นายเชษจับจ้องมองใบหน้างดงามของเจ้านายสาวอย่างพิจารณา ถึงเขาจะซื่อ แต่ก็พอดูออกว่าหญิงสาวตรงหน้าคนนี้ คงจะเพิ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
เขายืนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนก้าวเท้าเข้าใกล้พลอยพรรณอย่างช้า ๆ แววตาดำขลับของเขาจับจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเธอ ราวกับกำลังค้นหาความเจ็บปวดที่เธอเก็บซ่อนอยู่
"นายท่าน...ทำอะไรให้คุณนายเสียใจหรือเปล่าครับ"
เสียงเขาเบาและจริงใจจนพลอยพรรณสั่นไหว
เธอเม้มปากแน่น ไม่ได้ตอบ แต่ดวงตาที่คลอด้วยน้ำตานั้น บอกเล่าทุกอย่างแทนถ้อยคำได้ดีเกินพอ
เชษยกมือหยาบกร้านของเขาขึ้นอย่างระมัดระวัง ใช้หลังมือแตะเบา ๆ ที่แก้มเนียนใสของหญิงสาว สัมผัสแผ่วเบา ราวกับสายลมฤดูร้อน แต่กลับทำให้ผิวกายของเธอสั่นสะท้าน
"ร้องไห้มาเหรอครับ..." เสียงห้าวทุ้มถามเบา ๆ แต่สายตาเต็มไปด้วยความห่วงใยที่ไม่ปกปิด
พลอยพรรณแค่นยิ้ม เธอไม่รู้จะตอบเขาอย่างไร หรือไม่ ก็ไม่กล้าตอบ ได้แต่เงยหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่มเพียงเล็กน้อย
และในเสี้ยววินาทีนั้น ความเงียบระหว่างทั้งคู่ก็หนาแน่นจนเหมือนว่าโลกทั้งใบหยุดหมุนไปกะทันหัน
ไม่มีใครพูดอะไร ไม่มีใครขยับตัว มีเพียงลมหายใจที่แรงขึ้นเล็กน้อย และแรงดึงดูดบางอย่าง ทำให้ใบหน้าของทั้งคู่ขยับเข้าหากันช้า ๆ อย่างไม่รู้ตัว
ในตอนแรก ริมฝีปากของทั้งสองสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา เป็นจูบที่เริ่มต้นด้วยความลังเล แต่เมื่อสัมผัสร้อนผ่าวแล่นปราดไปทั่วร่าง มันก็พลันกลายเป็นจูบดูดดื่ม เต็มไปด้วยความโหยหา และเร่าร้อนจากภายในกาย
พลอยพรรณปล่อยให้นายเชษสอดแทรกลิ้นร้อนหนาเข้ามาในโพรงปากได้อย่างง่ายดาย ทั้งใช้ลิ้นบางกระหวัดรัดเกี่ยวดูดดึงเขากลับไปอย่างร้อนแรง คล้ายเป็นการบ่งบอกว่าเธอห่างจากรสรักกับสามีมาเนิ่นนานแค่ไหน
มือหนาของเชษไล้ไปตามแผ่นหลังเล็กของพลอยพรรณ ค่อย ๆ ลูบอย่างระมัดระวัง แต่แฝงด้วยแรงอารมณ์ที่กำลังปะทุ ในขณะที่มือเรียวบางของเธอก็ลูบไล้ไปตามต้นแขนซึ่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นตึงของเขาอย่างไร้การควบคุมตัวเอง
ความร้อนแรงแผ่กระจายไปทั่วร่าง เมื่อมือของเชษเลื่อนไปถึงจุดอ่อนไหวอย่างยอดอก เธอก็ตัวสั่นสะท้านราวกับลูกนก
"อือ...อื้มมม..."
เสียงครวญครางในคอของพลอยพรรณ ทำให้นายเชษยิ่งนวดเฟ้นเต้านมอวบหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น จนร่างบอบบางเริ่มบิดเร่าด้วยความกระสันเสียวที่พลุ้งพล่านขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
แต่แล้ว... เสียงตะโกนก็ดังแว่วมาจากในตัวบ้าน
"ไอ้เชษ! อยู่ไหน เมื่อไรจะมาวะ!"
ทั้งสองสะดุ้งสุดตัว รีบผละออกจากกันทันที
พลอยพรรณหน้าแดงซ่าน ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความตกใจและเขินอาย รีบยกมือบางขึ้นจัดเสื้อผ้าของตัวเองอย่างลนลาน หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอก
เธอพยายามตั้งสติอย่างรวดเร็ว แล้วพูดเสียงสั่น ๆ
"คือฉัน... พี่วิชัยให้ฉันมาบอก ให้นายเชษไปถอนกุหลาบหน้าบ้านออก... แล้วก็ปลูกดอกทานตะวันแทนน่ะ"
เสียงเธอเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน
เชษยืนนิ่ง สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาหอบหายใจเบา ๆ พลางยกมือหนาขึ้นกุมส่วนกลางกาย ก่อนจะพยักหน้ารับช้า ๆ ดวงตายังจับจ้องใบหน้าแดงระเรื่อของเธอไม่วางตา
"ครับ...เดี๋ยวผมจะจัดการให้"
เสียงทุ้มต่ำตอบกลับ แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างสะเทือนอยู่ในอก มันทำให้พลอยพรรณไม่กล้ามองเขานานไปกว่านั้น
ถ้าเธอยังอยู่ที่นี่ต้อง มันต้องเกิดอะไรขึ้นมากกว่านี้แน่...
