บทที่สาม #ความฝันและความจริง

2230 คำ
‘พ่อคะ วันนี้หนูได้เป็นตัวแทนขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ด้วยล่ะค่ะ เพราะหนูสอบได้ที่หนึ่งของสายชั้น หนูเก่งไหมคะ’ ‘จริงเหรอ ลูกสาวพ่อเก่งจังเลย’ มือหนาผละจากพวงมาลัยเอื้อมมาลูบศีรษะลูกสาววัยสิบห้าปีด้วยความภูมิใจ รอยยิ้มเอ็นดูฉายบนใบหน้าเหนื่อยล้าของผู้เป็นพ่อ หญิงวัยกลางคนที่นั่งข้างคนขับหันกลับมายิ้มให้ลูกสาวพลางเอ่ยปากเอ่ยชม ‘ชมจันทร์ของแม่เก่งที่สุด พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวลูกมาก ๆ เลยจ้ะ’ เด็กสาวยิ้มแป้นด้วยความดีใจที่ได้รับคำชมจากทั้งคู่ เธอหยิบรูปถ่ายออกจากกระเป๋านักเรียนแล้วนำมาอวดพวกท่าน ‘นี่รูปถ่ายวันนี้ค่ะ คุณครูถ่ายให้หนูเพื่อเอากลับมาให้พ่อกับแม่ค่ะ ดูสิคะ หนูนี่ยิ้มไม่หุบเลยค่ะ แบบว่ายิ้มปากบานแบบนี้เลย’ เด็กสาวร่างตุ้ยนุ้ยฉีกยิ้มจนปากกว้างเลียนแบบตัวเองในรูป เสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีดังก้องไปทั่วทั้งรถ ทั้งพ่อและแม่พากันหันมาจับแก้มยุ้ย ๆ ของเธอด้วยความเอ็นดู ทว่าการกระทำนั้นกลับทำให้เกิดเรื่องราวแสนเศร้าที่เธอไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขมันได้อีกต่อไป ปรี้นนนนนนน!! ‘กรี๊ดดดดดดดด!’ เอี๊ยดดดดด!!! โครมมมมม!! หลังจากสิ้นสุดเสียงก้องกังวานและกลุ่มควันโขมงไปทั่วบริเวณ รถยนต์คันเล็กหงายท้องอยู่ตรงกลางถนน ภายในรถมีหนึ่งชีวิตกำลังพยายามลืมตา เธอมองแทบไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืดมิด ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกจากเสียงวิ้ง ๆ ในหู ร่างกายด้านชาไปหมดทุกส่วน ขยับตัวไม่ได้เลย แม้แต่จะสูดลมหายใจยังรู้สึกเจ็บ ภาพสุดท้ายที่เด็กสาวจำได้คือภาพของพ่อและแม่ที่ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน เธออยากจะกรีดร้องออกมาสุดเสียงแต่ทำไม่ได้ กระทั่งหมดสติไป… เฮือก… ดวงตาหวานเบิกโพลงพร้อมกับหอบหายใจแรง ๆ เธอฝันร้าย… มันเป็นฝันร้ายที่ฝังอยู่ในใจเธอมาตลอดเวลาหกปี เป็นความทรงจำแสนเลวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ ความรู้สึกปวดใจบีบรัดจนรู้สึกหายใจติดขัด ความรู้สึกอยากอาเจียนแล่นวาบเข้ามาจุกอก เธอลุกพรวดขึ้นรีบก้าวลงจากเตียงด้วยท่าทางทุลักทุเล แต่ด้วยน้ำหนักตัวที่มากเกินไปทำให้ร่างอวบเกือบจะเสียหลักล้มลงบนพื้น โชคดีที่เธอใช้สองมือยื้อเตียงเอาไว้ทันจึงไม่ได้กระแทกกับพื้นอย่างที่คิด ชมจันทร์ปิดปากตัวเองแน่นพยายามฝืนตัวเองทิ้งตัวลงคลานบนพื้นเย็นเฉียบเพื่อไปให้ถึงห้องน้ำ “โอ้ก…” เสียงอาเจียนดังออกมาจากห้องน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวแทบจะหมดแรงฟุบกับชักโครก เธอไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่จะลืมตาด้วยซ้ำ ความรู้สึกคลื่นเ**ยนตีวนอยู่ภายในกายจนอยากอาเจียนอีกรอบ ชมจันทร์พยายามลุกขึ้นยืนแต่ไร้เรี่ยวแรงเกินไป เธอจึงตัดสินใจคลานกลับมาที่เตียงแทน