป็นหัวหน้านางกำนัลอาวุโสเอ่ยก่อนจะพยักหน้าให้นางกำลังอีกคนเดินไปหยิบผ้าขาวที่เตียง พลางพยักหน้าส่งสัญญาณทำความเคารพเยว่ซิ่นอ้ายแล้วรีบออกไป
“คุณหนู”
เสี่ยวอิงรีบเดินเข้ามาอย่างดีใจเมื่อเหล่านางกำนัลอาวุโสพยักหน้าเชิงอนุญาตให้นางเข้าไปได้
“คุณหนู เอ่อ พระชายาเหตุใดท่านถึงได้…”
เสี่ยวอิงตาโตเมื่อเห็นสภาพห้องที่เละเทะ รวมถึงสภาพของพระชายาของนางที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงแถมร่องรอยที่คอนั่นอีก เมื่อคืนท่านอ๋องรังแกพระชายาเกินไปแล้ว
“เสี่ยวอิง ข้าอยากอาบน้ำ บอกคนมาเก็บห้องด้วย”
เยว่ซิ่นอ้ายบอก นางอยากจะแช่น้ำอุ่น ๆ เสียจริง คงคลายความเมื่อยได้บ้าง แต่ก็พบว่าเสี่ยวอิงทำหน้าแปลกๆ
“ทูลพระชายาเพคะ นอกจากท่านพ่อบ้านและข้า กับเสี่ยวซีน้อยก็ไม่มีผู้อื่นในจวนแล้วเพคะ”
เสี่ยวอิงว่าก่อนปรายตาไปยังเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุเพียงเก้าขวบเท่านั้น นางยอบกายทำความเคารพพระชายาก่อนเยว่ซิ่นอ้ายจะยิ้มอ่อนให้ ว่าแต่เจ้าหนูน้อยนี่หน้าตาคุ้นๆ เหมือนอีตาอ๋องนั่นเสียจริง
“เห้อ ข้าคงต้องหาบ่าวเพิ่มใช่หรือไม่”
เสี่ยวอิงพยักหน้ากลาย ๆ เพราะหลังจากตนได้สำรวจสภาพในจวนแล้ว เจ้านายของนางคงต้องลำบากในการใช้ชีวิตแน่ ๆ หากอยู่ในสภาพนี้
วังหลวงแคว้นจ้าว
ตำหนักพระสนมฟางกุ้ยเฟย ตำหนักใหญ่โตหรูหราไม่แพ้ตำหนักกลางของฮองเฮา แสดงให้เห็นถึงความโปรดปรานของฮ่องเต้ที่มีต่อสนมคนนี้
เพล้ง!!!
เสียงจอกน้ำชา พร้อมชุดน้ำชาแตกกระจาย จากการขว้างเพื่อระบายโทสะหลังได้รับรายงานจากคนของตนว่า จวิ้นอ๋องเข้าหอกับพระชายา ที่เป็นบรรณาการจากแคว้นเฉิน
“เขากล้าลืมข้าหรือ”
ฟางกุ้ยเฟยพึมพำ นางไม่เคยเสียความมั่นใจเท่านี้มาก่อน
“อาจจะเป็นเพราะนางยั่วยวนท่านอ๋องเป็นแน่เพคะพระสนม”
จูจิง นางกำนัลคนสนิทเอ่ยปลอบพระสนมของตน
“หึ ช่างเถอะ อย่างไรเขาก็ยังรักข้าอยู่ดี”
