บทเรียนที่ 3 เปลี่ยนแปลง (1)

2875 คำ
มันเป็นเรื่องบ้ามากในตอนนี้ ร่างนอนบนเตียงหอบหายใจด้วยอาการพิษไข้ที่มากะทันหัน ขณะที่ชายร่างสูงเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับข้าวต้มทำเอง พาวินหรี่ตาเล็กน้อยเหล่มองอีกฝ่ายด้วยท่าทางไม่ค่อยไว้ใจก่อนที่เชนจะวางข้าวต้มไว้ข้างๆ โต๊ะ พยุงร่างให้ลุกขึ้นนั่ง แล้วขยับตัวลงนั่งข้างๆ เตียง พร้อมถือถ้วยข้าวต้มที่ควันพวยพุ่ง ใช้ช้อนคนมันไปมาค่อยเป่าเบาๆ เขาหรี่ตาเล็กน้อยพลางตักข้าวต้มที่เริ่มอุ่นขึ้นมายื่นให้ “กินเองได้น่ะ” “คุณไม่สบายนะครับ เพราะฉะนั้นทำตัวนิ่งๆ แล้วทานดีๆ ครับ” “...ชิ” ริมฝีปากขบกันเบาๆ อย่างไม่สบอารมณ์ ค่อยๆ ขยับหน้าเข้าไปใกล้ช้อนแล้วเป่ามันอีกครั้งก่อนกินข้าวต้มที่อีกฝ่ายป้อนมาให้ “อุ๊.. อร่อยนี่นา” สีหน้าเปลี่ยนรวดเร็วเมื่อรับรสชาติหอมๆ ของข้าวกับกลิ่นของผักเล็กน้อยที่คนให้เข้ากัน ปากเคี้ยวหมุบหมับอย่างเพลินปากดูท่าทางอิ่มเอมไม่น้อย “เป็นเกียรติมากที่คุณชอบมัน ผมใช้สูตรวิธีการทำมาจากข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดมาลองทำดูครับ เห็นว่าคุณชอบรสเผ็ดจัดผมเลยเน้นส่วนผสมของพริกเป็นพิเศษ โดยวัดจากมาตรฐานที่มนุษย์จะทานพริกได้เผ็ดปริมาณไหน และปริมาณที่คุณสมควรจะทานได้ในแต่ละวัน” “นายอยากจะฉลาดก็ฉลาดได้นี่? บางทีฉันไม่ต้องสอนนาย นายก็น่าจะรู้เอง” ปากพูดลอยไปมา แต่แล้วก็อ้าปากรอข้าวต้มคำโตที่อยู่ในช้อนของอีกฝ่ายจนลืมตัวจากตอนแรกที่อยู่ดีๆ ยังต่อต้านไม่อยากให้ป้อนจนถูกยัดเยียดอยู่เลย “ไม่หรอกครับ บางเรื่องผมก็ไม่สามารถทำการเข้าใจได้ เพราะมันไม่ได้อยู่ในฐานข้อมูลที่จำเป็น” เชนเอ่ยเสียงเรียบพลางป้อนข้าวต้มในมือไปด้วยเมื่อเห็นท่าทางของพาวินกำลังรอให้เขานั้นป้อนต่อไปเรื่อยๆ จนเหมือนเด็กน้อย “เวลาคุณให้ป้อนก็น่ารักดีนะครับ” “เอ๊ะ? ว...หว๋า! ” ใบหน้าแดงก่ำเหมือนพึ่งรู้ตัว พาวินรีบดึงหมอนประจำตัวที่เอาไว้กอดขึ้นมาบังหน้าสักครู่ด้วยท่าทางลนลาน “ม..ไม่ต้องแล้วน่า นายน่ะ ไปทำอย่างอื่นเถอะ ไข้ฉันดีกว่าตอนแรกแล้ว” มือเล็กยื่นเข้าไปฉวยหยิบถ้วยข้าวต้มในมืออีกฝ่ายอย่างรวดเร็วทั้งที่หน้ายังคงแดงไม่หายดี แต่เชนยังคงจ้องหน้าพาวินเหมือนพยายามจะพูดอะไร “อ...อะไร? ไม่ไว้ใจฉันหรือไง?” “....