ร้านอาหารหรูใจกลางเมืองสว่างไสวไปด้วยแสงไฟอุ่น โต๊ะริมหน้าต่างมุมโปรดถูกจองไว้ตั้งแต่ช่วงบ่าย ชายหนุ่มในชุดสูทเรียบหรูมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย นั่งรอด้วยหัวใจเต้นแรงเหมือนวัยรุ่นนัดเดตครั้งแรก
เขาสั่งไวน์แดงรอเธออย่างอดทน จนกระทั่งสิริพิชญ์ปรากฏตัวในชุดเดรสสีไข่มุกอ่อน ผมรวบหลวมๆ เครื่องประดับเรียบง่ายแต่สง่างาม
เขายิ้มกว้าง ลุกขึ้นต้อนรับเธอดุจเจ้าหญิง
เธอยิ้มรับ แต่ในใจกลับหวิวแปลกๆ หัวใจของเขาเต้นด้วยความหวัง แต่ของเธอเต้นด้วยความกลัวและกังวล
“ผมดีใจนะที่คุณเป็นฝ่ายนัดผมก่อน ตั้งแต่กลับมาผมนัดเจอคุณยากมากเลย ดาราคิวทองก็งี้” ธาวินทร์พูดไปยิ้มไป
“วันนี้ฉันมีเรื่องที่ต้องพูดกับคุณให้ชัดเจนค่ะวิน” เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น
“ถ้าเป็นเรื่องวันก่อนที่แม่ผมพูด ผมขอโทษด้วยนะ” เขารีบบอกเธอ กลัวว่าเธอจะกังวลเรื่องมารดาของตน
“ไม่ใช่หรอก ฉันแค่ขอโทษที่ฉันไม่ได้พูดทุกอย่างกับคุณตั้งแต่แรก แต่คืนนี้…ฉันอยากบอกความจริงทั้งหมดกับคุณ”
คำพูดของเธอ ทำให้รอยยิ้มของเขาชะงักไปครู่หนึ่ง ราวกับความรู้สึกไม่มั่นคงเริ่มแทรกเข้ามาในความคาดหวัง
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
เธอพยักหน้า ช้อนตาขึ้นสบเขาอย่างแน่วแน่
“ตอนที่ฉันอยู่ต่างประเทศ... ฉันแต่งงานแล้ว”
เสียงนั้นเบาราวกับกระซิบ แต่กลับชัดเจนอย่างยิ่งในหูของเขา เหมือนเวลาทั้งห้องหยุดเดิน เขานิ่งงันไป ราวกับสมองประมวลผลไม่ทัน
“ว่าไงนะ…”
“ฉันแต่งงานกับคนที่ช่วยฉันกับครอบครัวไว้ตอนที่ฉันลำบากมาก… เราจดทะเบียนกันอย่างเงียบๆ เพื่อให้พ่อแม่เขาในต่างประเทศได้เห็นก่อนจากไปตอนนั้นมันไม่ใช่ความรัก...แต่เป็นความจำเป็น และตอนนี้เขากำลังจะย้ายมาอยู่กับฉันที่นี่ ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า”
ธาวินทร์หายใจลึก มือที่เคยจับแก้วไวน์แน่น เริ่มสั่นเล็กน้อย
“แล้วผมล่ะ คุณรู้ไหมว่าผมทิ้งทุกอย่างเพื่อคุณ ผมเลิกกับดารัญ เพราะผมเลือกคุณ”
“แต่ฉันไม่ได้ขอให้คุณเลือกฉัน ไม่เคยเลยสักครั้ง ตั้งแต่วันที่แม่คุณบอกให้ออกไปจากชีวิตคุณ ฉันก็ไม่เคยที่จะให้ความหวังคุณเลยสักครั้ง” สิริพิชญ์หลุบตาลง ตอนนั้นกัลยาบอกให้เธอเลิกยุ่งกับเขา ประจวบกับโดนคุกคามจากผู้กำกับจึงต้องหนีไปเรียนต่างประเทศเพื่อหลีกหนีปัญหา
“แต่ชีวิตของฉันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ววิน ฉันไม่ควรกลับมา ฉันไม่กล้าบอกความจริงกับคุณตั้งแต่แรก ฉันขอโทษ…” เธอพูดเสียงอ่อนลง คำขอโทษนั้นเจ็บยิ่งกว่าคำปฏิเสธ
เขาเงียบไป เป็นฝ่ายก่อนลุกขึ้นยืน มองหน้าเธอด้วยความผิดหวังแล้วเดินจากไป ทิ้งเธอไว้กับความรู้สึกผิดที่กัดกินหัวใจ และไวน์แดงที่เธอไม่ได้จิบแม้แต่หยดเดียว
เสียงเปิดประตูเงียบงันใน ไม่มีกลิ่นอาหาร ไม่มีใครรอเขาเหมือนเคย
ธาวินทร์วางกุญแจลงบนเคาน์เตอร์ เดินทอดเท้าเข้ามาช้าๆ บ้านที่เคยเป็นที่พักใจ ตอนนี้กลับเย็นเยียบและว่างเปล่าอย่างน่าประหลาด
แม่บ้านกลับไปแล้วตามเวลา ดารัญเองก็จากไปแล้วเช่นกัน
เขาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา เหม่อมองความเงียบรอบตัว แวบหนึ่งในหัว เขานึกถึงสายตาและรอยยิ้มของภรรยา รอยยิ้มที่มักจะฝืนไว้เวลาเขากลับบ้านดึกคำว่า “ไม่เป็นไร” ที่เธอพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกอย่างที่เขาเคยมองข้าม กำลังย้อนกลับมาเหมือนภาพซ้อนที่ชัดขึ้นเรื่อยๆ
“นี่สินะ ความรู้สึกของคนที่รอใครบางคนทั้งชีวิต แต่เขาไม่เคยมองเห็นเราเลย”
เสียงโทรทัศน์เงียบสนิท โต๊ะอาหารว่างเปล่าห้องครัวไม่มีแม้กลิ่นอาหาร ไม่มีกลิ่นขนมอบที่เธอชอบทำให้เขา
ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมหน้า กัดกรามแน่นอย่างอดกลั้น ความรู้สึกว่างเปล่ากลืนกินทั้งหัวใจ
ตอนนั้นเองเขาจึงเข้าใจว่าที่ผ่านมาเธอเจ็บปวดแค่ไหน เพราะตอนนี้เขาก็ไม่ต่างกันเลย
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เลื่อนดูข้อความที่หนักซ้าย ที่เธอส่งให้เขาเป็นสิบๆ ข้อความ โดยที่เขาได้แต่อ่านแล้วไม่ค่อยตอบกลับเธอ หากไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเขา
จนกระทั่งเขาเลื่อนเจอคลิปล่าสุดที่เธอส่งมา เสียงของเธอในคลิปดังขึ้นแผ่วเบา
“สุขสันต์วันครบรอบนะคะ แม้คุณจะลืมอีกปี แต่ฉันก็ยังอยู่ตรงนี้เหมือนเดิม”
เขาหลับตาแน่น น้ำเสียงนั้นอ่อนโยนจนบาดลึก
“เธอรักฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ฉันกลับทำอะไรลงไป”
คืนนั้นธาวินทร์ไม่ได้นอนแม้แต่นาทีเดียว ภาพรอยยิ้ม น้ำเสียง และดวงตาเจ็บปวดของเธอในวันสุดท้ายยังคงวนเวียนอยู่ในหัว และเขาก็รู้แล้วว่าเธอไม่ได้จากไปเพราะหมดรัก แต่เพราะเธอเหนื่อยเหลือเกินกับการรอคอยความรักจากคนที่ไม่เคยมองเห็น
เช้าวันรุ่งขึ้นเขาตัดสินใจขับรถไปมารดาบ้าน
“แม่ครับ…ช่วยผมหน่อยได้ไหม” เขานั่งลงตรงข้ามกับมารดาที่โต๊ะอาหารเช้า ผู้หญิงวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นมองลูกชาย ใบหน้าแสดงความประหลาดใจ
“ช่วยอะไร” เธอถามเสียงเรียบ กลัวเหลือเกินว่าลูกชายจะให้เธอช่วยเปิดใจยอมรับแม่ดาราสาวคนนั้น
“ผมอยากให้ดารัญกลับมา… ผมรู้แล้วว่าผมทำผิดอะไรไป ผมไม่เคยเห็นค่าของเธอเลยจนวันที่เธอไม่อยู่”
เธอวางช้อนลงอย่างใจเย็น มองหน้าลูกชายแน่วนิ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“แล้วลูกแน่ใจเหรอว่าอยากให้ดารัญกลับมาเพราะรักไม่ใช่เพราะรู้สึกผิด”
“ครับ ผมอยากไปขอโทษพ่อแม่ของดารัญด้วย ไปขอขมาพวกท่านและขอให้ดารัญกลับมา ครั้งนี้ผมจะจดทะเบียนสมรสกับเธอ” ทันทีที่ลูกชายพูดจบ กัลยาก็เงียบไป แววตานั้นฉายแววโกรธไม่น้อย
“แก่นี่นะ เมียแกไม่ยอมกลับมาฉันก็เข้าใจเลย” เธอพูดแล้วหายใจแรงด้วยความโกรธ
“อะไรครับ ผมไม่เข้าใจ”
“แก... หึ พ่อแม่เมียแกเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปตั้งแต่สองปีก่อนแล้ว แกเคยใส่ใจรู้เรื่องอะไรของดารัญบ้างไหม” กัลยาพูดขึ้นแล้วแทบจะร้องไห้สงสารอดีตลูกสะใภ้
เขานิ่งเงียบไปอย่างรู้สึกผิด
“บ้านหลังนั้นก็โดนญาติฝ่ายพ่อยึดไปแล้ว ดารัญไม่มีบ้านให้กลับด้วยซ้ำ ดีนะที่แกยังไม่เลวถึงขั้นไล่เมียไปตัวเปล่า ไม่อย่างนั้นฉันคงได้ยกมรดกของแกให้ดารัญไปแล้ว” กัลยาพูดไปน้ำตาก็คลอไปด้วยความเห็นใจครอบครัวของอดีตสะใภ้
ธาวินทร์ได้แต่นิ่งงัน ไม่คิดว่าตัวเองจะกลายเป็นคนที่เลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ ขนาดพ่อแม่ของภรรยาเสียชีวิตเขาก็ยังไม่รู้
“แต่เอาเถอะ แม่จะช่วยพูดให้ แต่แม่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาไหม เพราะแกทำเขาไว้เยอะเสียเหลือเกิน” กัลยาพูดด้วยความรู้สึกที่ลำบากใจ
“ขอบคุณครับแม่” เขาพูดเสียงเบา
“แม่หวังว่าแกจะทำสำเร็จนะ หนูดารัญเธอเป็นคนดีจริงๆ หาผู้หญิงดีๆ แบบนี้ไม่ได้อีกแล้วนะ”
“ผมจะพยายามครับ ดารัญรักผมมาก ผมเชื่อว่าเธอคงดีใจมากแน่ๆ หากว่าผมขอคืนดีกับเธอ” เขาได้แต่รับปาก แต่ไม่มั่นใจเอาเสียเลยว่าจะทำได้จริง
************************