ฟางกุ้ยเฟยบอกเพราะหากจวิ้นอ๋องลืมนางไปแล้วคงจัดขบวนไปรับชายาเอง ทุกครั้งที่มีหญิงบรรณาการ เขามักไม่สนใจและทิ้งขว้าง แม้กระทั่งหญิงอุ่นเตียงยังตายมาแล้วนับไม่ถ้วน เพราะเขาไม่ปรารถนาผู้ใด นางชักอยากเห็นหน้านังจิ้งจอกหน้าหนาผู้นั้นเสียแล้ว
ตำหนักกลางที่ประทับของฮองเฮา
หวังฮองเฮาผู้มีอำนาจสูงสุดในวังหลังกำลังสูดกลิ่นของน้ำมันหอมระเหยอย่างผ่อนคลาย พระนางสวมชุดบางๆ เผยให้เห็นยอดอกสล้างที่ใหญ่กว่าหญิงทั่วไป โดยท่อนล่างมีชายหนุ่มผู้หนึ่งที่กำลังดูดดึงกลีบดอกไม้ให้อย่างหิวโหย
“อื้มมมม อ่า ดีจริงๆ อาเหอ”
หวังฮองเฮากล่าว ชายหนุ่มจึงขึ้นคร่อมนางก่อนก้มลงดูดยอดอกที่ชูชันเรียกร้องให้เขาเข้าหา
“เจ้าช่างมูมมามเสียจริง”
หวังฮองเฮาครางเสียงสั่น ด้วยตัวนางกำลังโดนชายหนุ่มที่คนของพระนางจัดหามาให้ดูดดึงเต้านมราวทารกกระหายน้ำนมมารดา
“ท่านงดงามขนาดนี้ กระหม่อมจะอดใจอย่างไรให้ไหวเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
ชายผู้ที่แอบลอบปลอมตัวเป็นขันทีเข้ามาเป็นชายบำเรอกล่าว ก่อนปรนเปรอฮองเฮาคนงามด้วยการขบเม้มยอดอกอย่างหิวกระหาย ด้วยรู้ว่านางนั้นย่อมพึงพอใจ
“อ๊า เจ้าทำให้ข้าพอใจนัก”
นางบอกก่อนหยิบแท่งหินสลักเป็นท่อนลึงค์ขนาดใหญ่ออกมา พลางส่งสายตายั่วยวนอีกฝ่าย ชายหนุ่มหยิบเอาแท่งนั้นจากมือคนงามมาชโลมน้ำสีใสที่เตรียมไว้สำหรับใช้ร่วมรักกับนาง ก่อนจะค่อยๆ ดันเข้าไปในช่องรักของพระนาง
“อู้ววว อ๊า อาเหอ เจ้าช่างใจร้อนยิ่ง”
หวังฮองเฮาครางเสียงดังเมื่อแท่งหินที่สลักเป็นรูปท่อนลึงค์ถูก ‘อาเหอ’ ดันเข้ามาจนสุดทางพร้อมใช้มือขยับเข้าออกอย่างรู้งาน ส่งผลให้มีน้ำหล่อลื่นออกมาจำนวนมาก เอวคอดงามขยับตามจังหวะของแท่งหินอย่างสุขสม แต่นางกลับรู้สึกอยากได้มากกว่านี้
“อาเหอ…”
หวังฮองเฮาสบตากับชายหนุ่มอย่างหวานซึ้ง นางต้องการมากกว่านี้ สายตายั่วยวนพลางให้นิ้วกรีดร่องอีกร่องที่อยู่ข้างหลังตัวนางเป็นการสั่งให้เขาทำสิ่งที่นางอยากจะทำ อาเหอจึงหยุดการกระทำ แล้วหยิบน้ำหล่อลื่นในตลับมาถูส่วนนั้นของตน
ฉึก!!
