1 บทที่ 1 (3)

1730 คำ
การทำงานที่ต่อเนื่องยาวนานทำให้พชรถอนหายใจออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ชายหนุ่มค่อยๆ เอนหลังเข้ากับพนักโซฟารับแขกภายในห้องและหลับตาลงหวังขับไล่อาการปวดหัวที่เริ่มปรากฏขึ้นมาในช่วงนี้ ความอ่อนล้าทำให้เขาไม่สนใจเสียงเปิดประตูที่ดังขึ้น แม้จะมีเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาหยุดใกล้ๆ แล้วก็ตาม “มีอะไรไออัศ” พชรทักขึ้น ทำให้คนที่ตั้งใจจะแกล้งทำเสียงดังใส่รีบกลืนถ้อยคำลงคอไปอย่างเสียดาย “มีแกคนเดียวเท่านั้นแหละที่จะเข้ามาโดยไม่เคาะประตู ตกลงมีอะไรหรือเปล่า” อัศนัยทำเสียงจิจ๊ะก่อนจะนั่งลงข้างๆ “จะอะไรซะอีกล่ะครับ จะมาชวนไปกินข้าวน่ะสิ นี่มันบ่ายสองแล้วน่ะเว้ย” อัศนัยตอบพร้อมกับมองริ้วรอยความเครียดบนใบหน้าคนข้างๆ “แกทำงานหนักเกินไปแล้วนะไอ้พัช ไอ้ตำแหน่งลูกบุญธรรมที่ค้ำคออยู่ของแกเนี่ย ตกลงมันน่าอิจฉาหรือน่าเห็นใจกันแน่วะ” อัศนัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ล้อเล่นอย่างเคยจนคนฟังขมวดคิ้วก่อนจะคลายออกเมื่อเข้าใจถึงความหมายนั้นแต่เขายังคงหลับตานิ่งไม่ได้ตอบอะไร อีกฝ่ายจึงเลือกที่จะเงียบพร้อมกับมองเพื่อนตัวเองอย่างพิจารณา ภาคภูมิ บิดาของอัศนัยนั้นเป็นเพื่อนสนิทกับพัชรพงษ์พ่อของเพชรลดาและพชร ทั้งสองครอบครัวต่างไปมาหาสู่กันจนทำให้พวกเขาเติบโตมาด้วยกันจนรู้จักและสนิทสนมกันมากเกินกว่าคนทั่วไป หากมองเผินๆ แล้ว พชรดูเป็นเด็กชายผู้โชคดีที่ได้รับการอุปการะจากเศรษฐีใหญ่ในฐานะลูกชายอีกคนหลังจากที่ต้องกำพร้าพ่อไปตั้งแต่ยังเล็ก แต่ในความโชคดีก็มีความโชคร้ายแฝงอยู่เมื่อสิ่งเหล่านี้มาพร้อมกับหน้าที่อันยิ่งใหญ่และภาระหลายอย่างที่ชายหนุ่มแบกรับโดยเฉพาะกับคำว่า ‘บุญคุณ’ จนทำให้หลายครั้งที่เพื่อนของเขาต้องตัดสินใจด้วยบรรทัดฐานที่ทำเพื่อคนอื่นมากกว่าตนเองจนดูน่าสงสารในสายตาของคนรักอิสระอย่างเขา แม้ทุกวันนี้พัชรพงษ์จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่พชรก็ยังคงใช้ชีวิตของเขาเพื่อเพชรลดา ลูกสาวของผู้มีพระคุณตามที่แวววัลย์มารดาของชายหนุ่มตอกย้ำอยู่เสมอ “แกจะมองหน้าฉันอีกนานไหม” “แกนั่นแหละ มีอะไรอยากให้ฉันช่วยมั้ย” คิ้วหนาของพชรขมวดเข้าหากันอีกครั้งเพราะไม่เข้าใจถึงความหมาย “ถึงเราจะไม่ได้เจอกันมานานแต่ฉันก็ดูออกนะโว้ย แกมีอะไรในใจหรือวะไอ้พัชแกถึงทำงานหนักขนาดนี้ ทำอย่างกับประชดชีวิตอะไรอย่างนั้นแหละ มีอะไรพูดมา ฉันเป็นเพื่อนแกนะเว้ย” คนฟังยังคงนั่งนิ่งไม่ตอบอะไรทำให้อัศนัยฮึดฮัดออกมาด้วยความขัดใจก่อนที่จะต้องตกใจเมื่ออยู่ๆ พชรก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแล้วหันมามองหน้าของเขา “มาชวนฉันไปกินข้าวไม่ใช่เหรอ ไปสิ” คนเป็นเพื่อนถอนหายใจออกมาอีกครั้งที่พชรเปลื่ยนเรื่องแต่ไม่เซ้าซี้ต่อเพราะรู้ดีว่าถ้าเพื่อนคนนี้เลือกที่จะไม่พูดแล้วไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่มีทางล้วงความลับในใจได้ ชายหนุ่มเลยลุกขึ้นยืนก่อนเดินตามร่างสูงไป แต่แล้วเท้าของเขาก็ต้องชะงักเมื่อคนตรงหน้าหยุดเดินกะทันหันและหันกลับมาพูดกับเขาด้วยประโยคที่ทำให้เขาอึ้งงัน “อ้อ...แล้วแกก็ไม่ต้องเห็นใจฉันหรอก เพราะทุกเรื่องที่ฉันทำ ฉันทำด้วยความเต็มใจ” กระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่าของสมุดวาดภาพเล่มโปรดถูกฉีกออกเรื่อยๆ โดยมือของเจ้าของ ในกระดาษแต่ละแผ่นนั้นมีภาพร่างของแหวนในรูปทรงต่างๆ ที่สวยแปลกตาแต่ก็ยังไม่ถูกใจเพชรลดาเลยสักนิด หญิงสาวใช้เวลาทั้งวันกับงานชิ้นนี้จนท้องฟ้ารอบตัวเริ่มสลัว หากแต่ความดึงดันที่มีมากกว่าทำให้หญิงสาวตัดสินใจที่จะนั่งอยู่ตรงนั้นต่อไปแม้ว่าตอนนี้สวนสาธารณะที่เธอนั่งอยู่นั้นจะร้างผู้คนแล้ว เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบางนึกหงุดหงิดก่อนจะต้องชะงักเมื่อเห็นชื่อของอัศนัยที่ปรากฏอยู่ หัวใจของหญิงสาวเต้นถี่ขึ้นหากแต่ไม่รุนแรงมาก ความหวามไหวที่บางเบาทำให้เพชรลดาหายใจเข้าออกลึกๆ อยู่สองสามครั้งก่อนจะกดรับสายด้วยน้ำเสียงที่ถูกปรับให้แข็งขึ้น “โทรมาทำไม” “อ้าว...พูดให้มันดีๆ หน่อย คนเขาคิดถึงเลยโทรหา” คำว่า ‘คิดถึง’ ทำให้หัวใจที่เริ่มสงบลงเต้นถี่ขึ้นมาอีก แต่เจ้าของหัวใจพยายามกดมันไว้โดยพยามเตือนสติตัวเองว่าไม่ให้ไหวหวั่นกับคำที่คงไม่ได้พิเศษอะไรสำหรับชายหนุ่มคนนี้ “ไม่ต้องมาคิดถึง ไปคิดถึงคนอื่นเถอะ” “แน่ใจเหรอที่พูดน่ะ อยากให้พี่ไปคิดถึงคนอื่นจริงๆ เหรอ” “แน่ใจสิ อยากจะคิดถึงใครก็คิดถึงไป ไม่ต้องมาคิดถึงเพชร” น้ำเสียงที่แหวขึ้นอย่างลืมตัวทำให้คนฟังหัวเราะออกมาอย่างพอใจ ฝ่ายคนลืมตัวก็เริ่มหงุดหงิดอีกครั้งที่เผลอแสดงอาการที่ไม่อยากทำอย่างคุมไม่ได้ “ถ้าไม่มีอะไรแล้วเพชรจะวางแล้วนะ ไม่อยากพูดด้วย” เพชรลดาทำโมโหกลบเกลื่อนปลายสายจึงต้องรีบกลั้นหัวเราะจนกลายเป็นยิ้มกว้าง “เดี๋ยวก่อนสิ โห...ใจร้ายจัง ว่าแต่เราเถอะ ถ้าพี่ไม่โทรหาก็ไม่คิดจะโทรหาพี่บ้างเลยหรือไง ไม่คิดถึงกันเลยเหรอ” “ไม่คิด ไม่เจอกันตั้งสองปียังไม่คิด แล้วนี่แค่เดือนเดียวจะคิดทำไม” หญิงสาวประชดประชันคนฟังแม้จะมีถ้อยคำโกหกอยู่บ้าง เพราะถึงที่ผ่านมานั้นเธอไม่เคยคิดจะโทรหาชายหนุ่มก่อนแต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าลึกๆ นั้นก็ยังคงแอบรอคอยการติดต่อจากเขาเสมอ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่โทรเองก็ได้ พี่รู้ว่าเราเป็นพวกฟอร์มจัด” “พี่อัศ” เพชรลดาแหวใส่ปลายสายที่หัวเราะเสียงดังออกมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงแหลมสูงของเธอก่อนที่จะพยายามควบคุมตัวเองหยุดการกระทำนั้นเพราะกลัวว่าสาวน้อยในสายจะโกรธจนวางหูใส่เขาเสียก่อน “เอาล่ะๆ จริงจังกันดีกว่า พี่โทรมาเพราะเป็นห่วง งานทางนั้นโอเคมั้ยเพชร” น้ำเสียงอบอุ่นที่เจือด้วยความห่วงใยอย่างแท้จริงทำให้อารมณ์ของหญิงสาวเริ่มสงบลง เธอจึงตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิมเล็กน้อย “ก็ดีค่ะ ไม่ได้มีปัญหาอะไร” “แล้วเราได้หักโหมกับงานมากเกินไปหรือเปล่า พี่หวังว่าเราจะไม่ทำตัวเหมือนไอ้พัชนะ” “พี่พัชทำอะไรเหรอคะ” เพชรลดาถามกลับด้วยความเป็นห่วงทันทีเมื่อได้ยินชื่อของพชร “ก็มันเล่นเอาแต่ทำงานแทบจะตลอดเวลาที่ตื่นจนพี่แปลกใจว่ามันเป็นอะไรของมันเพราะเมื่อก่อนมันก็ไม่ใช่คนหักโหมกับงานจนเกินพอดีและแบ่งเวลาได้เก่งกว่านี้ ทำงานจนลืมตาย อย่างกับคนที่ต้องการหนีปัญหาบางอย่างยังไงอย่างงั้น” ริมฝีปากคนฟังเผลอเม้มเข้าหากันแน่น ภาพของพชรที่โหมงานหนักนั้นเธอเองก็ได้เห็นในทุกๆ วันก่อนที่จะมาที่นี่ ทุกอย่างมันเริ่มต้นตั้งแต่หนึ่งปีก่อน...ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง “เพชรฝากพี่อัศดูแลพี่พัชด้วยนะคะ” เพชรลดาเอ่ยขอร้องด้วยน้ำเสียงที่ไม่หลงเหลือทิฐิเพราะความห่วงใยในตัวพี่ชาย คู่สนทนาจึงยิ้มออกมาบางๆ เมื่อรับรู้ได้ถึงน้ำใจและความเป็นห่วงที่หญิงสาวมีต่อเพื่อนของเขา “ไอ้พัชมันเพื่อนพี่ ยังไงพี่ก็ต้องดูแลมันอยู่แล้ว เพชรเองก็ต้องดูแลตัวเองนะ ยังไงก็เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว แล้วนี่กลับบ้านแล้วหรือยัง” “เอ่อ...ยังค่ะ” เพชรลดาตอบเสียงอ่อนเพราะรู้ว่าคำตอบของเธอจะต้องทำให้คู่สนทนาไม่พอใจเธอแน่ๆ แล้วเธอก็คิดไม่ผิด “ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่กลับ นั่งวาดรูปจนเพลินอีกแล้วใช่ไหม พี่บอกกี่ครั้งแล้วเพชรว่าไปไหนมาไหนคนเดียวอย่าเอาแต่จมอยู่กับตัวเอง สนใจสิ่งรอบข้างด้วย” “โอ้ย จะเสียงดังทำไมล่ะ กลับแล้วๆ จะกลับเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะคุณพ่อ” “พี่ไม่ใช่พ่อ เก็บของกลับเดี๋ยวนี้เลยนะ อีกหนึ่งชั่วโมงพี่จะโทรเข้าบ้าน ถ้าเรารับไม่ทันนะเจอดีแน่” “เจ้าค่ะ ขี้บ่นชะมัด” เพชรลดาทิ้งท้ายก่อนจะกดวางสายหลังจากได้ยินคำคาดโทษจากคนอีกฟากฝั่งทวีป ความสนิทสนมทำให้อัศนัยเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่กล้าต่อว่าสั่งสอนเธอนอกจากพ่อแท้ๆ ของเธอที่ยังดูตามใจเธอมากกว่าเขาเสียอีก เพชรลดามุ่ยหน้าแต่ก็รีบลงมือเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างใส่กระเป๋าส่วนตัวเมื่อเธอเองก็รู้ว่าคำสั่งทั้งหมดเกิดจากความห่วงใยของเขา ห่วงเหรอ...เพชรลดาส่ายหน้าบอกตัวเองว่าอย่าเผลอหวั่นไหวไปกับชายคนนี้อีก เพราะสุดท้ายอาจจะเป็นเธอที่ผิดหวังและเสียหน้าเหมือนที่ครั้งหนึ่งมันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ท้องฟ้าสีดำมืดทำให้เพชรลดารีเร่งฝีเท้าออกจากสวนและตรงไปทางบ้านพักของเธอทันที รอบข้างเงียบสงัดเมื่อผู้คนส่วนใหญ่อยู่ในบ้านพักของตัวเองแล้ว เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นไล่หลังทำให้เธอเร่งฝีเท้าขึ้นอีกนิด แล้วทุกอย่างก็เริ่มผิดสังเกตเมื่อเสียงๆ นั้นเดินตามเธอมาเรื่อยๆ ในทุกเส้นทาง เพชรลดากระชับกระเป๋าก่อนจะเปลี่ยนเป็นกึ่งวิ่งกึ่งเดินเมื่อใกล้ถึงบ้านก่อนจะรีบไขกุญแจแล้วเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว หญิงสาวลงกลอนอย่างแน่หนาก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างเพื่อมองออกไปนอกบ้านจึงได้เห็นเงาสูงใหญ่คล้ายๆ ชายหนุ่มในมุมมืด เธอรีบซ่อนตัวหลังม่านก่อนจะเพ่งออกไปอีกครั้งจึงได้เห็นว่าชายคนนั้นได้จากไปแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม