เสียงนาฬิกาเดินตามเวลาของมันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเวลาเที่ยงคืน ร่างฟุบตัวหลับอยู่บนโต๊ะด้วยความเหนื่อยอ่อนอย่างหมดพลังงาน สีหน้าซีดเซียวจากการหักโหมทำงาน แต่สุดท้ายทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ฝีเท้าหนักแน่นเดินดุ่มๆ อยู่ในบ้านไล่เก็บข้าวของที่ไม่ได้ใช้ทิ้งลงถังขยะพร้อมกับมืออีกข้างที่ถือผ้าห่มผืนเล็กๆ เดินตรงมายังห้องทำงานที่ยังคงเปิดไฟสว่างจ้า
สีหน้านิ่งเรียบจ้องมองร่างนอนหลับพักผ่อนที่โต๊ะก่อนเดินตรงไปหา ในมือค่อยๆ วางผ้าห่มคลุมร่างเล็กที่นั่งหลับเพื่อทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอบอุ่นขึ้น
“?” เขาทำหน้าฉงนจ้องมองแผ่นกระดาษที่กำทิ้งลงถังขยะหลายชิ้น แต่สุดท้ายก็กลับมาจ้องกระดาษสเก็ตช์ภาพแผ่นหนึ่งที่แปะไว้บนกระดาน มือทาบลงบนภาพร่างชิ้นนั้นด้วยสีหน้าจดจ่อด้วยความสนใจ “คุณเก่งมากเลย...” ใบหน้าเผยยิ้มด้วยความภาคภูมิใจแทนอีกฝ่ายก่อนละสายตาหันกลับมามองคนที่กำลังหลับแล้วขยับตัวลงนั่งข้างๆ
เชนจ้องมองพาวินอย่างไม่ละสายตา ตาสีฟ้าประกายยังคงความงามไว้บนใบหน้าของเขาด้วยรอยยิ้มที่ไม่ค่อยแสดงให้ใครเห็นบนใบหน้ามากนัก มือหนาค่อยๆ ยกขึ้นมาเล็กน้อยทาบลงบนศีรษะของคนที่กำลังหลับปุ๋ยอย่างเอ็นดู ลูบอย่างแผ่วเบาแต่สุดท้ายมันกลับชะงักและผละออกอย่างน่าเสียดาย มือกำแน่นเดินลุกออกไปด้วยความสับสน ไม่มีใครรู้ รวมถึงตัวของเชนเองว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
[ความรู้เพิ่มขึ้น 46% มัน..แปลกๆ]
...
พาวิน
“นี่ ตอนสิบโมงไปกับฉันไหม?”
“ครับ?”
“ฉันจะออกไปซื้อผ้ามาตัดชุด แล้วก็พวกอย่างอื่นเพิ่มด้วย มันเยอะไม่มีคนช่วยถือ”
“แต่วันนี้พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตกนะครับ” อ่า.. จริงด้วย ผมหันมองหน้าต่างห้องออกไปข้างนอก มองบรรยากาศรอบๆ ที่กลิ่นชื้นของไอฝนเริ่มใกล้เข้ามา ให้ตายเถอะ วันดีๆ แบบนี้ฝนดันมาจะตกเนี่ยนะ แต่.. มันไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่หรอก เพราะวันนี้ผมไปขอยืมรถไอ้ลำธารมาพอดี ถึงมันจะไม่ได้ให้ใครยืมง่ายๆ แต่ผมก็ได้ยืมมันมาแบบง่ายดายเพียงแค่ตั๋วหนังสองใบให้มันไปดูหนังกับปลายน้ำสองคน แต่เรื่องชวนไปดูได้ไม่ได้นั้นอีกเรื่องหนึ่งล่ะนะ
“ฉันมีรถ จะกลัวอะไร ฉันไม่ตากฝนแล้วป่วยนอนเน่าอยู่บนเตียงอีกรอบหรอก”
“ผมจะไว้ใจคุณได้จริงๆ หรอครับ? ครั้งที่แล้วคุณบอกว่าจะนอนพักรอผมอยู่เฉยๆ แต่ยังออกมานอนอิงโซฟาดูทีวีหน้าตาเฉย”
“เฮ้? เดี๋ยวนี้นี่นายกล้ายอกย้อนฉันหรอ?”
“ไม่กล้าครับ แต่ผมพูดเพราะเป็นห่วงสุขภาพของคุณ ผมบอกแล้วว่าสุขภาพของคุณสำ..”
“หว๊ากก เออ เออ เออ รู้แล้วๆ” ผมรีบเอามือปิดปากเชนไว้แน่นก่อนเขาจะพูดเรื่องน่าอายออกมาแบบหน้าตาเฉย เจ้านี่.. ถ้าปล่อยให้ไปไหนมาไหนคนเดียวฉันต้องตายแน่ๆ
“โอเค ฉันจะไม่ทำอะไรให้นายเป็นห่วง โอเคไหม? เพราะงั้นก็ไปเตรียมตัวได้แล้ว เดี๋ยวฝนตกหนักขึ้นมาจะทำยังไง ฉันต้องรีบเอารถไปคืนเพื่อน” ผมกล่าวแล้วรีบเดินกลับไปยังห้องเพื่อหยิบเสื้อคลุมกุญแจรถกับกระเป๋าเงินออกมา อ่า “ลืมหยิบสมุดจดมาด้วย” เดินเข้าไปยังในห้องทำงานแล้วคว้าสมุดจดรายละเอียดเกี่ยวกับของที่ต้องใช้ เนื้อผ้าที่จำเป็นกับอุปกรณ์วัสดุอื่นๆ มาด้วย ถ้าขืนลืมเอาไปด้วย มีหวังผมต้องยืนงมหน้าชั้นขายแน่ๆ
“เชน เสร็จหรือยัง?”
“ครับ ผมไม่มีอะไรต้องเตรียมอยู่แล้ว”
“อ่ะ เออ ลืม งั้นไปกันเถอะ หยิบร่มไปด้วย เผื่อฝนตก” เราทั้งสองคนรีบขึ้นรถขับตรงดิ่งไปยังห้างที่อยู่ใกล้ที่สุด บรรยากาศรอบๆ มืดครึ้มอย่างเห็นได้ชัดเพราะหน้าฝนกำลังจะผ่านไป แต่ให้ตายเถอะ ทำไมวันนี้คนมันเยอะขนาดนี้วะเนี่ย? กวาดตามองไปรอบๆ ลานจอดรถแต่มันไร้วี่แววที่จอดว่างๆ ให้รถคันน้อยของผมจอดเข้าไปได้เลย
“อ๋า~ ทำไงดีวะเนี่ย” หันมองไปรอบๆ เผื่อมีรถขับออกไปจากที่จอดบ้าง “โอ๊ะ นั่น นั่น นั่น! เชน! ลงไป ลงไปจากรถเร็วๆ!”
“ค..ครับ? (. .) ?”
“นั่นน่ะ! ไปยืนตรงที่ว่างๆ ตรงนั้นหน่อย เห็นไหม? เร็วๆ เลย! เดี๋ยวมีคนแย่ง!”
“...ครับ” สีหน้าฉงนทำตัวไม่ถูก แต่เชนก็ยอมผลักประตูรถเดินออกไปยืนรอตรงที่จอดรถว่างๆ เอาล่ะ ทีนี้ก็แค่วนรถออกไปจอด ผมค่อยๆ ขับรถตีวงกลับออกไปเพื่อที่จะมายังพื้นที่ว่างที่ให้เชนยืนคอยเอาไว้ และแน่นอนว่าเมื่อผมวนรถกลับมา เขาก็ยังยืนแข็งทื่อเป็นหินอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน “โอ๊ว แต๊งกิ้ว! ทีนี้ก็ขยับเดินหลบฉันหน่อย ฉันจะได้เอารถเข้าไปจอด”
“ครับ” เชนเดินผละออกมาจากพื้นที่ว่างตรงนั้นก่อนผมจะขับรถเข้าไปจอดด้านในแล้วผละตัวลุกออกมาจากรถ “เก่งมาก ทำตัวเป็นประโยชน์นี่นา” ผมชูนิ้วโป้งให้เชนแล้วลูบผมเขาเป็นรางวัลเหมือนที่ทำกับเพื่อนตัวเองเวลาจะแกล้งมัน แต่มันกลับ..รู้สึกตรงกันข้าม
เชนยิ้มน้อยๆ ออกมาด้วยสีหน้าดูมีความสุข ไม่ต่างจากผมเองที่เผลอยิ้มตามแล้วรีบผละมือออกมา “อ่ะ เฮ้?” เชนคว้ามือผมไว้ในตอนที่กำลังจะผละมือนั่นออก “อย่าพึ่ง..เอาออกได้ไหมครับ”
“เอ๊ะ? จ..จะให้ลูบต่อหรอ?”
“ครับ” เชนเอ่ยเสียงเรียบนิ่งพลางก้มหัวลงต่ำอีกเล็กน้อย เชี่ยเอ้ย มาให้ลูบหัวอะไรตรงนี้เนี่ย... “อ่ะ..อ้า..โอเค” ผมค่อยๆ ลูบผมเขาช้าๆ ด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ เหงื่อตกลงมาเล็กน้อย จนรู้สึกว่าบรรยากาศมันเริ่มแปลกๆ “...เอ่อ.. เชน ฉันว่าลูบแค่นี้ก็พอแล้วมั้ง ฮ่า..ฮ่า..” ตอนนี้ผมทำสีหน้ากังวลสุดๆ หัวเราะเสียงแห้ง แต่ไม่รู้ว่าหน้าตาผมตอนนี้เป็นแบบไหน เพราะในลานจอดรถเริ่มมีคนหันมามองแล้วซุบซิบกันสนุกปากก่อนผมจะรีบชักมือออก
“อ่ะ... ._.” เขาทำหน้าหง๋อยเหมือนลูกหมากำลังน้อยใจใส่ผมหลังจากผมเอามือที่กำลังลูบหัวเขาจนเคลิ้มออก “ย..อย่าทำหน้าแบบนั้นได้ไหม คนมองกันเต็มไปหมด เขาได้เข้าใจผิดกันพอดี”
“แต่...”
“เออ.. อ้าๆ เดี๋ยวไปลูบให้ที่บ้านต่อก็ได้ แต่ตอนนี้ช่วยเลิกทำหน้าแบบนั้นสักทีเถอะ”
“ครับ” เชนยู่ปากเบาๆ สีหน้าของเขาปรับกลับมาเป็นหน้านิ่งแบบปกติ หุ่นยนต์นี่มันปรับอารมณ์ง่ายดีจริง “ป..ไปเถอะ ไม่อยากอยู่ตรงนี้นาน” ใช่ ไม่อยากอยู่ตรงนี้นานเลย เพราะมีแต่คนมองมาทางนี้กันหมดน่ะสิ เรารีบเดินตรงดิ่งหนีออกมาจากลานจอดรถเข้ามายังด้านในห้าง ที่อบอวลไปด้วยแอร์เย็นฉ่ำ อ้า~~ สวรรค์ของฉัน
“ว่าแต่ ที่นี่จะมีร้านขายผ้างั้นหรอครับ?”
“มีสิ จริงๆ มันเป็นร้านตัดชุดกับเช่าชุดแต่งงานล่ะนะแต่หลังร้านเขาก็มีผ้าขายเหมือนกัน แถมมีแต่ผ้าเนื้อดีๆ ด้วย ตามมาสิ” ผมเดินตรงดิ่งมายังทางเดินกว้างที่เต็มไปด้วยผู้คนหนาแน่น โอโห๊ วันนี้คนโคตรเยอะจริงๆ นะเนี่ย “นี่ เดินไปตรงนั้นก็เจอร้านขาย... หื้ม เชน?” แต่พอรู้ตัวอีกที เชนก็ไม่อยู่ด้วยแล้ว
“เชน? เชน! เชนนนน” ไอ้บ้าเอ้ย ไม่ถึงนาที หายไปไหนเนี่ย นี่ฉันเลี้ยงตัวอะไร เลี้ยงเด็กเล็กหรือไง? เขาหลงทางไปไหนเนี่ย? อ้า ผมควรจับตาดูเขาให้ดีกว่านี้ ทำไงดีเนี่ย ผมตัดสินใจเดินวนกลับไปที่ทางเข้า แต่ก็ไม่พบวี่แววของเชนเลย ตัวเขาออกจะสูง หรือควรไปถามเจ้าหน้าที่แถวๆ นี้ดู “โอ๊ะ พี่ครับ เอ่อ..เห็นผู้ชาย รูปร่างสูงๆ น่าจะร้อยแปดสิบกว่าๆ หน้าตาหล่อๆ ตาสีฟ้าผมสีดำๆ เงินๆ หน่อยอ่ะครับ”
“ตาสีฟ้าผมสีดำเงินๆ หรอ เหมือนจะเห็นเดินไปทางนั้นนะคะ”
“อ่ะ ขอบคุณครับ” ผมวิ่งไปตามทางที่เจ้าหน้าที่แถวนี้บอก แต่แถวนั้นคนก็แออัดหนักเข้าไปใหญ่ อ้า! คนเยอะขนาดนี้จะงมเจอได้ยังไง หรือต้องให้ไปประชาสัมพันธ์ประกาศหาคนหายดีเนี่ย?
“เชน? เชน อยู่ไหน!” เดินตามทางเดินกว้างขวางกวาดตามองไปรอบๆ แต่ก็ไร้วี่แววของเขา “ทำไงดี ต้องไปประชาสัมพันธ์จริงๆ ใช่ไหมเนี่ย... อ่ะ..นั่น” ขณะที่ผมกำลังถอดใจแล้วไปหาประชาสัมพันธ์ให้ประกาศตามหา ผมก็เห็นแผ่นหลังกว้างที่จำได้ดีกำลังนั่งยองๆ กับพื้นอยู่ไม่ไกลมากนัก
“เชน เฮ่ย! มานั่งอะไรตรงนี้ รู้ไหมว่าฉันตามหานาย..เอ๊ะ?” เชนเงยหน้ามองผมพร้อมกับตรงหน้าของเขาที่มีเด็กชายตัวน้อยกำลังยืนสะอื้น
“อ่ะ เฮ้ เอ่อ..ไอ้หนู หลงทางกับแม่หรอครับ” ผมขยับตัวนั่งจ้องมองเด็กชายที่ร้องไห้ไม่หยุด เขาทั้งสั่นแล้วก็เอาแต่ร้องไห้ พยักหน้าเบาๆ เป็นการตอบคำถามของผม “อ่า.. แล้วเราชื่ออะไรครับ”
“ท..ทาร์มฮับ ฮึก.. ฮือ....”
“โอเคครับ น้องทาร์ม จำได้ไหมครับ ว่าหนูเจอแม่ครั้งสุดท้ายตอนไหน?”
“ผม..ผ..ผมอยู่กับแม่ที่..ร้านไอติม..แล้วแม่ก็..หายไปแล้ว แงงง~~” อ้า.. งานหยาบของฉันอีกแล้ว ร้านไอติมในห้างไม่ใช่มีแค่ร้านเดียวด้วย “อืม.. งั้นเดี๋ยวพี่ช่วยตามหาแม่ให้นะ มากับพวกพี่มา” ผมค่อยๆ ใช้นิ้วไล่เช็ดน้ำตาที่ไหลพรากลงมาของเด็กน้อย ตอนนี้เขามีสีหน้าดีขึ้นมา เลยทำให้รู้สึกหายห่วงหน่อย
“แล้วนายล่ะ เจ้าตัวปัญหา”
“ผมได้ยินเสียงเด็กร้องเลยเดินตามมาจนเจอเขาเข้า แต่พอจะพาเขามาหาคุณ คุณก็หายไปแล้ว”
“ฉันบอกแล้วไงว่าให้ตามมาน่ะ นายนี่มัน... อ้า ช่างมันก่อนเถอะ ตอนนี้เราต้องพาน้องไปประชาสัมพันธ์ มันอยู่ไกลอ่ะ ระหว่างทางก็มองหาร้านไอติมตามทางไปด้วย เผื่อจะเจอแม่น้อง น้องเดินไม่ไหวแน่เพราะงั้นแล้วนะ...” ผมอุ้มตัวน้องทาร์มตัวลอยลิ่วขึ้นไปนั่งบนระหว่างคอของเชน
“เอ๊ะ? คุณ..พาวินครับ”
“จับตัวน้องไว้ดีๆ ล่ะ ระวังน้องกลิ้งตกลงมา”
“ครับ..”
“ส่วนฉันมีหน้าที่เดินนำทางนายก็พอ ฮิฮิ ป่ะ ไปกัน” เราทั้งคู่เดินฝ่าฝูงชนที่เดินกันให้ควักไปหมด มองไล่ตามร้านค้าต่างๆ เพื่อหาตัวแม่ของเด็กน้อยที่ต้องการความช่วยเหลือ แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ง่ายเลยสักนิด ผมหันกลับไปมองเชนที่เดินตามผมต้อยๆ จากด้านหลังด้วยความเชื่องช้า มือข้างหนึ่งพยุงร่างน้องไม่ให้หล่นตกลงไปจากตัว แต่ท่าทางการเดินของเขามันช้าจนน่าหงุดหงิด แล้วชาติไหนจะถึงเนี่ย
“มานี่เลย เดินให้มันเร็วๆ หน่อยสิ” ผมคว้ามือข้างหนึ่งของเขาที่ปล่อยว่างเอาไว้แล้วเดินจูงเขาออกไปจากกลุ่มผู้คนที่เดินไปมาในซอยนั่นจนหลุดพ้นออกมาได้ในที่สุด
“ให้ตายเถอะ หลุดมาได้สักที นึกว่าจะโดนอัดเป็นปลาหมึกแผ่นทรงเครื่องแล้ว ฮ่า ฮ่า อ้ะ! ตรงไปทางนั้นก็ถึงประชาสัมพันธ์แล้ว”
“ลูกโป่ง”
“เอ๊ะ? อะไรหรอ?” น้องทาร์มชี้ไปทางลูกโป่งที่ตรงกลุ่มผู้คนกำลังแจกให้เด็กๆ กันอยู่นั่นเอง “อยากได้หรอ?” เด็กน้อยแก้มแดงตาบวมพยักหน้าเบาๆ จ้องมองไปยังลูกโป่งตาไม่กะพริบ “โอเค พี่จะเข้าไปเอามาให้ แต่พวกนายต้องรอตรงนี้ ห้ามไปไหน ห้ามขยับยุกยิกไปไหนเด็ดขาดนะ!”
“ครับ/ฮับ._.” ฉันกลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย รีบไปเอาให้เสร็จๆ ดีกว่า ผมเดินเข้าไปยังกลุ่มผู้ปกครองที่กำลังรับลูกโป่งให้กับลูกๆ หรือหลานๆ ตัวเองจนกระทั่งในที่สุดผมก็ได้รับมันมาแล้วรีบเดินตรงกลับมาหาทั้งคู่ที่ยืนรออยู่ไม่หายไปไหน
“ทำอะไรน่ะ?” เชนยืนตัวแข็งเป็นหุ่น ส่วนไอ้หนูที่นั่งอยู่บนไหล่ของเชนก็นั่งแข็งตามไปด้วย “เฮ้? ฉันถามว่าเป็นอะไร?”
“คุณบอกว่าไม่ให้ขยับยุกยิกไปไหน”
“อุ๊ฟ ฮิฮิ ฮ่า ฮ่า เอาจริงดิ แล้วนายก็บ้ายอทำตามที่บอกอะนะ?”
“มันเป็นคำสั่งคุณพาวิน”
“ฮิฮิฮิ โอ๊ย ขำว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า โอ๊ย ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ ฉันหมายถึงให้ยืนรอตรงนี้ไม่ต้องไปไหน ฮ่า ฮ่า” ผมขำพลางเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ตอนนี้รู้สึกปวดท้องหนึบๆ แล้วกุมท้องตัวเองไว้แน่น “ฮ่า ฮ่า โอ๊ย จุกท้อง ฮ่า ฮ่านายทำยังกับ..เป็นน้องหมาในคลิปที่โดนล่ามไว้กับขวดน้ำไม่หนีไปไหนงั้นแหละ โอเค โอเค เฮ้อ... อ่ะนี่” ผมหายใจยาวเพื่อปรับอารมณ์ตัวเองพลางถือเชือกของลูกโป่งผูกที่ข้อมือเล็กของเด็กน้อยไม่ให้มันหลุดลอยออกไป
“เอาล่ะ ไปต่อกันเถอะ เดินตรงไปก็เจอแล้ว” พวกเราเดินตรงมาเรื่อยๆ จนถึงโซนประชาสัมพันธ์ ในตอนนั้นเองที่ทาร์มเริ่มขยับตัวอย่างดีใจแล้วตะโกนออกมา “แม่!!”
“อ้ะ ทาร์ม!!” เชนค่อยๆ ประคองตัวเขาลงมาจากไหล่ ฝีเท้าน้อยๆ วิ่งตรงหญิงสาวผู้เป็นแม่แล้วกอดไว้แน่น
“โถ่ หนู แม่เป็นห่วงหนูนะลูก ไปซนอยู่ที่ไหนมา อ่ะ ขอบคุณน้องๆ มากนะคะที่พาน้องมาส่ง”
“ม..ไม่เป็นไรครับ ต้องขอบคุณเขามากกว่า” ผมหันมองไปที่เชนแล้วยิ้มให้ “ถ้าไม่ได้เขาไว้ คงแย่แน่ๆ”
“ขอบคุณมากจริงๆ นะคะ”
“แม่ฮะ พี่เขาเอาลูกโป่งนี่ให้ผมด้วย”
“อ้า น่ารักจังเลย อ่ะ เอ้อ..อ่า..ถ..ถ้าอย่างนั้นขอตัวก่อนนะคะ ฮ่าฮ่า” คุณแม่มองมาทางเราแล้วยิ้มให้ด้วยท่าทางเขินก่อนกล่าวลา “น้องทาร์มบ๊ายบายพี่ๆ ยังคะ?”
“พี่จ๋า บ๊ายบายฮับ”
“โอเค บ๊ายบายค้าบ ไว้มาเล่นกันนะ อย่าไปเดินหลงที่ไหนด้วยนะครับ” พวกเราแยกทางกันในที่สุด ทำให้รู้สึกเบาใจไปเปลาะหนึ่งที่ไม่ได้ยุ่งยากอะไรมาก “เอาล่ะ เราก็ไปธุระเราดี เหวอ!” ผมชักมือออกด้วยความตกใจ เมื่อรู้ตัวว่าเผลอจับมือเชนเข้า ไอ้บ้าเอ้ย ตอนไหน เมื่อไหร่เนี่ย?
“ป..ไปซื้อผ้ากันดีกว่านะ”
“ครับ (. .) ”
...
[ความรู้เพิ่มขึ้น 54% อบอุ่นที่มือ]