งั้นเหรอครับ งั้นอีกสามสิบนาทีผมจะมาเก็บถ้วยและเอายามาให้ทาน หลังจากนั้นช่วยนอนพักด้วยนะครับ” “จ้าๆ คุณแม่ รู้แล้วน่ะ” ร่างสูงก้มโค้งเล็กน้อยราวกับเป็นพ่อบ้านคอยดูแลคุณหนู ก่อนที่เขาจะเดินกลับออกไปจากห้องเงียบๆ พร้อมปิดประตูเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน “เฮ้อ... ให้ตายสิ” ริมฝีปากเคี้ยวข้าวต้มตุ่ยๆ ในปาก ขมวดคิ้วยกสูงด้วยความกังวลกับสิ่งที่ตัวเองกำลังคิดอยู่ “ให้ตายสิ ไม่คิดว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะเจออะไรแบบนี้” ... ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ “อ่ะ! ด..เดี๋ยวสิ!” ในตอนที่กำลังกระโตกกระตากอยู่ ร่างเล็กรีบดันตัวออกทั้งที่แรงแทบจะไม่มี แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถต้านแรงกอดนั่นไหวอยู่ดีจนกระทั่งอีกฝ่ายผละตัวออกมาเอง “ (. .) ?” เชนลุกขึ้นมาจ้องมองใบหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเศร้าๆ แล้วเอียงคอเล็กน้อย เหมือนเขาไม่เข้าใจในการกระทำของพาวินที่ต่อต้านเขาอย่างเอาเป็นเอาตายทั้งที่เขาพยายามจะช่วยให้ความอบอุ่น “ทำไมถึงมานอนกอดฉันกันเล่า!” “เมื่อคืนคุณนอนกอดมือผมไว้จนผมปิดระบบชาร์จตัวเองไม่ได้ต้องชาร์จด้วยระบบฟีเจอร์พิเศษครับ แล้วคุณก็เอาแต่นอนตัวสั่นผมก็เลยเปิดระบบทำความอุ่นแล้วก็นอนกอดให้ความอบอุ่นคุณทั้งคืน” “ล..หลักฐานล่ะ?!” “คุณยังจับมือผมอยู่” ร่างสูงปรายตามองไปยังต้นตอขณะที่พาวินยกมือขึ้นมาและพบว่าตัวเองนั่นเองที่กำมืออีกฝ่ายไว้แน่นจนมือตัวเองเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ก่อนจะรีบสปริงตัวผละมือออกอย่างรวดเร็ว “อ่ะ.. จริงเหรอเนี่ย.. ขอโทษแล้วกันที่กระโตกกระตาก ก..อึ้ย! ” “ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อยผมยังได้เฝ้าไข้คุณทั้งคืน ขออนุญาตนะครับ” นิ้วเรียวยาวเคลื่อนเข้ามาใกล้หน้าผากเพื่อลอกแผ่นเจลที่ยังแปะแน่นอยู่ที่หน้าผากก่อนใช้หลังมือทาบลงบนหน้าผากเล็กที่เปียกโชกเพื่อวัดไข้ “ยังมีไข้อยู่ แต่ลดลงจากเมื่อคืนนะครับ ผมจะไปเอาเจลแผ่นใหม่กับเตรียมน้ำมาเช็ดตัวให้” กล่าวจบพลางเผยยิ้มออกเล็กน้อยก่อนเขาจะเดินกลับออกไปจากห้อง เรื่องกระวนกระวายยาวมายั้นตอนที่เช็ดตัวเพราะพาวินเอาแต่ส่ายหน้าดิ้นไปมาเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายทำให้จนต้องยอม และเรื่องก็มาถึงตอนนี้ ร่างเล็กวางถ้วยข้าวต้มที่ทานเสร็จไว้ข้างๆ ก่อนขยับตัวกลับลงไปนอนอีกครั้ง “ไม่สบายนี่มันลำบากจัง...” “ก๊อกๆ ...” เสียงเคาะประตูจากด้านนอกขณะที่เสียงเอะอะเริ่มดังขึ้นพร้อมเสียงโครมคราม “อะไรอีกเนี่ย...” มันดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่ระหว่างเสียงนั้นยังมีเสียงกรีดร้องเหมือนตกใจอะไรบางอย่างแล้วเงียบหาย “...