ควันบุหรี่หนาทึบ ถูกพ่นลอยละล่องไปทั่วห้องตามมวลอากาศ จากริมฝีปากหนาประมาณสี่คน หนึ่งในนั้นคือแมททริก ที่เอาแต่นิ่งเงียบ หลังเหยียบเข้ามาถึงห้องลับใต้ดินขององค์กร
ภาพที่เห็นยังติดตาของเขา ผู้หญิงร่างบางในชุดเดรสสีขาวขาดวิ่น หากไม่เปื้อนเลือดและดินจนดูมอมแมม ชุดนั้นคงจะสวยน่าดู
" เธอชื่อเดมี "
เสียงซันดรูเอ่ย ทำลายบรรยากาศเงียบเชียบ
" เป็นนางบำเรอคนใหม่ของเคียว "
" นางบำเรองั้นเหรอ?"
"เกือบ "
" หืม ยังไง?"
" ก็เกือบ ประมาณว่าเพิ่งมาใหม่ "
สายตาดุจพญาอินทรีย์มองผ่านเสี้ยวหน้าของเรกาโดไปยังต้นเสียง ที่กำลังเถียงกันของคนทั้งสอง
เวเดน กับ น้องชายสุดที่รัก นามว่าซันดรู
ก่อนจะปัดส่ายตามายังอีกคน ที่เพิ่งจะแค่นหัวเราะ อัดบุหรี่เข้าไปเฮือกโตเมื่อไม่ช้านี้
" หึ ดูท่าแมวน้อย จะไม่เต็มใจสักเท่าไหร่นะ "
" แทงคนตายขนาดนั้น ไม่ใช่แมวแล้วล่ะ"
พลางกัดฟันกรอดเป็นฝ่ายพูดบ้าง
" แล้วทำไมถึงเข้าไปนอนในนั้นวะ ทำไมเธอถึงไม่หนี "
" นั่นน่ะสิ อย่างที่ไอ้ครูซว่า" เวเดนเสริม ดวงตาถ่างเป็นประกาย " ทั้งที่หนีได้ "
แน่นอน ประโยคนี้ทำแมททริกเผลอคิดตาม เขาย้อนเวลาไปยังเหตุการณ์นั้น ก่อนจะหันไปทางซันดรู
" เธอมีคนรักรึเปล่า"
นั่นทำทุกคนถึงกับต้องชะงัก แต่พอเห็นสีหน้าของคนถามที่ดูจริงจังยากจะแซวได้ ซันดรูจึงเลือกที่จะตอบเรียบๆ
" มี "
" มีนี่หมายถึง?"
" ตอนนี้ก็ยังมี "
ซึ่งคำตอบของเขา ทำแมททริกเงียบไปอีกครั้ง ภาพของเธอตอนกลัวจนตัวสั่น กำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับเขา กระนั้นเพราะยังไม่มั่นใจ จึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา
มาเฟียหนุ่มทำได้แค่พ่นควันจากบุหรี่มวนเดิมทิ้งท้าย ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ไม่บอกลาใครสักคำ
ห้องร้างปล่อยโล่ง ไร้เฟอร์นิเจอร์ใดๆเว้นแต่กลิ่นอับ กับความมืด และเงียบเชียบ ชนิดหายใจออกมายังได้ยิน ทำให้รู้เลยทันที ว่าคนที่พาเธอมามีเจตนายัดเยียดความกลัวให้เธอเป็นอย่างมาก
และยิ่งบีบรัดความกลัวนั้นหนักเข้าไปอีก เมื่อประตูถูกเปิดออก เผยเงาดำดุจมัจจุราชยืนอยู่ตรงนั้น
" ฮึก.."
เขาเดินเข้ามาช้าๆ แล้วหยุดตรงหน้าเธอ
ถึงตอนนี้หญิงสาวจะเนื้อตัวมอมแมมจนดูไม่ได้ ก็ไม่ได้ทำให้แววตาที่เคลือบไปด้วยน้ำใสๆจะถูกบดบัง แต่กลับไม่ได้ทำให้เขานั้นสงสาร
เดมีช้อนตาขึ้น ขณะยังนอนตะแคง ไร้เรี่ยวแรงเพราะโซ่ตรวนขนาดเขื่องดึงไปดึงมา ทุกครั้งที่เธอพยายามทำให้มันหลุด
" เป็นไง.."