ความรู้สึกปวดท้องแล่นวาบเข้ามาทำให้เธอหยุดคลานและนั่งนิ่งกลางห้อง มือข้างหนึ่งทาบทับลงบนหน้าท้อง ความรู้สึกผิด เศร้า เสียใจ และอีกหลากหลายประเดประดังเข้ามาจนขอบตาร้อนผ่าว “ฮึก… ฮือ” เธอเริ่มร้องไห้อย่างหนัก ร้องให้กับชีวิตที่น่าสมเพชของตัวเอง เธอมันแย่… สิ่งที่เธอเกือบจะทำลงไปนั้นมันเลวร้ายมาก ๆ เธอเกือบจะพรากชีวิตตนเองและชีวิตน้อย ๆ ที่แสนบริสุทธิ์นี้ไปแล้ว “ขอโทษนะ… ฮือ แม่ขอโทษนะลูก” ครืด… ประตูห้องผู้ป่วยเปิดออกโดยไร้เสียงเคาะเรียกดวงตาฉ่ำวาวหันมอง ผู้มาใหม่ชะงักค้างหน้าประตูห้องและกำลังจ้องมองเธอเช่นกัน ร่างสูงรีบถลาเข้ามาหาหญิงสาวที่กำลังนั่งร้องไห้บนพื้นด้วยความตกใจทันที “คุณ… ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?” น้ำเสียงห่วงใยของเขาเรียกความทรงจำเลือนรางของชมจันทร์กลับมาแจ่มชัด เธอจำผู้ชายคนนี้ได้แล้ว เขาคือคนแปลกหน้าคนนั้น… คนที่ยื่นมือช่วยเหลือเธอทั้งที่เราไม่ได้รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมมานั่งร้องไห้บนพื้นล่ะครับ? คุณหกล้มเหรอ? เจ็บตรงไหนไหม? เดี๋ยวผมรีบตามหมอให้นะ!” เขายิงคำถามใส่เธอมากมาย ท่าทางและสีหน้าร้อนรนไปหมด ชมจันทร์รีบคว้าแขนแกร่งเพื่อหยุดร่างสูงที่กำลังพุ่งตัวออกจากห้องเอาไว้ เธอปาดน้ำตาข้างแก้มแล้วส่ายหน้าเบา ๆ “ฉะ ฉันไม่ได้หกล้มค่ะ อึก ฉันแค่… แค่ไม่มีแรง” เธอพูดไปสะอื้นไป จากความรู้สึกเศร้าเสียใจเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความอาย เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธออยู่ในสภาพที่ไม่น่าดูสุด ๆ ปกติเธอก็อัปลักษณ์อยู่แล้ว ยิ่งมาอยู่ในสภาพนี้คงยิ่งอัปลักษณ์เข้าไปใหญ่ เขาจะต้องรังเกียจเธอแน่… “ยะ… อย่างนั้นเองเหรอ เฮ้อ… ทำเอาผมตกใจแทบตาย” ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น สองมือยกขึ้นปิดหน้าด้วยความโล่งอก ภาพที่เห็นเมื่อครู่ทำสามภพตกใจมากจริง ๆ เขาคิดว่าเธอคงสะดุดล้มแรงมากแน่ ๆ ถึงได้ร้องไห้หนักขนาดนี้ เขากลัวว่าจะกระทบกระเทือนกับเด็กในท้องจนทำอะไรไม่ถูกเลย “…ขอโทษนะคะ” เธอก้มหน้าหลบสายตาเพราะไม่อยากให้เขาเห็นหน้าตาไม่น่าดูของตัวเอง “ขอโทษทำไมครับ คุณไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย มาครับ เดี๋ยวผมช่วยประคองนะ” สามภพเข้ามาประคองร่างอวบให้ลุกขึ้นยืน ตอนแรกชมจันทร์มีทีท่าจะปฏิเสธแต่พอเห็นสีหน้าจริงจังของเขาเธอจึงยอมให้เขาช่วยประคองมาจนถึงเตียง “ขอบคุณนะคะ ทั้งเรื่องที่ช่วยฉันไว้ที่สะพาน และก็เรื่องเมื่อกี้ด้วย…” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณเสียงผะแผ่วพลางก้มมองท้องตัวเองด้วยความเศร้าใจ เธอไม่มีอะไรตอบแทนผู้ชายคนนี้เลยนอกจากคำว่าขอบคุณ… เธอกับลูกเป็นหนี้ชีวิตเขาจริง ๆ หากไม่ได้เขาช่วยดึงเธอไว้และพามาส่งโรงพยาบาล ป่านนี้เธอกับลูกอาจจะ… ตกอยู่ในสภาพเลวร้ายกว่านี้ “ไม่เป็นไรเลยครับ ตอนนี้คุณทำใจให้สบายก่อนนะ เดี๋ยวผมเอาน้ำมาให้ แล้วเราค่อยมาคุยกันครับ” ชมจันทร์มองตามแผ่นหลังกว้างของร่างสูง เธอไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร เขาอยากจะคุยอะไรกับเธองั้นเหรอ? . . . “เอาล่ะ อย่างแรกเลยขอเรียกแทนตัวเองว่าพี่นะ ต้องขอโทษด้วยที่พี่บังเอิญเห็นอายุเราจากบัตรประชาชน” สามภพนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย เขาเริ่มพูดคุยกับหญิงสาวบนเตียงด้วยท่าทางผ่อนคลายและเป็นมิตร เพราะไม่อยากให้เธอรู้สึกกดดันหรือหวาดกลัวเขา เมื่อคืนหลังจากกลับบ้านไป สามภพคิดเรื่องของชมจันทร์ทั้งคืนจนนอนไม่หลับ วันนี้เขาจึงมาเยี่ยมเธอตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้ ตอนแรกเขายังคิดหาหนทางไม่ออก ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับผู้หญิงคนนี้ดี กระทั่งเข้ามาเห็นเธออยู่ในสภาพแบบเมื่อครู่นี้ เขาจึงตัดสินใจบางอย่างได้ “ไม่เป็นไรค่ะ คุณ… เอ่อ พี่เป็นคนช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันต้องขอบคุณพี่ด้วยซ้ำค่ะ” “ถ้างั้น… พี่ขอถามเธอสองสามเรื่องได้ไหม แต่คือ… ถ้าคำถามไหนไม่สบายใจจะตอบ ไม่ต้องตอบก็ได้นะ พี่ไม่ว่า” เขารีบโบกมือเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ถึงจะอยากรู้เรื่องเธอมากแค่ไหนแต่ก็ควรเคารพความเป็นส่วนตัวของเธอเช่นกัน “ค่ะ ถามมาได้เลยค่ะ” ตลอดการสนทนา ชมจันทร์ก้มหน้ามองฝ่ามือชื้นเหงื่อบนตักของตัวเองอยู่ตลอด เธอไม่แม้แต่จะเงยหน้าหรือหันมองสบตากับสามภพเลยสักนิด “คำถามแรก เธอมีชื่อเล่นหรือเปล่า? พี่หมายถึงชื่อชมจันทร์น่ะ มีชื่อเล่นแบบเรียกง่าย ๆ ไหม?” ยัยช้าง… ชื่อที่แปะบนหน้าผากเธอมาตลอดเวลาหลายปีลอยเข้ามาในความคิด หญิงสาวหลับตาสะบัดชื่อนั้นทิ้งก่อนเอ่ยชื่อเล่นตนเองออกมาแผ่วเบา “ชม… เรียกชมก็ได้ค่ะ” “อืม ชมสินะ เข้าใจแล้ว งั้นคำถามต่อไป… ชมมีบ้านให้กลับไปหรือเปล่า?” คำถามข้อนี้เรียกความอ้ำอึ้งจากร่างบนเตียงแทบจะทันที ชมจันทร์ก้มหน้ามากกว่าเดิมจนเส้นผมสีดำปรกลงมาปิดแก้มยุ้ยทั้งสองข้าง สามภพหรี่ตามองเธอโดยไม่ถามอะไรกดดันต่อ ปล่อยให้เธอตัดสินใจด้วยตนเองว่าอยากจะตอบคำถามเขาหรือไม่ “…มะ ไม่มีค่ะ” ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปชั่วขณะ มันไม่ได้เหนือจากความคาดหมายของเขาหรอก เพียงแต่พอได้ฟังจากปากเธอตรง ๆ แล้วมันอดรู้สึกสะท้อนในใจไม่ได้ อยู่ ๆ ภาพตนเองในอดีตโผล่แวบเข้ามา เขาหลับตาสะบัดภาพนั้นทิ้งลืมตามองชมจันทร์อีกครั้ง “แล้วมีที่ไปหรือยัง?” คราวนี้ร่างบนเตียงส่ายหน้าแทนคำตอบ ผมยาวสีดำพลิ้วไหวตามแรงสะบัด “โอเค งั้นคำถามสุดท้าย…” “…” “สนใจไปอยู่กับพี่ไหม?” เขาว่ายังไงนะ… ชมจันทร์เงยหน้าหันมองสามภพด้วยแววตาประหลาดใจสุดขีด เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองสบตากันตรง ๆ ชายหนุ่มนิ่งงันราวกับถูกบางอย่างจากดวงตาคู่สวยดึงดูดโดยไม่รู้ตัว “หมายความว่ายังไงคะ… พี่ชวนฉันไปอยู่ด้วยเหรอคะ? หมายถึงอยู่กับพี่?” คนถูกถามหลุดจากภวังค์กลับมาโฟกัสใบหน้าซีดเซียวของผู้หญิงตรงหน้าอีกครั้ง คิ้วเข้มขมวดนิด ๆ “พี่หมายถึงไปอยู่ที่ร้านอาหารพี่ไหม พี่เปิดร้านอาหารเล็ก ๆ ไม่ไกลจากที่นี่ แล้วที่นั่นก็ยังขาดพนักงานอยู่ พี่มีที่พัก มีเงินเดือน มีอาหารให้ครบสามมื้อ อ้อ แล้วมีวันหยุดให้ด้วยนะ ถ้าเราสนใจจะทำพี่ยินดีต้อนรับเลย” เขาพูดอย่างกระตือรือร้นเหมือนเซลล์ขายตรงไม่มีผิด ชมจันทร์รู้สึกสนใจกับข้อเสนอของสามภพอย่างมาก เธอกำลังมองหางานที่สามารถพักอาศัยได้อยู่พอดี แถมที่นั่นยังมีวันหยุดและอาหารสามมื้อให้อีกต่างหาก เพียงแต่ว่า… “ฉันสนใจงานนั้นนะคะ แต่ว่า… ฉันกลัวว่าจะทำงานได้ไม่เต็มที่” เพราะช่วงนี้เธอแพ้ท้องหนักมาก เธอกลัวว่าจะทำงานให้สามภพไม่คุ้มค่าจ้าง “ถ้าฉันจะขอทำงานแลกกับที่พักและอาหาร ส่วนเรื่องเงินเดือนพี่ไม่ต้องให้ฉันก็ได้ พี่จะโอเคไหมคะ?” “ไม่โอเคสิครับ” เสียงทุ้มตอบกลับอย่างไม่ต้องคิด เขาทำหน้าดุใส่เธอ “ถ้ากังวลเรื่องเด็กในท้อง หรือเรื่องแพ้ท้องละก็ ไม่ต้องคิดมากเลยนะ พี่ไม่ได้จะพาเราไปทำงานหนัก แต่จะให้เราเป็นแคชเชียร์หน้าเคาท์เตอร์ เอ่อ พอดีพี่บังเอิญเห็นบัตรนักศึกษาของเราด้วยก็เลยรู้ว่าเราเรียนคณะบัญชี” ชมจันทร์ถึงกับนิ่งงันพูดไม่ออก กระเป๋าสตางค์ของเธอนอกจากบัตรประชาชนกับเงินสดแล้วยังมีบัตรนักศึกษาที่เธอตัดใจทิ้งไม่ลงเลยพกติดตัวมาด้วย และเธอก็เรียนคณะบัญชีอยู่จริง ๆ แถมงานด้านบัญชีถือเป็นงานถนัดของเธอเลยด้วย สามภพนั่งนิ่งไม่พูดอะไรอีก ปล่อยให้ชมจันทร์ครุ่นคิดตัดสินใจด้วยตนเอง เขาเพียงมองเธอเงียบ ๆ ไม่กดดันและไม่ก้าวก่าย “ฉันขอถามสักอย่างได้ไหมคะ?” หลังจากเงียบไปหลายนาที เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความแผ่วเบา เธอยังคงก้มหน้ามองมือตัวเองเหมือนเคย “ได้สิ พี่ถามไปตั้งหลายข้อ ให้เราถามกลับหลายข้อยังได้” ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มแน่นอย่างลังเล ก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาในใจ “ทำไมพี่ถึงช่วยคนอย่างฉันเหรอคะ…” “คนอย่างฉันนี่มันหมายความว่ายังไง? คนอย่างชมมันเป็นยังไง ต่างจากคนอย่างพี่ยังไงเหรอ?” สามภพไม่ได้ตั้งใจจะกวนประสาทนะ แต่เขาสงสัยในสิ่งที่ถามจริง ๆ เขาไม่รู้หรอกว่าที่ผ่านมาชมจันทร์พบเจออะไรมาบ้าง แต่หลังจากนี้เขาจะช่วยให้เธอได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ได้เดินเส้นทางใหม่ ไม่ต้องกลับไปจมปลักกับอดีตที่ไม่น่าจดจำนั่นอีก ถ้าถามว่าทำไมเขาถึงอยากจะช่วยเธอ คำตอบเดียวเลย ใช่… เขาสงสาร ทั้งสงสารเด็กในท้องของเธอ และสงสารเธอด้วย เขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งนะ จะให้เขาปล่อยผู้หญิงท้องไร้ที่ไปทิ้งไว้โดยไม่สนใจได้ยังไงในเมื่อเขามีหนทางพอจะช่วยเหลือเธอได้แท้ ๆ “ไม่ใครบนโลกใบนี้ที่ไม่สมควรได้รับโอกาสหรอกนะ ทุกคนล้วนเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ… เธอก็เช่นกัน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม