ช่วงนี้อินดี้มันมีพฤติกรรมแปลกไป แปลกที่ว่าหมายถึง เวลาฉันจะไปทำธุระที่ไหน อินดี้จะไปด้วย ชอบบอกว่าว่าง อยากไป และเวลาที่อินดี้จะไปไหนก็ชอบลากฉันไปด้วย ชอบเอาคำว่า ‘เดี๋ยวจ้าง’ มาใช้ตลอด หิ้วฉันไปด้วยแม้กระทั่งเวลาไปมีอะไรกับผู้หญิง
คือมันให้ฉันไปนั่งรอข้างนอก ฉันที่ขาดเงินไม่อยากรบกวนพี่ชายมากนักก็รีบคว้าไว้
เจ็บใจก็ตรงที่ เงินซื้อฉันได้
“กูว่าแบบนี้แม่งไม่ใช่ละ” อินดี้นั่งอยู่ขอบเตียง กำลังนั่งมองฉันแต่งหน้าเพื่อออกไปข้างนอก เมื่อก่อนไม่ค่อยแต่งตัวไม่แต่งหน้า
ทว่าตั้งแต่ที่อินดี้ชอบลากฉันไปเจอผู้หญิงของเขา ฉันก็หันกลับมามองตัวเอง สารรูปของฉันแม่ง สู้ผู้หญิงของอินดี้ไม่ได้สักคน แล้วแบบนี้มีเหรอที่อินดี้มันจะหันมองฉัน
อย่างน้อย ๆ ตอนที่ผู้หญิงเหล่านั้นมองมาก็ต้องมองด้วยความรู้สึกอื่น ที่ไม่ใช่ความรู้สึกว่า อีนี่ขี้เหร่จัง เป็นเพื่อนอินดี้ได้ไง
“อะไรไม่ใช่”
“ที่มึงทำอยู่ตอนนี้ไง” น้ำเสียงอินดี้ดูหงุดหงิด
“กูแต่งตัว ทำไมจะไม่ใช่”
“จำเป็นที่มึงต้องแต่งตัวสวยขนาดนี้เลยเหรอ”
“มึงกำลังชมว่ากูสวยเหรออิน” เออ อย่างน้อยวันนี้มันก็ชมฉันสวย
“ก็แค่แปลกไป นี่มึงนัดใครไว้”
“ไอ้ญ่าไง นัดกันไปกินเหล้า มันมีเรื่องอยากระบาย” ฉันต่างหากที่อยากระบาย ฉันต่างหากที่อึดอัดจนหายใจไม่ออก อินดี้กับฉันตัวติดกันเกินไป อารมณ์เหมือนเป็นแฟนกัน แต่แม่งไม่ใช่แบบนั้น มันให้ฉันไปเจอผู้หญิงกับมัน ไปรอมันเอากับคนอื่น
เวลาที่ถูกคนแซวมันก็จะพูดทำนองว่า กูไม่ได้ชอบมัน มันไม่ใช่สเปกกู อย่างกูไม่มีทางจะเอาคนอย่างไอ้มิว
ทุกคำที่อินดี้มันตอบเพื่อนหรือคนที่แซว คำพูดเหล่านั้นบาดลึกภายในใจฉัน เชือดเฉือนทีละนิด ฉันเหมือนคนจะตายทุกครั้งที่ได้ยิน
วันนี้เริ่มทนไม่ไหวจึงนัดดื่มกับธัญญ่าสองคน ธัญญ่าเป็นคนเดียวที่ฉันแชร์ความรู้สึกหลาย ๆ อย่างได้และหนึ่งในนั้นคือเรื่องที่ฉัน แอบรักอินดี้
“กูไปด้วย”
“มันอยากคุยแค่กับกู” คนจะไปปรับทุกข์ จะตามไปด้วยได้ไง
“ตอแหลปะ” อื้อหือ ดูมันพูดเถอะ
“อะไรมึงเนี่ย ใช่คำที่จะพูดกับผู้หญิงเหรอ”
“กูถามนิดเดียว มึงเดือดร้อนทำไม”
“มึงด่ากูตอแหลนะอิน จะไม่ให้กูโมโหหน่อยเหรอ”
“กูด่าอะไร กูถามต่างหาก ตอแหลปะ คือคำถาม ตอแหลไหม ตอแหลหรือเปล่า”
“แล้วมันต่างกันตรงไหน”
“ตรงที่กูถาม กูไม่ได้ด่า ถ้ามึงไม่ได้ตอแหลจะต้องเดือดร้อนอะไร”
“เฮ้อ ช่วงนี้มึงเป็นอะไรนักอิน เงินมึงล้นมือเหรอถึงได้เอามาให้กูอยู่เรื่อย”
“ก็มึงขาดเงินไม่ใช่หรือไง”
“กูขาดเงิน แต่มึงก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้”
“เอาเงินที่กูดีกว่ามึงไปแก้ผ้าโชว์คนปะ หรือมึงชอบโชว์ ถ้าชอบมากไม่โชว์กูอะ”
“อิน นี่ยังไม่จบกับเรื่องนั้นอีกเหรอ ผ่านมาสามเดือนแล้วไหม”
“จะผ่านไปนานแค่ไหน รูปที่ถูกโพสต์ลงโซเชียลก็ยังอยู่และค้นเมื่อไหร่ก็เจอ มันลบล้างไม่ได้ ก่อนจะทำทำไมไม่คิดดี ๆ”
“เออ มันก็เรื่องของกูปะ มึงจะอะไรนักอะ”
“กูไม่ได้จะอะไรนัก กูแค่ไม่เข้าใจว่า ทำไมมึงต้องห้ามไม่ให้กูไปด้วย”
“มึงจะไปด้วยทำไม”
“กูเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้เหรอวะ มึงยิ่งโง่ ๆ อยู่เกิดถูกฉุดขึ้นมาทำไง”
“กูไม่ได้โง่ขนาดนั้น”
“มึงโง่มิว มึงโคตรโง่เลย ไม่งั้นมึงจะทำเรื่องโง่ ๆ ได้ไง”
“อินดี้”
“ทำไม กูพูดอะไรผิด กูแค่เป็นห่วงมึง กูแค่ห่วงใย มึงไหมที่กำลังแปลกไป ไม่งั้นจะอยากขวางกูทำไม ไปด้วยกันก็สิ้นเรื่อง”
“รู้ตัวปะว่าตอนนี้มึงโคตรแปลกอะ ทำเหมือนหวงกูอยู่ได้ มึงคิดอะไรกับกูหรือเปล่าอิน”
“กูไม่ได้คิดอะไรกับมึง กูแค่เป็นห่วง เพื่อนเป็นห่วงกันมันผิดเหรอมิว กูแค่ไม่อยากให้มึงเดินทางผิด ไม่อยากให้คนมองมึงด้วยสายตาแปลก ๆ กูหวังดี มึงคิดเหี้ยไร”
“กูไม่ได้คิดอะไร”
“เออ ก็มึงแม่งไม่เคยคิดอะไรที่ฉลาด ๆ เลยไง ไม่เคยหวงเนื้อหวงตัว”
“ก็ถ้ามึงจะหวงกูขนาดนี้ ไม่เอากันเลยอะ เผื่อเอากันแล้วมึงจะได้เลิกเป็นแบบนี้” นี่ฉันกำลังพูดบ้าอะไรอยู่ นึกบ้าอะไรถึงได้พูดเรื่องนี้ออกมา
“...พูดเหี้ยอะไรของมึง รู้ตัวไหมว่าพูดอะไรอยู่” น้ำเสียงของอินดี้เรียบเฉย ฉันอยากเห็นท่าทางของเขาหลังจากได้ฟังประโยคที่ไม่เข้าท่า
เมื่อหันมองหน้าจึงเห็นว่า สีหน้าราบเรียบ
“กูกำลังบอกว่า ถ้าหวงขนาดนี้ไม่เอากันเลยอะ เราเอากันไหมอินดี้” แล้วฉันก็พูดอีกครั้ง กำลังลุ้นคำตอบของอินดี้
ถ้ามันปฏิเสธก็แปลว่า มันไม่ได้ชอบฉัน
แต่ถ้ามันตอบตกลง นั่นแปลว่า ฉันก็ไม่ต่างจากผู้หญิงที่อินมันมีอะไรด้วย เป็นแค่เพียงของเล่นแก้เหงา เป็นเพียงสิ่งของที่ช่วยระบายอารมณ์
“มึงพูดจริงพูดเล่น”
“เรื่องแบบนี้พูดเล่นได้เหรอ”
“...”
“ว่าไง เอาปะ” ฉันจ้องอินดี้ด้วยสายตาจริงจัง หัวใจกำลังเต้นแรง อยากรู้คำตอบ
อินดี้ลุกจากเตียงนอน ก้าวเท้ามาหาฉันที่นั่งอยู่โต๊ะเครื่องแป้ง เขาเดินมาหยุดอยู่ด้านหลัง โน้มตัวลงมา ใบหน้าเขาเสมอใบหูฉัน เราสบตากันผ่านกระจก มุมปากอินดี้ยกยิ้ม
“...เอาดิ” เสียงทุ้มเอ่ยเบา ๆ ใจฉันกระตุกวูบ
ฉันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับผู้หญิงทั่วไปสินะ
แล้วนี่จะมาน้อยใจอะไรไม่ทราบ เป็นคนพูดขึ้นมาก่อนเองแท้ ๆ เสียใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วไหม
“เอาไง เปลี่ยนใจปะ” คำถามของอินดี้เรียกสติฉันกลับคืนมา เมื่อสบตาเขาอีกครั้งผ่านกระจกฉันก็เห็นสีหน้าเยาะเย้ย
หากฉันบอกว่า ไม่ทำแล้ว อินดี้มันต้องดูถูกฉันแน่ ๆ
เป็นคนเริ่มก่อนเอง จะถอดใจกลางทางแบบนี้ไม่ได้
แล้วถ้ามีอะไรกันจริง ๆ ฉันก็ได้ใกล้อินดี้เพิ่มเข้าไปอีกก้าว บางทีความใกล้ชิดที่มากกว่าเดิมอาจจะทำให้ฉันมีความหวังเพิ่มขึ้นก็ได้ หรือถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็เป็นเพื่อนนอนชั่วคราว เป็นคู่นอน หรืออะไรก็แล้วแต่
เอาเป็นว่าโอกาสครั้งนี้ฉันจะคว้าไว้
“มึงต่างหากกล้าหรือเปล่าอิน”
“คนอย่างอินดี้มีอะไรไม่กล้าบ้าง”
“ก็มึงพูดอยู่ตลอดว่า ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคนอย่างกู”
“คนจะเอากันไม่จำเป็น ต้องรู้สึกหรอกนะมิว แค่เ****นก็เอากันได้ละ”
“อ้อ เหรอ งั้นตอนนี้มึงรออะไรอยู่ล่ะ”
“รอถามมึงไงว่ามึงไม่เปลี่ยนใจใช่ไหม อย่ามาเสียใจทีหลังนะ”
“ทำไมกูต้องเสียใจด้วย”
“เดี๋ยวมึงจะหาว่ากูบังคับมึงไง”
“เรารู้กันอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร”
“งั้นกูไม่เกรงใจแล้วนะ”
“อือ”
“ขอจูบหน่อยดิ”
“ต้องจูบด้วยเหรอ” นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันจะถูกจูบจากผู้ชายที่แอบรัก ฉันเคยมองริมฝีปากอินดี้แล้วจินตนาการนับครั้งไม่ถ้วน
“คนจะเอากัน ส่วนใหญ่ก็เริ่มด้วยการจูบทั้งนั้น”
“...กับคนอื่นมึงก็ทำงี้เหรอ”
“มีเราสองคนจะพูดถึงคนอื่นทำไม ถ้ามึงกลัวก็หลับตาแล้วทำตามที่กูบอก เดี๋ยวกูพาทำเอง”
“อื้อ เอาดิ” หลับตาตามที่อินดี้แนะนำ
ตอนนี้ฉันโคตรจะประหม่าเลย
นี่เราสองคนมาถึงจุดนี้กันได้ยังไง
“เปลี่ยนมาทำที่เตียงถนัดกว่าเยอะมิว” เสียงอินดี้ดังข้างใบหูพร้อมกับตัวฉันถูกอุ้มขึ้น ลืมตามองจึงได้เห็นว่า ใบหน้าเราใกล้กันมาก มากชนิดที่ไม่เคยใกล้กันขนาดนี้มาก่อน
ไม่กี่ก้าวอินดี้ก็วางฉันลงที่เตียงนอน อินดี้ขึ้นคาบคร่อม ดวงตาคมเข้มกำลังจ้องมองฉัน
“หัวใจเต้นแรงขนาดนี้ ตื่นเต้นเหรอ”
“อือ” ตื่นเต้น ฉันตื่นเต้นมาก กลัวมาก แล้วก็อยากลองของด้วย หลากหลายอารมณ์รวมอยู่กับฉันในตอนนี้
“ไม่ต้องตื่นเต้น เพิ่งเริ่มเอง”
“อือ” ฉันพยักหน้ารับ นิ้วชี้เรียวยาวยื่นมาแตะเบา ๆ ที่ริมฝีปาก สายตาอินดี้จับจ้องริมฝีปาก
ใบหน้าเขาโน้มลงมาเรื่อย ๆ เพียงไม่นานริมฝีปากของเราก็ประกบกัน อินดี้ค่อย ๆ สอดใบลิ้นเข้ามาในโพรงปากฉัน ฉันเผยอรับอย่างเชื่องช้า หัวใจเต้นรัวถี่ ๆ
คล้ายว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์ตรงนี้ไปฉันจะก้าวข้ามเส้นบาง ๆ ที่กั้นความสัมพันธ์ของเราไว้
ในหัวฉันตั้งคำถาม แล้วหลังเหตุการณ์นี้เราสองคนจะเป็นยังไง จะยังเป็นเพื่อนไหม ระหว่างเราจะเรียกว่าอะไร
และถึงอย่างนั้นก็ยังอยากลองอยู่ดี