มือเรียวเล็กผลักประตูเข้าไปในบ้านพักคนงานที่แม่เธอเคยอยู่ มันเป็นเพียงบ้านชั้นเดียวหลังเล็ก ๆ มีสองห้องนอน เมื่อกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เหลือเพียงแค่ร่องรอยความอบอุ่นของแม่เท่านั้น
เสื้อผ้าทุกตัวของเธอแม่พับเก็บให้เรียบร้อยอยู่ในตู้ รูปถ่ายของเธอทุกใบแม่เก็บไว้ในอัลบั้มรูปอย่างดี ข้าง ๆ กันมีรูปของเธอและแม่ที่ถ่ายเอาไว้ตอนขึ้นแสดงงานวันเด็กครั้งแรก นั่นคงเป็นรอยยิ้มที่แม่และเธอมีความสุขมากที่สุด
ปิ่นมุกได้แต่หยิบรูปมาดูและล้มตัวลงนอนกอดคนที่ไม่มีวันหวนกลับมาอีก วันนี้เธอได้แต่นึกเสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำ ถ้าหากเธอไม่เจอคุณเขื่อนในวันนั้น จนเผลอรักเขาข้างเดียวอย่างเต็มหัวใจ เรื่องราวทั้งหมดก็คงไม่เลยเถิดมาจนถึงวันนี้ ทั้งหมดเธอคือต้นเหตุ เธอคือคนที่ผิด
เรื่องมันเริ่มมาจาก...หนึ่งปีกว่าที่แล้ว
ท่าเรือประจำเกาะมันตรา
ปิ่นมุกในวัยสิบเจ็ดปีกำลังเรียนมัธยมปลายชั้นปีที่หก วันนั้นเธอลงจากเรือข้ามฟากประจำเกาะแล้วก็เร่งรีบวิ่งขึ้นรถโดยสารในตอนเช้าเหมือนทุก ๆ วัน กระเป๋านักเรียนใบใหญ่แกว่งไปมา และหนังสือบางเล่มหลุดร่วงลงพื้นโดยไม่รู้ตัว
“น้องครับ หนังสือหล่น”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลัง ดวงตากลมโตหันไปมองและเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับครึ่งแขนคู่กับกางเกงสแล็กสีเทาดูสะอาดตา ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มบาง ๆ ทำให้ปิ่นมุกเผลอมองหยุดนิ่ง มือของเขากำลังหยิบหนังสือของเธอขึ้นมาให้ ในมืออีกข้างมีโทรศัพท์ที่กำลังง่วนกับการโทรหาใครสักคน
“เอ่อ ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวในชุดนักเรียนพูดตะกุกตะกักยื่นมือไปรับหนังสือมาอย่างประหม่า
“รถมาแล้วรีบขึ้นรถเถอะ” แม้ประโยคที่พูดออกมาจะไม่กี่คำ แต่เธอกลับจำน้ำเสียงนั้นได้ไม่เคยลืม
ปิ่นมุกพยักหน้าหงึก ๆ แล้วรีบก้าวขึ้นรถโดยมีเขาก้าวขึ้นตามมา บนรถสองแถวเก่า ๆ มีผู้โดยสารเพียงไม่กี่คน เขาหย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามพร้อมทั้งคุยโทรศัพท์ไปด้วย
"รถเสียจอดอยู่ในลานจอดท่าเรือมันตรา แค่หารถเช่าดี ๆ สักคัน งานง่าย ๆ แทบไม่ต้องใช้สมองยังทำกันไม่ได้"
ตลอดการเดินทางปิ่นมุกนั่งตัวแข็งทื่อ เธอพยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองชายหนุ่มตรงข้าม ครั้งแล้วครั้งเล่า น้ำเสียงเวลาที่เขาพูดกับปลายสายฟังดูน่ากลัวกว่าตอนที่พูดกับเธอ อาจจะเพราะความหงุดหงิดเรื่องรถ
ดูท่าทางเขาก็ไม่ใช่คนแถวนี้ ขณะที่คุยโทรศัพท์สายตาของเขาก็สอดส่ายมองหาสถานที่ตามที่ปลายสายบอก
"รถเช่าคันใหม่จะมากี่โมง ผมนั่งรถโดยสารเข้าเมืองมาแล้ว วันนี้ช่วงเย็นผมมีนัดสำคัญ ถ้าผมตกเครื่องผมเอาเรื่องพวกคุณแน่"
(...)
"หน้าโรงแรมสีครามใช่ไหม"
พลันสายตาของเขาก็มองเห็นป้ายโรงแรมที่นัดกับปลายสายพอดี ปิ่นมุกไม่ได้เสียมารยาทแอบฟังแต่เขาคุยเสียงดังพอสมควร เธอจึงอาสาลุกขึ้นไปกดกริ่งให้
เจ้าของร่างสูงหันมายิ้มให้เธอเล็กน้อยก่อนจะเดินลงจากรถไปทั้งที่ยังคุยโทรศัพท์อยู่ แล้วเดินอ้อมไปหน้ารถเพื่อจ่ายค่าโดยสาร
"สองคนครับ น้องคนนั้นด้วยที่ใส่ชุดนักเรียน"
เขาชี้มาที่เธอแล้วก็รับเงินทอนมายัดใส่กระเป๋าเดินออกไปโดยไม่ได้สนใจเธออีกเลย การนั่งอยู่ใกล้ ๆ เขาทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ ผิวหน้ารู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด ความรู้สึกแปลกประหลาดพวกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันคือความสุขหรือเปล่านะ เพราะมันทำให้เธอยิ้มได้
ทั้งน้ำเสียงทั้งใบหน้าของเขาปิ่นมุกจำได้ทั้งหมด แม้กระทั่งกลิ่นตัวหอม ๆ ผสมเหงื่อในตอนนั้น เขาไม่ได้หันมามองเธอสักนิด แต่กลับกลายเป็นเธอเองที่มองเขาจนสุดสายตา
ผ่านมาแล้วหลายเดือนจนกระทั่งได้พบเขาอีกครั้งที่รีสอร์ตของคุณธีร์ จึงได้รู้ว่าพี่คนนั้นชื่อเขื่อนเป็นหลานชายของคุณธีร์เพิ่งจบกลับมาเมืองนอกและทำธุรกิจอยู่กรุงเทพ
"เขาคือรักแรกของเธอ"
และแล้ววันที่เป็นจุดพลิกผันของทุกอย่างก็มาถึง เมื่อปิ่นมุกได้เจอกับคนที่ไม่ควรจะเจอ
"นิรณา" แฟนสาวของผู้ชายที่เธอตกหลุมรักจนหมดหัวใจ