แมททริกเอ่ยถามเสียงเรียบ คาดเดาอารมณ์ไม่ออก หลังลดตัวลงมานั่งยอง
" ฆ่าฉันเถอะค่ะ "
ปริมาณความเย็นชาที่ผ่านแววตานั้นของเขา ยามมองคนพูด เมื่อได้ฟังประโยคสั้นๆ น้ำเสียงดูจริงจังปนสั่นเครือ ยังไม่สามารถทำอะไรเขาได้
เขายังคงนั่งเฉย มีเพียงมุมปากข้างขวาเท่านั้นถูกยกขึ้น
"แล้วทำไมไม่ฆ่าตัวตายเองล่ะ ก่อนหน้านี้เธอมีโอกาสนี่ "
ทว่า คำตอบรับของเขา คือคำพูดที่โคตรจะแทงใจดำ ทำหญิงสาวหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัว
" ฉัน...ไม่มีความกล้าพอ "
" แต่เธอกล้า ฆ่าคนตาย?!"
" มันทำร้ายฉันก่อน "
เธอเอ่ยเสียงทุ้มขึ้น พลางยันตัวลุกมานั่ง
ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ ในขณะใช้สายตามองเหยียดเธอ แสดงถึงความดูถูกอย่างชัดเจน พร้อมกับคำพูดถากถาง ที่ทำเธอถึงกับทนฟังไม่ไหว ต้องสวนกลับ
" ทำร้ายงั้นเหรอ? เคียวที่ฉันรู้จักไม่ใช่คนแบบนั้น นิสัยเสียที่เขามีจนกู่ไม่กลับ และทำให้เห็นแบบชัดเจน มีแค่อย่างเดียว คือ เขาเป็นเสือผู้หญิง นอนกับผู้หญิงไม่เลือกหน้า และผู้หญิงคนนั้นจะต้องเต็มใจ หรือเรียกง่ายๆ เป็นผู้หญิงอย่างว่า."
" ไม่จริง! "
เผลอตะเพิดเขา
แต่แล้ว...
หมับ!
ลำคอระหงของเธอ กลับถูกมือหนาแข็งแรงเยี่ยงคีมเหล็กตะปบ และบีบอย่างแรง ถึงขนาดทำเธอตกใจจนตาเหลือก
" เอาดีๆ ทำร้ายเธอ หรือผัวเธอ"
ลำคอระหง เล็กมากเมื่อเทียบกับอุ้งมือเขา เดมีน้ำตาคลอเบ้า เอาแต่มองหน้าหล่อเหลาดุดัน
ไม่คิดจะหลบตา ไม่ใช่ว่าไม่กลัว เธอกลัวเขามากจนตัวสั่น! กลัวเสียจนไม่กล้าหายใจ หรือแม้จะหันหน้าหนีไปไหน
" อ้อ ที่ไม่พูด เพราะถูกบีบคออยู่สินะ "
เขาถามเองตอบเอง หลังมองเธออยู่นานไม่แพ้กัน
สาวเอเชียคนนี้ มีความโดดเด่นอยู่อย่างหนึ่ง นั้นคือดวงตา ที่พอหรี่มองต่ำ ตัดพ้ออย่างคนใกล้ตาย ถึงขั้นน้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้า แล้วบังเอิญมีใครสักคนผ่านมาเห็น หรือยืนมองชัดเจนอย่างเช่นเขา ต่อให้วินาทีนั้นมีความโกรธเคืองถึงขีดสุด ความรู้สึกนั้นแทบจะถูกทำลายลงไปในทันที
ใช่ เธอเปรียบเสมือนลูกแมวตัวน้อยอย่างเรกาโดว่า
แต่น่าเสียดาย ที่มันใช้ไม่ได้กับเขา
แมททริกขบกรามกรอด จำใจต้องปล่อยเธอเป็นอิสระ ก่อนถอยห่างออกมาอีกก้าว
" เธอรู้อยู่แล้วใช่ไหม จุดนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด " พลางข่มเสียงต่ำ
เดมีปล่อยไหล่ตกอย่างอ่อนแรง เพิ่งจะรู้สึกดีขึ้นก็ตอนมีโอกาสได้สูดลมหายใจ
" ฉันถาม! "
" ฉันไม่รู้ค่ะ "
" เธอไม่ได้แทงเขา แต่ผัวเธอแทงใช่ไหม "
" ไม่ใช่ค่ะ ฉันเองที่ทำ "
" คิดว่ากูโง่เรอะ!!!"
" ฮึก..."
แต่ไม่นานกลับต้องหลับตาปี๋ เมื่อถูกเขาตะเพิดใส่ หญิงสาวเป็นมากกว่ากลัวจนตัวสั่น ในเวลานี้ ถึงเขาไม่ได้ฆ่าเธอ ก็ไม่ต่างกับชีวิตได้ตกลงไปในนรกแล้ว
และนี่! เบื้องหน้าเธอ คือยมบาล
" ฉันควรจะทำยังไงกับเธอดี "
แมททริกกัดฟันกรอด จ้องเข้าไปในดวงตาลึกของเธอ ที่ยิ่งมองก็ยิ่งทำเขาสับสน ทว่า คำตอบที่ได้กลับทำเขายิ่งหัวเสีย ลืมความรู้สึกนั้นราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
" ฆ่าฉันสิคะ..."
" อยากตายขนาดนั้นเชียวหรือ"
" ใช่ค่ะ อยากตาย! ถึงไม่ตาย ก็หนีไม่รอด "
" พูดอะไรของเธอ?"
" ฉันรู้พวกคุณเป็นใคร ฉันถึงไม่คิดที่จะหนี คิดจะฆ่าตัวตาย ใจก็ขี้ขลาด ฉันอาจจะรู้จักประวัติผู้ชายคนนั้นน้อย เพราะระยะเวลาที่เจอกันมันสั้น แต่เชื่อเถอะค่ะฉันรู้จักพวกคุณ ... ที่คุณพูดก็ถูก ใช่ ฉันมาจากซ่อง ซ่องที่ทำเรื่องผิดกฏหมาย ฮึก.. ถ้าคิดว่าจะไม่สืบหาความจริงกันแล้ว คิดว่าจะเชื่อความรู้สึกของตัวเอง งั้นคุณก็ฆ่าฉันซะสิ ฉันไม่คิดจะหนี เพราะฉันเองก็อยากตาย"
แมททริกถึงกับอึ้ง ไม่นึกว่าเธอจะยอมพูดประโยคยาวเหยียดขนาดนี้ ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น และที่สำคัญ เธอสบตาเขา
" ฉันเต็มใจขึ้นรถมากับเขาก็จริง นั่นเพราะเพื่อนของคุณหลอกฉัน ! "
มิหนำซ้ำ ยิ่งอึ้งหนักก็ตอนที่เธอกัดฟันบอกเขา
หญิงสาวตรงหน้าที่ดูยังไงก็ไม่ประสีประสาเรื่องอย่างว่า กลับมานั่งสารภาพหมดเปลือก เพื่ออะไร?
มาเฟียที่เป็นทั้งนักฆ่าและนักสืบ ใช้เหตุผลมากกว่ากำลังตัดสินปัญหา และเจอผู้คนหลากหลายรูปแบบ กลับต้องมายืนมึนปนสับสน ไปไม่ถูก ต่อท่าทางและคำบอกเล่าของสาวปริศนาอย่างนั้นเชียวหรือ
หากเป็นแบบนั้น แล้วคำสมญานามที่ใครต่อใครครหา ควรพิจารณาไหม?
" ไม่มีพยาน ฉันไม่ฆ่าใครเพียงเพราะฟังความข้างเดียว ถึงจะมีหลักฐาน และเห็นคาหนังคาเขา แต่มันก็ไม่มากพอที่จะต้องด่วนสรุป คำพูดของคนอยากตาย มันง่ายเกินไปสำหรับฉัน อีกอย่าง ฉันไม่คิดจะทำผู้หญิง จะทรมานเธอแบบนี้ จนกว่าจะเจอฆาตกรตัวจริง "
" นี่คุณ..."
" หวังว่าเธอจะไม่ตายก่อน ที่แฮกเกอร์จะแกะรอยเครื่องดักฟังที่เจอภายในรถได้สำเร็จนะ เพราะถ้าเธอตาย ยังไงแฟนเธอก็ตาย อยู่เพื่อเป็นเหยื่อล่อมันออกมาจะดีกว่า แต่คิดว่าท่าจะยาก สังเกตจากการที่มันหนีไป แล้วปล่อยให้เธอรับกรรมอยู่แบบนี้ "
" ฮึก T^T"