สุดท้ายคุณนายสาวก็รีบหมุนตัวเดินออกไปจากห้องด้วยท่าทีลนลาน ปล่อยให้นายเชษมองตามแผ่นหลังบาง ด้วยหัวใจที่ยังเต้นแรงไม่แพ้กัน
และในหัวใจของทั้งสอง...ต่างก็รู้ดีว่า
เส้นบาง ๆ ที่เคยกั้นกลางระหว่าง คุณนาย กับ คนสวน ได้ถูกทำลายลงแล้ว ไม่ว่าใครจะยอมรับมันหรือไม่ก็ตาม
ในคืนนั้น... แม้พลอยพรรณจะอยู่บนเตียงนุ่มในห้องนอนหรูหรา ม่านแพรบางพลิ้วไหวรับสายลมแผ่วเบาและแอร์เย็นฉ่ำที่เปิดทั้งคืน แต่เธอกลับรู้สึกอึดอัดเหมือนขาดอากาศหายใจ
ร่างบางนอนพลิกไปมาอยู่หลายครั้ง ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าในคืนนี้ วิชัย สามีของเธอไม่ได้ออกจากบ้านไปหาใคร
เธอกำลังคิดถึงริมฝีปากหยาบกระด้างของเชษ มือกร้านสมชาย ที่สัมผัสและลูบไล้ผ่านผิวกายเธอแผ่วเบา ดวงตาคู่คม ทั้งอ่อนโยนและดุดันที่จ้องมองเธอเหมือนจะกลืนกิน...
ทุกอย่างวนเวียนอยู่ในหัวไม่จางหาย
พอนึกถึงภาพเหล่านั้นแล้ว หัวใจก็เต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ร่างกายก็ร้อนวูบวาบ ราวกับไฟกำลังลามเลียจากภายใน
กระทั่งเข็มนาฬิกาบอกเวลาล่วงเลยไปจนถึงเกือบตีหนึ่ง ในที่สุดพลอยพรรณก็ตัดสินใจขยับตัวออกจากเตียงกว้าง
เธอลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบ หยิบเสื้อคลุมเนื้อบางตัวหนึ่งสวมทับชุดนอนผ้าลื่น แล้วแง้มบานประตูห้องออกมา
ระวังไม่ให้มีเสียงดังลอดไปถึงใครในบ้าน
ปลายเท้านุ่มก้าวไปบนพื้นบ้านเบา ๆ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความเร่งรีบ เธอเดินผ่านห้องโถงและทะลุออกไปหลังคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว ราวกับหัวใจเรียกร้องมาเนิ่นนาน
แสงจันทร์สาดลงมากระทบกับสวนหย่อมที่ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยกุหลาบที่เธอชื่นชอบ แต่น่าใจหายที่ตอนนี้บางส่วนเริ่มถูกถอนรากถอนโคนออกไปแล้ว
แต่เธอไม่มีเวลาคิดถึงมันอีกต่อไป...
พลอยพรรณก้าวเดินเข้าไปยังห้องพักคนงานเล็ก ๆ ที่ซึ่งหลอดไฟเก่าข้างในยังคงเปิดอยู่ ให้แสงสลัวซีดจางแต่ก็อบอุ่น
ยิ่งเข้าไปใกล้ หัวใจของเธอก็ยิ่งเต้นแรงเหมือนจะทะลุอก ทั้งกลัว ทั้งลังเล แต่ก็ตื่นเต้นอย่างน่าประหลาด
เมื่อมาถึงที่หมายที่ใจต้องการ มือเรียวบางก็พลันยกขึ้นเคาะประตูเบา ๆ สองสามครั้ง
แค่ไม่กี่วินาทีต่อมา ประตูก็เปิดออก
และคนตรงหน้าเธอ คือเชษ คนสวนหนุ่มที่อยู่ในความคิดของเธอมากว่าครึ่งค่อนคืน เขาสวมเพียงกางเกงเลเก่า ๆ ไร้เสื้อ เผยกล้ามเนื้อแน่นตึงกับเหงื่อชื้น ๆ บนผิวกาย
ดวงตาคมเข้มปรือเล็กน้อยดูเหมือนจะเพิ่งลุกจากที่นอน แต่ทันทีที่มองเห็นว่าเป็นเธอ เขาก็เบิกตากว้าง
"คุณพลอย...?"
เสียงแหบสั่นพร่าด้วยความงุนงงระคนตกใจ แต่ก็แฝงไปด้วยความดีใจและตื่นเต้นที่แทบปิดไม่มิด
พลอยพรรณยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง หายใจขาดห้วง ริมฝีปากชมพูซีดเม้มเข้าหากัน ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา คล้ายกระซิบ
"ฉัน...นอนไม่หลับ"
เธอเอ่ยแค่เพียงเท่านั้น สายตาของเชษก็พลันเปลี่ยนไป แววตาที่ยังงุนงงเมื่อครู่ กำลังถูกแทนที่ด้วยอะไรบางอย่าง
มันเป็นความกระหาย ความยินดี ความดิบ เถื่อน ซุกซ่อน และร้อนแรงจนทำให้หัวใจของพลอยพรรณสั่นระริก
ทั้งสองยืนจ้องหน้ากันอยู่ในความเงียบสงัด
บรรยากาศระหว่างพวกเขาเหมือนจะหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานเป็นจังหวะเดียวกันโดยไม่รู้ตัว
มือหยาบกร้านของเชษค่อย ๆ ยื่นออกมาแตะที่ข้อมือบางของพลอยพรรณเบา ๆ เหมือนเป็นการเชื้อเชิญโดยไม่พูดคำใด
และเธอก็ก้าวเข้าไปโดยไม่ได้ปฏิเสธ...
.
.
.