“อื้อ อ๊ะๆๆๆๆๆ เจ้าช่างรุนแรงนัก อ๊าๆๆ โอ้วว แต่ข้าชอบ”
ในขณะที่มืออีกข้างของเขาขยับท่อนหินเข้าออกอีกช่องทางหนึ่งของนางเขาก็ยังกระดกบั้นเอวเพื่อขยับท่อนรักของตนเข้าไปในช่องทางรักของนางอีกด้วย
ผั่บๆๆๆ
“อู้วววววว เสียวเหลือเกินฮองเฮา”
อาเหอเอ่ยเสียงพร่า ตนเองก็กระแทกใส่ตัวนางไม่ยั้ง ก่อนดึงแท่งหินนั้นออกไปวางแล้วถอนท่อนของตัวเองออกจากช่องทางรักข้างหลังของหวังฮองเฮา แล้วดันเข้าไปช่องทางรักข้างหน้า
“อึก อ๊ะ ระ แรงๆๆ อะ อ๊าๆๆๆ”
หวังฮองเฮาครางลั่น อยากได้แรงๆ พร้อมแอ่นอกเข้ามาหาปากใหญ่ของเขา จึงถูกชายหนุ่มทั้งงับยอดอด ทั้งกระแทกส่วนล่างจนหัวนางโยกคลอนตามจังหวะที่เขามอบให้อย่างเสียวซ่าน
หวังฮองเฮานั้นนางเสพติดรสรักจากชายหนุ่มมากหน้าหลายตา ด้วยเพราะนางมีความต้องการสูง และฮ่องเต้ก็ไม่ค่อยเสด็จมาหานาง แม้จะดูโปรดปราน แต่ก็มิเคยเสพสังวาสด้วย นางจึงหาทางระบายกับผู้ชายเหล่านี้ แม้รู้ว่าไม่ถูก แต่ฮ่องเต้ก็ไม่อาจจะเอาผิดนางได้ เพราะตระกูลของนางนั้นมีอำนาจมากล้นยังไงล่ะ
ภายหลังการอาบน้ำชำระร่างกาย และทานอาหารที่พอจะมีบ้างในจวน เธอจึงเรียกพ่อบ้านอู่เข้ามาพบเรื่องที่จะหาบ่าวเพิ่มเติม รวมถึงการซ่อมแซมจวนแห่งนี้ด้วย ด้วยจวนนี่มีบริเวณกว้าง แต่มีเรือนใหญ่แค่เรือนเดียว นอกนั้นมีเรือนย่อยอีกหลายเรือน ทั้งศาลาริมน้ำ และสวนที่มีแต่วัชพืช แสดงให้เห็นว่าเจ้าของจวนไม่สนใจไยดีที่อยู่อาศัยเลยแม้แต่น้อย
“ทูลพระชายา เงินในคลังที่จวนตอนนี้เหลือไม่มากนักพ่ะย่ะค่ะ”
พ่อบ้านอู่ตอบ ก่อนส่งมอบสมุดบัญชีภายในจวนให้กับนาง
“งั้นจะเป็นอะไรหรือไม่หากข้าอยากจะรู้ว่าเบี้ยหวัดรายเดือนของท่านอ๋องนั้นได้เท่าใด”
เยว่ซิ่นอ้ายถาม ก่อนคิดคำนวณรายจ่ายที่จะต้องจ่ายก็เยอะพอสมควร ถ้ารู้เงินเดือนของตานั่น น่าจะพอนำสินเดิมมาเสริม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการหาบ่าว และซ่อมแซมจวนได้
“เอ่อ ท่านอ๋องนั้นโดนตัดเบี้ยหวัดมาได้ห้าปีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ห้าปี!”
นางอุทานพร้อมคิดหนัก มิน่าล่ะ ไม่มีบ่าวไพร่เลยสักคนในจวน แล้วอยู่กับแบบลูกผู้ชายเหรอ
“เอาเถิด ข้าขอแค่สมุดบัญชีไว้ ที่เหลือข้าจะจัดการเอง”
นางบอก พ่อบ้านอู่จึงเดินออกไป
“พระชายา หากไม่มีเงินเช่นนี้แล้วพวกเราจะอยู่อย่างไรล่ะเพคะ”
เสี่ยวอิงบ่น
“ข้าคงต้องออกเงินไปก่อน ค่อยไปเก็บกับท่านอ๋อง ขืนอยู่จวนสภาพนี้เราคงไม่รอดเป็นแน่”
เยว่ซิ่นอ้ายบอกก่อนคิดคำนวณค่าใช้จ่ายที่ต้องจัดการให้เสร็จก่อนที่จะมืด หากไม่รีบหาบ่าวเข้าจวนคืนนี้คงต้องทั้งหิวทั้งหนาวเป็นแน่ จะให้เสี่ยวอิงไปตักน้ำมาให้นางใช้ก็คงไม่ดีนัก แม้นางจะเต็มใจ แต่นางไม่มีทางให้เสี่ยวอิงลำบากแน่นอน
ภายหลังคิดคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งซื้อบ่าว และซ่อมแซมจวน สินเดิมของนางหร่อยหรอเหลือไม่มากแน่ คอยดูเถอะ นางจะคิดทั้งต้นและดอกกับอีตาอ๋องนั้นแน่นอน
หลังจากตระเวนหาบ่าวเข้าจวนได้แล้วนางจึงมอบหมายให้พ่อบ้านอู่จัดการสั่งงาน และแบ่งที่อยู่ให้ รวมถึงตัดชุดใหม่ให้คนละห้าชุด บ่าวในจวนมีทั้งหมด 15 คน ทุกคนล้วนเต็มใจที่จะมาอยู่ที่จวนแห่งนี้ แต่นางก็คัดเลือกคนที่ไว้ใจได้เท่านั้น ขืนรับคนมั่วซั่วมีหวังนางโดนปล้นเป็นแน่ ส่วนของการซ่อมแซมนางก็ได้วางมัดจำไว้แล้วอีกสองวันจะมีคนเข้ามาซ่อมแซมและปรับปรุงให้
ภายหลังจากวันแรกที่เข้ามาอยู่ที่จวนจวิ้นอ๋องเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เยว่ซิ่นอ้ายก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย จวิ้นอ๋องมักจะอยู่ที่ห้องทำงานไม่ยอมมาเจอหน้านาง คล้ายกับว่าเขากำลังแอบทำอะไรบางอย่างที่นางไม่รู้ แม้นางพยายามขอเข้าพบเขาเขาก็มักให้พ่อบ้านอู่มารับหน้าเสมอ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปนั่นคือสภาพของจวนที่ได้รับการปรับปรุงซ่อมแซม ทำให้ดูราวกับว่าสร้างจวนใหม่ขึ้นมา ภายในจวนมีสวนดอกโม่ลี่ฮวา (มะลิ) อยู่มากมาย ด้วยพระชายาทรงชอบดอกโม่ลี่ฮวาเป็นพิเศษ อีกทั้งมีการจัดสวนใหม่ ปรับปรุงสระน้ำด้วยการปลูกบัวเพิ่ม ซ่อมแซมศาลาริมน้ำ พระชายาโปรดปรานการนั่งชมดอกบัว และวาดรูปเป็นที่สุด อีกทั้งยังเผื่อแผ่ด้วยการจ้างอาจารย์มาสอนการอ่านขั้นพื้นฐานให้กับบ่าวในจวนอีกด้วย ว่ากันว่าถ้าบ่าวอยู่ดี เจ้านายก็อยู่ดีมีสุขตาม การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้คนในเมืองหลวงแคว้นจ้าวรู้สึกประหลาดใจในการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
ห้องทำงานของจวิ้นอ๋อง
ภายหลังกลับมาจากไปทำธุระที่นอกด่าน เขาพบว่าที่จวนมีบ่าวเข้ามาอยู่ พร้อมกระดาษรายละเอียดของบ่าวในจวน และค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมถึงค่าซ่อมแซมจวนที่พ่อบ้านอู่รีบรายงานด้วยพระชายาฝากมาเก็บเงินกับเขา
“ท่านอ๋อง อย่าได้โกรธพระชายาเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“นางช่างจุ้นจ้านกับจวนข้าเสียจริง”
จ้าวเหวินสยุงบอกก่อนก้มมองกระดาษใบนี้ ละเอียดเกินไปแล้ว นางเขียนรายละเอียดทุกอย่างที่ต้องซื้อเข้าจวน แม้กระทั่งไส้ตะเกียง!
“พระชายา ท่านอ๋องเสด็จกลับแล้วนะเพคะ”
เสี่ยวอิงรีบเข้ามารายงาน เยว่ซิ่นอ้ายที่กำลังสอนคัดอักษรให้เสี่ยวซีอยู่ตรงศาลาริมน้ำอยู่ทำตาโตก่อนยิ้มอย่างดีใจ
“เสียวซี พอแค่นี้ก่อนนะ ข้ามีธุระต้องไปทำ”
นางบอกเสี่ยวซีจึงพยักหน้าเข้าใจ
เยว่ซิ่นอ้ายรีบเดินไปห้องทำงานของจวิ้นอ๋องเพื่อที่จะสอบถามเรื่องเงินเดือนของเขา
“เจ้าคิดว่าอ๋องปลายแถวอย่างข้า จะได้รับเบี้ยหวัดงั้นรึ”
เขาตอบพลางก้มหน้าเขียนหนังสือต่อ
“ท่านอ๋องอาจจะคิดว่าหม่อมฉันจุ้นจ้านไป แต่ในเมื่อหม่อมฉันเป็นชายาของพระองค์ นั่นถือว่าเราเป็นครอบครัวกันแล้ว เราควรจะคิดหาทางหาแก้ดีหรือไม่เพคะ”
เยว่ซิ่นอ้ายบอก ใช่แล้วไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วควรหาทางแก้ด้วยการหาเงินเข้าจวน
“ครอบครัวงั้นเหรอ?”
จ้าวเหวินสยุงยิ้มเยาะก่อนลุกขึ้นจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา ครอบครัวที่ครั้งหนึ่งเขาเคยมี แต่ถูกลบทิ้งไปจากความโง่เขลาของเขาน่ะเหรอ
“ใช่แล้วเพคะ”
นางยิ้มเพราะคิดว่าเขาเข้าใจ แต่ก็รู้สึกแปลก ๆ ว่าทำไมสายตาเขาถึงดูเย็นชาขึ้น
“เจ้าอยากทำอะไรมันก็ตามใจเจ้า แต่ข้าขอเตือนว่าอย่าสร้างปัญหามาให้ข้า”
เขาบอกนางเสียงเข้ม
“งั้นหากว่าท่านพอที่จะมีเงินมาคืนข้าล่ะก็ ขอด้วยนะเพคะ เพราะหม่อมฉันขายสินเดิมเพื่อนำเงินเข้าจวนจนจะหมดแล้ว”
เยว่ซิ่นอ้ายทวง เอาวะ ทวงให้ได้นะซิ่นอ้าย
“หากเจ้าทำให้ข้าพึงพอใจ ข้าย่อมจะตอบแทนคืนให้เจ้า”
เขาเอ่ยก่อนทำสีหน้ากวน ๆ
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ทรงต้องการเสวยอะไรเป็นพิเศษหรือไม่เพคะ หม่อมฉันจะได้บอกแม่ครัวทำถวาย”
เยว่ซิ่นอ้ายยิ้มร่า เย้ จะได้เงินคืนแล้วเว้ย นางมัวแต่ดีใจ โดยไม่ทันรู้ว่าจ้าวเหวินสยุงนั้นยิ้มร้ายแค่ไหน
“ข้าอยากกินเจ้า”
เขาเอ่ยบอกนางตรง ๆ เยว่ซิ่นอ้ายถึงกับชะงัก ก่อนจะรู้สึกว่าหน้าตัวเองนั้นแดงเพียงใด
“ท่านอ๋อง ท่านล้อข้าเล่นแล้ว”
นางก้มหน้ามุดก่อนจะโดนเขาดึงนางให้มานั่งตัก นางพยายามขัดขืน แต่รู้สึกว่าเปล่าประโยชน์ เพราะเรี่ยวแรงของคนตัวโตที่มีมากกว่า
“ข้าไม่เคยล้อเจ้าเล่น”
จ้าวเหวินสยุงพูด เขาอดกลั้นตั้งแต่วันนั้นเพื่อให้นางได้พักผ่อน แต่รู้สึกว่าตอนนี้พิษที่เคยได้รับเมื่อห้าปีก่อนนั้น เริ่มจะกำเริบอีกแล้ว พลางสูดดมความหอมของนางที่ซอกคอแล้วดึงเสื้อของนางให้ร่นลงไป ก่อนล้วงเข้าไปในร่มผ้าก่อนจับ และขยำหน้าอกงาม
“อ๊ะ ทะ ท่านอ๋อง หม่อมฉันตัวเหม็นมากนะเพคะ”
นางพยายามหยุดการกระทำของเขาก่อนที่ตัวเองจะหลวมตัวยอมเขาอีก จะไม่ยอมอีกเด็ดขาดนางคิดในใจ
“งั้นหรือ งั้นข้าปล่อยให้เจ้าไปอาบน้ำดีหรือไม่”
เขาพูดแต่มือนั้นยังบีบเคล้นยอดอดของนางอยู่
“มะ หม่อมฉันขอตัวนะเพคะ”
เยว่ซิ่นอ้ายรวบรวมแรงผลักมือเขาออกก่อนจัดชุดให้เรียบร้อยแล้วรีบเดินออกไป ทิ้งให้จ้าวเหวินสยุงมองตามด้วยความรู้สึกบางอย่าง
“หากเจ้ารู้ว่าข้าเป็นเช่นไร เจ้ายังอยากให้ข้าเป็นครอบครัวเจ้าอยู่หรือไม่ อ้ายเอ๋อร์”
เยว่ซิ่นอ้ายเดินกลับห้องด้วยหัวใจเต้นรัวกับการกระทำของเขา โอ๊ย ทำไมจึงรู้สึกแบบนี้นะ ก่อนที่เสี่ยวอิง และเสี่ยวซีจะยกสำรับมาให้
“พระชายา ไม่สบายรึเปล่าเพคะ”
ระหว่างที่ทานอาหาร เสี่ยวซีมองเห็นอาการแปลกๆ ของพระชายาที่เหม่อลอย คล้ายสติไม่ได้อยู่กับตัว
“เอ๊ะ ข้า เปล่า นี่พวกเจ้ามากินข้าวเป็นเพื่อนข้าหน่อย”
เยว่ซิ่นอ้ายบอก เห้อ นางจะไปคิดถึงการกระทำ และคำพูดที่ทำให้ขนลุกซู่ทำไมเนี่ย
“พระชายา พวกเราจะกินอาหารร่วมกับพระชายาไม่ได้หรอกนะเพคะ”
เสี่ยวอิงปฏิเสธ จริงอยู่ที่แต่เดิมเยว่ซิ่นอ้ายชอบให้นางกินข้าวเป็นเพื่อน แต่ตอนนี้ไม่เหมาะสมมาก เพราะคุณหนูของนางเป็นถึงพระชายาแล้ว
“ใจคอพวกเจ้าจะให้ข้ากินคนเดียวรึไง มาเถอะน่าข้าไม่ถือหรอก”
เยว่ซิ่นอ้ายเอ่ยชวนพร้อมใช้สายตาบังคับกลายๆ ทำให้ทั้งสองจึงยอมมากินข้าวด้วย
ยาวชวี (19.00-20.59)
เสี่ยวอิง และเสี่ยวซีถูกเยว่ซิ่นอ้ายบังคับให้มานอนเป็นเพื่อนในห้องด้วย เพราะนางกลัวว่าจวิ้นอ๋องจะเข้ามาลวนลามนางอีก
เยว่ซิ่นอ้ายนอนแช่น้ำอุ่นอย่างสบายใจ ก่อนก้มมองยังร่องรอยที่ตอนนี้กลายเป็นรอยช้ำจาง ๆ จากคอลงมาถึงเนินอก ก็พลางคิดไปถึงช่วงเวลาของคืนนั้น แล้วมีเลื่อนมือไปแตะตรงกลีบดอกไม้งามของตัวเอง แล้วก็สะดุ้งเพราะรู้สึกแปลก ๆ แต่นางก็ยังแตะต่อไปพลางลงน้ำหนักนิ้วเรียว
“อ่ะ..”
นางค่อย ๆ กดนิ้วเข้าไปในกลีบกุหลาบของตัวเอง ส่งผลให้รู้สึกเสียวกระสัน น้ำหวานสีใสไหลออกมาจากดอกไม้งาม
“อ่ะ อ๊า อื้อ… แบบนี้เรียกช่วยตัวเองรึเปล่านะ”
นางบอก พลางค่อย ๆ นำนิ้วเข้าไปให้ลึกอีก ในหนังผู้ใหญ่เขาทำกันแบบนี้ถูกแล้วใช่ไหม
“นี่เจ้า …. กำลังทำอะไรอยู่รึ”
“ท่าน ท่านเข้ามาได้ยังไง!”
นางรีบยกมือปิดหน้าอกก่อนหันหลังให้เขาทันที
“ที่นี่ห้องของข้า เหตุใดจะเข้ามาไม่ได้เล่า”
เขาพูดก่อนก้าวเข้ามายังอ่างอาบน้ำที่นางแช่ตัวอยู่
“ทะ ท่านอ๋อง ถอยไปก่อนสิเพคะ”
เยว่ซิ่นอ้ายบอกพลางลุกขึ้นแล้วรีบคว้าชุดคลุมก่อนรีบใส่อย่างลวก ๆ ก่อนรีบถอยหลังหนีห่างจากคนตัวโตจนหลังชิดผนัง
“อ้ะ”
เพียงพริบตาเดียวร่างบางก็ถูกดึงให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของจ้าวเหวินสยุง โดยที่นางถูกกอดจากด้านหลัง
“ปล่อยนะ ปล่อยหม่อมฉัน”
นางพยายามขัดขืนแต่ยิ่งโดนเขาล็อกตัวไม่ให้ขยับไปไหน
หมับ!
เขาจับคอนางก่อนจะขบเบาๆ แล้วลากลิ้มมาที่ติ่งหู และขบเม้มอีกครั้ง สร้างความรู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องของนางอีกแล้ว มืออีกข้างก็เคลื่อนไปบีบขยำยอดอกแล้วสะกิดเบาๆ ให้รู้สึกดี
“อื้ออ บะ ท่าน เบา ๆ อื้อ อ่า”
สวบ!
“อ๊า อื้อ”
เยว่ซิ่นอ้ายร้องลั่น เพราะโดนนิ้วเรียวสอดใส่เข้าในกลีบดอกไม้ที่มีน้ำหวานหล่อเลี้ยงอยู่สร้างความเจ็บปนเสียวให้กับนางเป็นอย่างมาก
“จะ เจ็บ”
นางบอกคนตัวโตหวังว่าเขาจะเห็นใจ
“บอกว่าเจ็บ แต่ข้าก็ไม่เห็นเจ้าต่อต้านข้าเลยนี่”
จ้าวเหวินสยุงว่า ก่อนก้มลงมองนางที่ดูเหมือนว่าแขนขาจะอ่อนแรงจากการโดนเขาลวนลาม ตอนแรกด้วยตั้งใจอยากจะถามว่านางเป็นเช่นไรบ้าง แต่กลับพบว่านางกำลังจัดการกับอารมณ์ตัวเองอยู่ ก็รู้สึกว่าพิษที่อยู่ในตัวนั้นเริ่มกระตุ้นให้เขาต้องทำอีกครั้ง
“ก็ท่าน ระ แรงเยอะกว่าข้านี่!”
นางเถียง อีตาอ๋องบ้าเอ๊ย
“ข้าว่าเรา ไปทำที่เตียงกันดีกว่า”
เขาบอกก่อนอุ้มนางไปโดยที่นางไม่ขัดขืน (จริงๆ คืออ่อนระทวย) ไม่นานจ้าวเหวินสยุงก็อุ้มร่างเล็กวางไว้บนเตียงก่อนขึ้นคร่อม แล้วก้มจูบนางอย่างไม่รอช้า
“อื้อ อืมมม”
แม้ในใจของเยว่ซิ่นอ้ายอยากจะกรีดร้อง และขัดขืนเพียงใด แต่นางก็ยอมรับว่ารู้สึกดีมากเช่นกัน จ้าวเหวินสยุงบดจูบริมฝีปากนางอย่างรุนแรง พร้อมทั้งขบกัดสลับกันไป ก่อนที่นางจะรู้สึกว่ามีบางอย่างแข็งๆ จ่ออยู่ที่กลีบดอกไม้งามของนาง
ปึก!
กายแกร่งถูกดันเข้ามาในดอกไม้ของนางแม้ไม่ใช่ครั้งแรกก็รู้สึกเจ็บมากเช่นกัน
“อ๊า อื้อออ”
เอวสอบขยับเข้าออกอย่างช้าๆ ตามจังหวะเพื่อให้นางผ่อนคลาย แต่นางก็บีบรัดเขาแน่นเหลือเกิน
“อื้มม อ่ะ อ๊า”
จ้าวเหวินสยุงค่อยๆ เพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้น ตามความรู้สึกที่พุ่งทะยานไม่ต่างกัน เขาก้มลงขบเม้มสองเต้าอวบที่ขยับไปมายั่วเขา จนคนใต้ร่างดิ้นไปมาด้วยความรู้สึกที่เสียว
“อ้ายเอ๋อร์ เจ้ายั่วยวนข้าเก่งจริง”
เขาบอกก่อนกดกายแกร่งให้เข้าไปลึกกว่าเดิม แล้วเพิ่มจังหวะการกระแทกเข้าออกมากยิ่งขึ้น
ปั่กๆๆๆ
“อื้อออ อื้มมม ซี้ดดดด”
เขากระแทกอีกครั้งด้วยความแรง ส่งผลให้คนตัวเล็กทั้งเจ็บทั้งจุกทั้งเสียวไปพร้อมกัน
“อื้ออ เบาๆ ท่านอ๋อง อ๊า”
นางส่งเสียงห้ามและปล่อยน้ำหวานออกมา ก่อนที่เขาจะกระตุกและปล่อยสายธารสีขาวขุ่นออกมา ทำให้เยว่ซิ่นอ้ายเงยหน้าขึ้นพร้อมกัดปากแล้วส่งเสียงครางออกมาอีกครั้ง พร้อมส่งสายตาวิงวอนเพื่อนให้เขาหยุดการรังแกนางสักที
“เจ้าทำเช่นนี้คิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าได้พักรึ”
จ้าวเหวินสยุงยิ้มร้าย เหตุใดนางชอบยั่วยวนเขานักนะ (แต่เจ้าของร่างเล็กไม่รู้ตัวว่าที่ทำอยู่คือการยั่ว) โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ก่อนที่จะดึงนางขึ้นมาจูบในขณะที่ส่วนล่างยังคงขยับอยู่ เยว่ซิ่นอ้ายจูบตอบอย่างเงอะงะ ด้วยรู้สึกว่าจูบนี้ช่างอ่อนโยนและทำให้นางผ่อนคลาย
“ท่านอ๋อง พอแล้ว ข้าไม่ไหวแล้ว อ้ะ ทะ ท่าน”
เยว่ซิ่นอ้ายพยายามพูดขอร้อง เขารังแกนางเกินไปแล้ว นี่มันต้นยามจื่อ (23.00-24.59) แต่เขายังไม่มีทีท่าว่าจะหมดแรงเลย
“อื้มม อีกนิด”
เขาบอกนางเสียงพร่า แล้วกระแทกนางอีกครั้งและอีกครั้ง ก่อนจะปลดปล่อยสายธารรักเข้าไปในตัวนาง จนไหลออกมาผสมกับของเดิม เขารู้สึกพึงพอใจก่อนทิ้งตัวลงนอนข้างนาง
“มีความสุขหรือไม่”
เขาก้มลงกระซิบข้างๆ ใบหูนาง คนตัวโตรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว ก้มมองใบหน้าหวานที่หลับไปตั้งแต่เขาปลดปล่อย แต่ดูเหมือนนางจะไม่รับรู้อะไรแล้ว จึงดึงนางเข้ามากอดแล้วห่มผ้าให้นาง ก่อนลุกขึ้นไปแต่งตัวแล้วเดินจากไป