ไม่ใช่ว่าไอ้เชนมันทำเรื่องบ้าอะไรอีกแล้วนะ เมื่อวานฉันเกือบจะฆ่ามันแล้วกับไอ้ตอนอาบน้ำเนี่ย หุ่นยนต์บ้าอะไรวะอาบน้ำไม่เป็น” “พาวินนนนนน” ประตูห้องถูกผลักเต็มแรงพร้อมกับลำธารที่วิ่งโผล่เข้ามาในห้องแล้วกระโจนใส่คนป่วยบนเตียงเต็มแรงกอดคอไว้แน่นจนอยากจะขาดใจตายคาเตียงเสียด้วยซ้ำ “แอว๊กกกกก! อะไรวะเนี่ย! อั๊ก ไอเชี่ย หายใจ..ไม่ออก! ” “คนป่วยย พี่มาเยี่ยมแล้วว คิดถึงพี่ไหมจ๊ะ พี่คิดถึงเพื่อนวินมากเลย” หน้าซุกไซร้ลงบนแก้มถูไปมาอย่างมันเขี้ยว “เดี๋ยวเด้ นายรู้ได้ไงว่าฉันไม่สบาย” พาวินผลักไหล่เพื่อนเต็มแรงแล้วเอ่ยถามอย่างฉงนงงงวย “เมื่อวานฉันโทรมาหานาย แต่เขาเป็นคนรับสายน่ะ” ปลายน้ำเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเชนที่เดินเข้ามาด้วยยาและน้ำในมือก่อนที่ปลายน้ำจะช่วยหยิบของพวกนั้นออกไปจากมือเขาแล้วเข้ามาให้พาวิน “ว่าแต่ เขาเป็นใคร?” หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับทุกคนที่หันกลับมามองเชนเป็นตาเดียวกันด้วยบรรยากาศชวนมาคุแต่เจ้าตัวนั้นยืนนิ่งจ้องทุกคนที่อยู่ในห้องเหมือนกับเด็กมากกว่า “คือ... เรื่องมันเป็นงี้นะครับทุกคน...” ร่างเล็กสูดลมหายใจเต็มปอดและเริ่มเล่าเรื่องทุกอย่างให้เพื่อนของเขาฟังทั้งหมด สีหน้าของแต่ละคนดูไม่ค่อยเชื่อในคำพูดของพาวินนักแต่พอมองย้อมกลับไปที่การกระทำของเชนก็พอจะรู้ได้ว่าเชนนั้นไม่น่าเป็นคนจริงๆ แน่ๆ “ก็แบบนั้นล่ะ เขาเป็นหุ่นยนต์ที่ฉันเผลอไปสมัครรับเขามา” “อุบ๊ะ? จริงป่ะเนี่ย แต่ว่า เหมือนคนมากเลยนะ ถ้าไม่สังเกตไอ้ไฟกะพริบๆ ที่ท้ายทอยน่ะ” ลำธารที่ดูสนอกสนใจในตัวเชนขึ้นมา เขาจ้องมองเชนตาไม่กะพริบแล้วคอยจับตรงนู้นทีตรงนี้ที “นี่เชน นายชาร์จแบตไหมอ่ะ กินไรเป็นอาหาร? ทำไรได้มั่งเนี่ย?” “....ผมชาร์จแบตผ่านสายUSBครับ นอกจากชาร์จแบบนั้นผมมีฟังก์ชั่นชาร์จแบบอื่นเพื่ออำนวยความสะดวกและเหมาะแก่การไปข้างนอก ผมไม่จำเป็นต้องทานอะไรเป็นอาหารครับนอกจากชาร์จแบต แต่สามารถทานอาหารมนุษย์ได้ตามปกติ แต่จะดีกว่าถ้าผมไม่ทานมัน” “ส..สุดยอด..” “อย่าไปยุ่งกับเชนมากน่ะ เจ้านั่นมันเอ๋อๆ อยู่ ชอบพูดอะไรไม่คิดแล้วพาคนอื่นลำบาก เชนนายก็ด้วย อย่าไปทำตามที่เจ้าบ้านั่นบอกล่ะ!” “ไหนพูดซิ เหยดเข้!” “ย..เหยดเข้?” “ก็บอกว่าอย่าไปฟังที่ไอ้ธารพูดไงเล่า! แอ๊กๆ” พาวินตะโกนโหวกเหวกก่อนหลุดไอออกมาด้วยอาการไข้ ขณะที่ปลายน้ำรีบขยับตัวเข้ามาพยุงให้พาวินนอนลงไป “นายอ่ะนอนไปเลย ไม่เป็นไรหรอกน่ะ” “ว่าแต่.. มากันหมดเลย มีไรเปล่าเนี่ย?” “ที่มหาลัยแจ้งมาน่ะ เดือนหน้าเราจะมีงาน Thank for star อาจารย์กำชับมาว่าปี3คณะเราต้องจัดกิจกรรมเดินแฟชั่นโชว์ หัวข้อคือแสงสว่าง” “จริงดิ คณะเราทำกิจกรรมติดกันถี่เลยนะ ตั้งแต่เราเรียนที่นี่เนี่ย ปีที่แล้วยังยุ่งแทบตายเลยตอนรับน้องน่ะ แล้วยังมารวมกันกับกิจกรรมอื่นอีก” “เห็นว่านายแบบหรือนางแบบให้หาบุคคลภายนอกหรือจะพวกเราเองก็ได้น่ะ เพื่อเรียกเสียงฮือฮาแล้วก็เพิ่มบรรยากาศให้มีผู้ชมมากขึ้นด้วย แต่ไอ้ตรงหานางแบบนายแบบนี่แหละปัญหา” พาวินถอนหายใจอย่างครุ่นคิดพิจารณา เพราะเสื้อผ้าที่ออกแบบ มันต้องขึ้นกับนายแบบนางแบบที่สวมใส่เพื่อทำให้ชุดสร้างบรรยากาศออกมาให้ผู้สวมใส่รู้สึกดูดีที่สุด ซึ่งปกตินางแบบนายแบบทางมหาลัยหรือผู้คิดคอนเซ็ปจะเป็นคนจัดหามาให้ ซึ่งมันทำให้ง่ายต่อการออกแบบและดีไซส์ให้เข้ากับผู้สวมชุด แบบไม่ต้องไปขวนขวายหามาจากที่อื่น ร่างบนเตียงชำเลืองมองเพื่อนชายของเขาที่ยังคงยืนสนอกสนใจเชนอยู่ แต่สายตาของลำธารดูเศร้าแปลกๆ ประจวบเหมาะกับที่ปลายน้ำจ้องมองมาทางพาวินด้วยแววตาเป็นประกาย “...ว่าแต่.. พวกมึงสองคนดูเข้าคู่กันนะ ไม่คู่กันล่ะ?” “เอ๊ะ? ฉันกับธารน่ะเหรอ?” หญิงสาวหันจ้องมองไปยังเพื่อนชายด้านหลังของเขาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจก่อนหันกลับมาทางพาวินอีกครั้ง ในตอนนั้นเหมือนกันที่ลำธารหันกลับมามองเพื่อรอฟังคำตอบของอีกฝ่าย “อืม พวกแกนั่นล่ะ ธารมันก็หล่อ ไม่ลองให้มันเป็นนายแบบดูล่ะ ส่วนเธอก็ออกแบบชุดให้มันใส่” “ฮ่า ฮ่า ตลก อย่างธารอ่ะเหรอ วันๆ มันก็เอาแต่เล่น มันไม่ช่วยฉันหรอก” “ก็ไม่แน่หรอกนะ” พาวินยิ้มน้อยๆ แล้วยักคิ้วไปทางลำธารเบาๆ “...เออ... ถ้าอยากให้ฉันเป็นนายแบบล่ะก็...” ลำธารเผยท่าทางประหม่าเล็กน้อยพร้อมเหงื่อที่เริ่มตกลงมา แต่ดูเหมือนปลายน้ำจะไม่ค่อยสนใจอีกฝ่ายเท่าไหร่แล้วหันกลับมาทางพาวินอีกครั้งอย่างรบเร้า “พาวิน แล้วนายล่ะ?” “ฉันอ่อ? มีแล้ว” “จริง? ใครอ่ะ” ท่าทางดูกระวนกระวายเกาะแขนพาวินไว้หนึบเพื่อรอคำถาม สายตาดูวิงวอนเหมือนเธอไม่ค่อยอยากให้เป็นแบบนั้นเท่าไหร่ “ไว้วันงานแล้วค่อยดูกันเอาเองนะ” พาวินพยายามตอบอย่างนิ่มนวลขณะที่ปลายน้ำเริ่มถอดสีหน้าผิดหวังเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบแล้วหันกลับมาหาลำธารอีกครั้ง “นายจะช่วยฉันจริงๆ ใช่ไหม?” “เอ๊ะ? อ่ะ อื้ม ถ้าเจ๊ปลายน้ำขอแบบนั้นล่ะก็นะ” ลำธารพอได้ยินคำถามของอีกฝ่ายก็ดูกระโตกกระตากดีใจ หูของเขาเริ่มออกอาการแดงขึ้นมา