ณ ใจกลางเมืองหลวง อันเป็นที่ตั้งของคฤหาสน์หลังใหญ่ ถูกห้อมล้อมด้วยสวนดอกกุหลาบสไตล์อังกฤษ แสดงถึงความหรูหราและมีเอกลักษณ์ของผู้เป็นเจ้าของ
ที่แห่งนี้ เป็นเสมือนบ้านในฝันของหญิงสาวทั้งหลาย ที่ซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกหรูหรา น้ำหอมราคาแพงและเสื้อผ้าแบรนด์ดังสั่งตรงจากเมืองนอกมากมาย
แต่แท้จริงแล้ว ความฝันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
พลอยพรรณ เป็นคุณนายสาวสวยวัย 32 มีรูปร่างระหง สวยสง่าสมกับเป็นคุณนาย ใบหน้าและผิวพรรณอ่อนกว่าวัย
ในตอนนี้ เธอกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้กำมะหยี่ขลิบดิ้นทอง พลางเหม่อมองออกไปนอกบานหน้าต่างด้วยหัวใจบอบช้ำ
"วันนี้ พี่วิชัยกลับช้าอีกแล้วสินะ..."
เสียงของเธอสั่นเครือ คล้ายคนหมดอาลัยตายอยาก
แม้ว่าเธอจะเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายของ วิชัย ชายวัยกลางคน เจ้าของทรัพย์สินทุกอย่างในที่แห่งนี้ แต่หัวใจเธอกลับว่างเปล่าเสียยิ่งกว่าความเงียบงันในห้องโถงกว้าง
ครั้งหนึ่ง เธอเคยเชื่อว่าความรักและการทุ่มเท จะมอบชีวิตที่เพียบพร้อมให้แก่ผู้หญิงที่จงรักภักดีอย่างเธอได้
หลังจากแต่งงานกับนักธุรกิจหนุ่มธรรมดา ๆ คนหนึ่ง เธอใช้เวลาเกือบ 10 ปี ร่วมกับเขา และผลักดันจนเขาประสบความสำเร็จ กลายเป็นมหาเศรษฐีหน้าใหม่ที่ผู้คนจับตามอง
ในช่วงเวลานั้นเธอได้รับความรักใคร่จากสามีเป็นอย่างดี เขาทั้งดูแลเธอ ให้เกียรติเธอ และตั้งใจทำมาหากินอยู่เสมอ
แต่หลังจากประสบความสำเร็จได้เพียงปีเศษ ทุกอย่างก็กลับตาลปัตร และนั่นทำให้เธอแตกสลายลงอย่างช้า ๆ
สามีที่ครั้งหนึ่งเคยเอาใจใส่ คอยดูแล และตั้งใจทำมาหากิน พอมาวันนี้กลับเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับเมียน้อยสาวรุ่น
ปล่อยให้พลอยพรรณกลายเป็นเพียง เครื่องประดับ ชิ้นหนึ่งในคฤหาสน์หรูหลังนี้
กลางวัน เธอแต่งหน้า ทาปาก ยิ้มหวานให้ใคร ๆ เห็น
ในยามค่ำคืน เมื่อไม่มีใครเห็น พลอยพรรณก็ถอดคราบคุณนายออก และนั่งกอดเข่าตัวเองใต้แสงไฟสลัว พร้อมเสียงหัวใจที่แตกสลายดังสะท้อนอยู่ในอกเงียบ ๆ
เธอไม่ได้ต้องการเงินทองอีกแล้ว...
สิ่งที่เธอต้องการ มีเพียงสายตาของใครสักคน
ที่มองเธอด้วย ความรัก ไม่ใช่ ความเป็นเจ้าของ
แต่ในบ้านหลังใหญ่ที่เหมือนกรงทองนี้
จะมีใครมองเห็นหัวใจที่ร้าวรานของเธอบ้าง...
เสียงสายน้ำจากฝักบัวแบบ Rain Shower หยุดลงช้า ๆ พลอยพรรณเช็ดตัวเบา ๆ ก่อนหยิบชุดคลุมเนื้อบางขึ้นมาสวม
เธอสาดสายตาจ้องมองกระจก จับจดใบหน้าตนเองนิ่งงัน ผู้หญิงที่ใครต่อใครต่างบอกว่าสวยสง่าแม้ไร้เครื่องสำอาง
ในยามนี้ ดวงตากลับฉาดฉายความรู้สึกเศร้าลึก
"ไม่เป็นไร ลองดู อาจจะดีขึ้นก็ได้..."
ริมฝีปากแดงระเรื่อได้แต่พยายามเผยอยิ้มจาง ๆ อย่างให้กำลังใจตัวเอง คืนนี้เธอจะลองทำมันอีกสักครั้ง
เมื่อก้าวเท้าออกจากห้องน้ำ พลอยพรรณมองเห็นว่าวิชัย สามีของตัวเอง กำลังยืนแต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ เขาสวมเสื้อเชิ้ตใหม่เอี่ยม ฉีดน้ำหอมราคาแพงจนกลิ่นฟุ้งแตะจมูก
สิ่งเหล่านั้นทำให้หญิงสาวใจสั่นขึ้นมาวูบหนึ่ง
"พี่วิชัย จะออกไปไหนเหรอคะ" เธอจงใจใช้เสียงหวานอย่างเอาใจและมีความหมายลึกซึ้ง
แต่ทว่าเศรษฐีหนุ่มใหญ่กลับปรายตามองเธอเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะตอบกลับมาเสียงห้วน ๆ
"ออกไปข้างนอก มีธุระ"
คำตอบของเขาทำให้พลอยพรรณรู้สึกสะเทือนใจไม่น้อย แต่เธอก็ยังพยายามยิ้มหวาน และเดินเข้าไปใกล้แผ่นหลังใหญ่ ก่อนที่มือบางจะเอื้อมแตะเบา ๆ ที่ต้นแขนล่ำสันของสามี พลางลูบไล้ปลายนิ้วลงมาช้า ๆ อย่างเชื้อเชิญ
"ดึกขนาดนี้แล้ว... นอนพักก่อนดีกว่าไหมคะ..."
น้ำเสียงเธอแผ่วลง คล้ายกระซิบอย่างเย้ายวน
"พลอยเหงา... เราสองคนไม่ได้..."
เธอยังพูดที่ทันจบ แทนที่วิชัยจะหวั่นไหว เขากลับสะบัดแขนออกคล้ายว่ารำคาญและรังเกียจเธอเสียเต็มประดา
"อย่ามายุ่ง! รำคาญ!"
เขาขมวดคิ้วพลางตวาดเสียงใส่ ก่อนหยิบกุญแจรถแล้วรีบก้าวฉับ ๆ ออกไป ทิ้งให้พลอยพรรณยืนตัวแข็งอยู่กลางห้องนอนกว้าง
จนเมื่อตั้งสติได้ เธอจึงรีบสาวเท้าตามเขาไปอย่างรวดเร็ว
"พี่วิชัย!"
เสียงหวานพยายามร้องเรียกสามีอีกครั้ง พลางเร่งย่ำเท้าก้าวเดินตามร่างท้วมของสามีไปโดยเร็วที่สุด
หากแต่สุดท้ายก็ไม่ทัน
โครม!
เสียงประตูบ้านปิดดังลั่น ทำเอาหัวใจของเธอสั่นสะท้าน ทั้งอับอาย ทั้งเจ็บปวด จนน้ำตาเอ่อขึ้นโดยไม่ทันรู้ตัว
ชุดคลุมบางเบาแนบผิวเนื้อเริ่มเย็นเฉียบเพราะกระแสลม ราวกับเตือนให้เธอรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่โอบล้อมทั้งกายใจ
เสียงเครื่องยนต์คันหรูแล่นออกจากประตูรั้วอย่างไร้เยื่อใย ทิ้งไว้เพียงฝุ่นเบาบางและความว่างเปล่าที่คลุ้งอยู่ในอากาศ
พลอยพรรณยืนเหม่อมองตามแผ่นหลังกว้างของสามีอยู่ที่หน้าประตู ริมฝีปากที่ทาลิปสติกสีแดงสดเม้มแน่น ไม่มีกระจิตกระใจแม้แต่จะเช็ดหยาดน้ำตาเล็ก ๆ ที่คลอเบ้า
ได้แต่ยืนนิ่งอย่างคนที่ไม่รู้จะจัดการกับความเศร้าในใจของตัวเองอย่างไรดี
พลันก็แว่วเสียงทุ้มแหบมาจากทางสวนหย่อมข้างบ้าน
"คุณพลอย..."
เธอสะดุ้งนิด ๆ ด้วยความตกใจ ระคนงุนงง ก่อนจะหันไปเห็น นายเชษ คนสวนหนุ่มที่อยู่ประจำบ้านมาหลายปีแล้ว
เขาเป็นชายหนุ่มวัย 20 ปลาย ๆ มีรูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อเชิ้ตสีซีด กางเกงยีนส์เก่า ๆ มือหนาเปื้อนดินโคลน ทำงานหนักตลอดทั้งกลางวันและกลางคืนจนร่างกายกร้านกรำ
หากแต่แววตาใต้คิ้วหนานั้นกลับแฝงด้วยความอ่อนโยน
เมื่อเขาเห็นเธอทำท่าคล้ายจะร้องไห้ แต่ไม่รู้จะพูดปลอบอย่างไรดี จึงได้แต่เกาศีรษะตัวเองแก้เขิน ก่อนจะเหลือบมองไปที่แปลงกุหลาบสไตล์อังกฤษข้างรั้ว ซึ่งเขาเป็นคนดูแล
จู่ ๆ นายเชษก็เดินกลับไปยังสวนนั้นแล้วใช้กรรไกรตัดกิ่งที่เหน็บกระเป๋าคาดเอว เลือกตัดเอาดอกที่สวยที่สุด แล้วบรรจงส่งกุหลาบสีขาวดอกนั้นให้เธอด้วยท่าทีเขินอายเล็กน้อย
"เอ่อ...คือว่า ผมไม่เก่งเรื่องพูดเท่าไร...แต่คุณพลอยอย่าร้องไห้เลยนะครับ"
เสียงเขาดูไม่มั่นใจนัก แต่ก็จริงใจจนเธอประทับใจ
พลอยพรรณทอดมองกุหลาบเปื้อนดินในมือหยาบกร้าน ดอกไม้ที่ไม่หรูหราโอ่อ่าเหมือนช่อที่สามีเธอเคยซื้อให้เมื่อนานมาแล้ว มันมีรอยขูดขีดตามกลีบจากการอยู่กลางแดดกลางฝน แต่กลับสวยและซื่อตรงอย่างน่าประหลาด
เธอลังเลอยู่เล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยื่นมือบางไปรับมาช้า ๆ ริมฝีปากอวบอิ่มสั่นเบา ๆ ก่อนจะหลุบตาลงต่ำ เหมือนคนกำลังจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่
กุหลาบที่นายเชษยื่นให้ ไม่ได้ห่อหุ้มด้วยกระดาษราคาแพง ไม่มีแม้แต่ริบบิ้นประดับ
มีแต่เพียงความจริงใจและสายตาของเขา...ที่มองเธอเหมือน ผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ใช่เครื่องประดับราคาแพง
และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง
หัวใจของพลอยพรรณก็รู้สึกเหมือน มีตัวตน อีกครั้ง...
.
.
.