แม้มองจากเตียงพาวินก็ยังเห็นว่ากำลังเขินอยู่แน่ๆ ก่อนที่ลำธารจะตอบด้วยท่าทางหยอกล้อสไตล์เดิมอีกครั้ง “ถ้าเรียกเจ๊ ฉันจะหาคนอื่น” “อะไรกัน แค่ล้อคนสวยเล่นเฉยๆ เองอ่ะ ทำไมต้องใจร้ายด้วยล่ะ” “นายมันน่ารำคาญไง เอาล่ะ ฉันมีงานต้องไปทำต่อ ซื้อของมาเยี่ยมด้วยนะ ฉันเก็บไว้ในตู้เย็นให้แล้ว” หญิงสาวยิ้มด้วยสีหน้าเจื่อนๆ ก่อนที่เธอจะเดินออกไปจากห้อง “อย่าลืมเลี้ยงหมูกระทะด้วยนะ อุส่าช่วยแล้วน่ะ จีบไม่ติดกูจะไม่ช่วยมึงละนะ” ร่างเล็กเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระซิบกับเพื่อนชายของเขาขณะที่อีกฝ่ายตอบรับโดยการชูนิ้วโป้งแล้วฉีกยิ้มแล้วเดินกลับออกไป “ดูแลตัวเองดีๆ นะจ๊ะคุณพาวิน~” “เออๆ” ในห้องกลับสู่ความเงียบสงบเช่นเดิม ตอนนี้มีเพียงพาวินกับเชนเท่านั้นที่อยู่ในห้อง ร่างเหล่มองอีกฝ่ายเล็กน้อยพร้อมกับที่เชนหันมองมาทางเขาพอดี “อ่ะ..มองอะไร?” “ฮั่นแน่! (. .) ?” “บอกว่าอย่าไปฟังที่ไอ้บ้านั่นบอกไงเล่า! แล้วฮั่นแน่อะไรของนายน่ะห๊ะ? ทำไมต้องทำหน้านิ่งแบบนั้นด้วยมันไม่เข้ากันเลย!” เชนฉายสีหน้าสับสนเหมือนเขากำลังทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิดกว่าเดิม “ข..ขอโทษครับ” “ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ไปได้แล้ว ฉันอยากนอนพักแปบนึง” สีหน้านิ่งแต่ดูเหมือนเด็กน้อยผู้ซื่อบื้อได้แต่พยักหน้าตอบรับแล้วเดินกลับออกไปเงียบๆ แม้จะแอบชายตามองมายังเจ้านายของเขาอย่างสำนึกผิดก็ตาม ... “อื้ม... เบื่อ” “ลองอ่านหนังสือไหมครับ? อ่านหนังสือจะทำให้ผ่อนคลาย” “ฉันไม่ได้เครียด อ่ะ! จริงสิ อ้ะ โอยๆ ... ปวดหัวหนึบๆ แฮะ” ร่างรีบคลานตรงมาใกล้ๆ อีกฝ่ายที่นั่งเฝ้าไข้ก่อนจะเกิดอาการปวดหัวขึ้นมากะทันหัน “นายไปข้างนอกได้ใช่ไหมล่ะ ช่วยไปซื้อนิตยสารแฟชั่นรายสัปดาห์เล่มนี้ให้หน่อย” พาวินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปหน้าปกนิตยสารให้อีกฝ่ายดู “เนี่ยๆ หน้าปกแบบนี้ ที่ร้านหนังสือสุดซอยมีขาย เอาตังไปซื้อมาให้หน่อย ปกแบบนี้เลย เข้าใจไหมฉันต้องเอามันมาศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับแฟชั่นหน้าร้อนปีนี้เพื่อมาเป็นแบบตัวอย่างน่ะ” “....ครับ จดจำภาพไว้แล้ว” “อันนี้เงิน” มือเรียวเล็กก้มหยิบกระเป๋าเงินใต้เก๊ะบนหัวเตียงยื่นให้อีกฝ่าย “จำไว้นะ เล่มแบบที่ให้ดูเมื่อกี้ ถ้าหาไม่เจอก็ลองถามพนักงานดู เขารู้ว่ามันอยู่ตรงไหน เร็วๆ เลยนะ รีบไปรีบมา ระวังทางด้วย” “ถ้าผมไป คุณจะนอนนิ่งๆ ดีๆ หรือเปล่าครับ?” “อะไร? ถามเหมือนฉันเป็นเด็กอนุบาลไปได้” “ผมต้องการความแน่ใจ ว่าคุณจะไม่เดินเพ่นพ่านและนอนอยู่แต่บนเตียงครับ” “....ชิ ยุ่งยากจริง เข้าใจแล้วๆ จะนอนเฉยๆ เป็นเด็กดีบนเตียงนี่ โอเคนะ? เพราะงั้นรีบไปซื้อ แล้วรีบกลับมา” พาวินยกยิ้มแล้วฉีกยิ้มขึ้นกว้างเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นว่าตัวเองสบายดีไม่มีปัญหา ขณะเดียวกันที่เชนพยักหน้าเล็กน้อยก่อนลุกเดินออกไปจากห้องแต่ก็ยังไม่ค่อยรู้สึกวางใจอยู่ดีว่าอีกฝ่ายจะทำจริงอย่างที่พูดหรือเปล่า “เฮ้อ... ว่าแต่..ฉันจะไปหานางแบบมาจากไหนวะเนี่ย” ร่างก้มนั่งกอดเข่าตัวเองอย่างหงุดหงิด “ทำเป็นหล่อช่วยเพื่อน แต่ตัวเองต้องมาเดือดร้อนอีก ไม่สมกับเป็น....” ปรายตามองไปยังประตูห้องแล้วขมวดคิ้ว “ไม่มีทางน่า หมอนั่นน่ะเหรอ เดินตรงยังกับหุ่นแบบนั้นน่าขายหน้าตาย...” “...เฮ้อ.. เอาเหอะ ไม่ลองก็ไม่รู้วะ” ... ท่ามกลางทางเดินที่ผู้คนเดินสัญจรไปมา มีเพียงฝีเท้าหนักแน่นที่เดินไปเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งจนมาหยุดอยู่ที่ร้านหนังสือ เพื่อซื้อหนังสือที่ถูกไหว้วานให้ซื้อกลับไป สายตาไล่ไปเรื่อยๆ ตามชั้นหนังสือโซนนิตยสารแฟชั่นที่มีนิตยสารหลายเล่มวางโชว์เรียงกันบนแผง “.....” เขาหยิบนิตยสารเล่มหนึ่งขึ้นมาดู โดยที่หน้าปกบ่งบอกถึงหัวข้อความรักที่ไม่จำกัดรูปแบบและเพศ เขาจ้องมองมันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งวางมันลงกลับที่เดิมแล้วเริ่มควานหาเล่มที่ถูกต้อง “เล่มนี้” ริมฝีปากเอ่ยเงียบๆ แล้วหยิบนิตยสารที่ปกตรงกับที่พาวินระบุไว้ แต่ถึงกระนั้นระหว่างที่กำลังเดินนำไปจ่ายราคาอยู่นั้น สายตาของเขาก็ยังคงชำเลืองมองนิตยสารเล่มนั้นก่อนกลับออกไปอยู่ดี เชนเดินออกมาจากร้านหลังจากซื้อนิตยสารและเตรียมที่จะเดินทางกลับไปยังบ้าน ท่ามกลางผู้คนหนาแน่นเดินเบียดเสียดไปมารอบๆ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ร่างเครื่องจักรอย่างเขามีปัญหาใดๆ เลย ฝีเท้าเดินตรงมาเรื่อยๆ ท่ามกลางกลุ่มผู้คนมากมาย รวมถึงกลุ่มคู่รักที่เดินจูงมือกันไปยังร้านต่างๆ และระหว่างทาง สายตาชำเลืองมองเหล่าคู่รักรอบๆ ตัวอย่างไม่เข้าใจก่อนภาพนิตยสารนั่นจะแล่นขึ้นมาในหัวนั่นอีกครั้ง “..... มนุษย์? เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อน แต่สวยงามจังนะครับ...” [ความรู้เพิ่มขึ้น 15% “มนุษย์” อยู่ได้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า” ความรัก”]
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม