บทที่ห้า #พลัด

2320 คำ
“แล้วนี่เรากำลังจะไปไหนกันเหรอคะ?” ชมจันทร์มองข้างทางที่ไม่ใช่ทางกลับร้านก่อนหันมาเลิกคิ้วถามคนขับข้างกาย “ตอนนี้เที่ยงแล้วพี่ว่าจะแวะทานข้าวกับซื้อของนิดหน่อย จริงสิ ลืมถามว่าเราเดินไหวไหม? ถ้าไม่งั้นพี่จะได้พากลับร้านเลย” เขาลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินไหว วันนี้ไม่ค่อยมีอาการสักเท่าไหร่ พี่แวะได้ตามสบายเลยค่ะ” ชมจันทร์ยิ้มตอบ สามภพมองเธออย่างครุ่นคิดชั่วครู่ “ถ้าไม่ไหวรีบบอกพี่เลยนะ อย่าฝืน” หลังจอดรถเสร็จ ทั้งสองเดินคู่กันจากลานจอดรถเข้ามาภายในห้างสรรพสินค้า ชมจันทร์เปลี่ยนเป็นเดินตามหลังร่างสูงเพื่อให้เกียรติเขา เธอไม่อยากให้เขาตกเป็นเป้าสายตาหากต้องเดินเคียงคู่กับผู้หญิงรูปลักษณ์แบบเธอ ทว่าสามภพกลับไม่สนใจสายตาใคร เขาชะลอฝีเท้าลงและถอยมาเดินด้านข้างหญิงสาว “หิวไหม?” “ยะ ยังค่ะ พี่ซื้อของก่อนก็ได้ค่ะ” เธอก้มหน้าตอบ “งั้นเราไปซื้อของกันก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยหาอะไรกิน” ชมจันทร์เดินตามร่างสูงมาเรื่อย ๆ โดยไม่ได้สังเกตรอบตัว กระทั่งมาหยุดหน้าร้านโทรศัพท์แบรนด์ดัง เธอถึงยอมเงยหน้ามองคนข้างกาย “เรายังไม่มีโทรศัพท์ใช่ไหมล่ะ พี่เลยตั้งใจจะพามาซื้อ” “ซื้อเหรอคะ? มะ ไม่จำเป็นก็ได้มั้งคะ” เธอรีบปฏิเสธทันที “ไม่จำเป็นอะไรกัน พนักงานในร้านจำเป็นต้องมีโทรศัพท์ทุกคนนะ มันสะดวกเวลาติดต่อ อีกอย่างเราควรมีเบอร์ติดต่อส่วนตัวให้โรงพยาบาลด้วย” สามภพยกเหตุผลจำเป็นขึ้นมาทำให้ชมจันทร์ยากจะปฏิเสธอีก เธอเหลือบสายตามองป้ายแบรนด์ดัง สีหน้าลำบากใจสุด ๆ “ถ้ากังวลเรื่องเงิน เดี๋ยวพี่จ่ายให้ก่อนแล้วค่อยมาทยอยหักจากเงินเดือนทีหลังดีไหม? เราจะได้สบายใจกว่าด้วย” “ถ้างั้นก็ได้ค่ะ แต่ขอเป็นรุ่นเก่า ๆ ไม่ต้องแพงมากนะคะ เพราะคงไม่ค่อยได้ใช้อะไรนอกจากรับสายโทรออกค่ะ” เจ้านายหนุ่มยิ้มพอใจกับคำตอบของหญิงสาว จากนั้นไม่นานชมจันทร์ก็ได้รับโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่มาครอบครอง แม้จะไม่ใช่รุ่นใหม่สุดหรูราคาแพงแต่ก็ไม่ใช่รุ่นเก่าราคาถูกอย่างที่เธอต้องการเช่นกัน เมื่อครู่ตอนได้ยินราคาเธอตกใจแทบช็อคแน่ะ “นะ นี่มันไม่แพงไปหน่อยเหรอคะ?” ตั้งหมื่นกว่าบาทเลยแน่ะ… “ถูกใจไม่มีคำว่าแพงหรอก อีกอย่างรุ่นนี้ใช้ดี ใช้ทน ใช้ได้นาน ๆ ไม่พังง่ายนะ มีรับประกันอีกต่างหาก เหมาะสมราคาแล้ว” เธอต้องโดนหักเงินอีกกี่เดือนกันเนี่ยกว่าจะชดใช้ค่าโทรศัพท์เครื่องนี้หมด เฮ้อ… “เราจะไปไหนกันต่อเหรอคะ?” เธอถามเมื่อสามภพพาเดินลงบันไดเลื่อนมาชั้นร้านอาหาร “ทานมื้อเที่ยงไง” “เอ๊ะ แต่พี่ยังไม่ได้แวะซื้อของเลยนี่คะ” “ก็นี่ไง” ร่างสูงโค้งตัวลงมาหาคนตัวเล็กกว่าพลางชี้ถุงโทรศัพท์ในมือเธอ “ของที่พี่จะแวะซื้อ” อ่า… ที่แท้เขาตั้งใจพาเธอมาซื้อโทรศัพท์นี่เอง “ถ้างั้นพวกเรากลับไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านกันดีไหมคะ ทั้งอร่อย ทั้งไม่เปลืองเงินด้วย” ชมจันทร์เบือนหน้าหนีชวนคุยเปลี่ยนเรื่อง ตอนนี้เธอสังเกตเห็นสายตาของคนรอบข้างที่บางคนแอบมองมาทางนี้แล้วหันไปซุบซิบกันด้วย สายตาของคนพวกนั้นเป็นสายตาที่เธอคุ้นชินแล้ว แต่กับร่างสูงข้างกาย เธอไม่แน่ใจ… “เอางั้นเหรอ? ไม่อยากทานของอร่อย ๆ ที่นี่บ้างเหรอ? อย่างซูชิ พิซซ่า ชาบู บาบีคิวเยอะแยะไปหมด ไม่อยากทานเหรอ?” ถ้าเป็นเมื่อก่อนของเหล่านั้นเรียกว่าเป็นของโปรดของเธอเลย แต่ตอนนี้เพียงแค่ได้ยินชื่อเธอก็รู้สึกอยากอาเจียนแล้ว “อุ๊บ… หะ ห้องน้ำอยู่ไหนคะ?” ความคลื่นเ**ยนตีขึ้นมาจุกอกกะทันหัน ชมจันทร์มองหาห้องน้ำและรีบวิ่งไปทางนั้นทันที เธอไม่ได้มองว่าสามภพเดินตามมาหรือไม่ ตอนนี้สิ่งที่จุกตรงลำคอมันพร้อมจะพุ่งออกมาแล้ว เฮ้อ… หลังจากอาเจียนน้ำเปล่าออกมาจนน้ำหูน้ำตาไหล ร่างอวบทิ้งตัวนั่งลงบนชักโครกเพื่อหอบหายใจ วันนี้อุตส่าห์คิดว่าคงไม่มีอาการแพ้แล้ว ที่ไหนได้… วิ่งเข้าห้องน้ำเกือบไม่ทันซะแล้วไหมล่ะ! ชมจันทร์จัดการธุระส่วนตัวเสร็จจึงเดินออกจากห้องน้ำ เธอมองซ้ายมองขวาเพื่อหาร่างสูงของเจ้านายหนุ่ม ทว่ามองยังไงก็หาไม่เจอจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ออกจากกระเป๋า ก่อนหน้านี้สามภพบันทึกเบอร์โทรของเขาให้แล้ว แถมยังตั้งปุ่มโทรออกฉุกเฉินเอาไว้ให้ด้วย เขาเป็นคนรอบคอบมากจริง ๆ ร่างอวบยืนถือโทรศัพท์แนบใบหูขณะสองตาพยายามสอดส่ายไปด้วย เสียงรอสายดังเพียงสองครั้งปลายสายจึงกดรับ “พี่ภพอยู่ตรงไหนเหรอคะ?” [อ้อ โทษทีนะ พอดีพี่เห็นของน่าสนใจเลยเข้ามายืนเลือกอยู่ในร้านน่ะ อยู่แถว ๆ ห้องน้ำนั่นแหละ ชื่อร้านเบบี้สไมล์] ดวงตาหวานหยุดสายตามองป้ายร้านตามปลายสายบอก เธอก้าวเดินไปทางหน้าร้านทันที ทว่าไม่ทันระวังถูกใครอีกคนเดินชนเข้าอย่างจัง แต่ด้วยความที่เธอตัวใหญ่จึงไม่ได้เสียหลักล้ม ส่วนคนที่เข้ามาชนกลับเป็นฝ่ายล้มซะเอง ถึงอย่างนั้นแรงชนเมื่อครู่ก็ไม่เบาเลย “โอ๊ย…” “อ๊ะ!” ร่างที่ล้มลงบนพื้นอุทานออกมาคำหนึ่ง เธอคือหญิงสาวหน้าตาสะสวยสวมใส่เสื้อผ้าราคาแพง “บ้าจริง! ตัวก็ใหญ่ยังจะมายืนเกะกะอีก!” คำสบถแสนหงุดหงิดและหยาบคายที่ไม่เหมาะกับหน้าตาสะสวยหลุดออกมาจากริมฝีปากสีสด ชมจันทร์ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับเพียงมองเธอคนนั้นลุกขึ้นยืนแล้วเดินจ้ำอาวหนีไป ตอนแรกที่โดนชนชมจันทร์ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร แต่พอผ่านไปไม่ถึงนาทีความรู้สึกจุกเสียดท้องแล่นวาบขึ้นมาจนรู้สึกตัวชา เมื่อครู่เธอโดนศอกของผู้หญิงคนนั้นกระแทกใส่ ความแรงแค่ไหนก็ดูจากการที่คนพุ่งเข้ามาชนเสียหลักล้มลงไปสิ คราวนี้ต้องขอบคุณความอวบอ้วนของตนเองจริง ๆ ที่ทำให้เธอไม่เสียหลักล้มลงบนพื้น ไม่อย่างนั้นเธอคง… ไม่อยากจะคิดเลยจริง ๆ ตึก ตึก ตึก “เกิดอะไรขึ้นเหรอชม?” เสียงฝีเท้าหนัก ๆ วิ่งออกมาจากในร้าน สามภพได้ยินเสียงร้องของเธอดังจากในสาย ด้วยความเป็นห่วงจึงรีบวิ่งออกมาดู และภาพที่เห็นก็ทำหัวใจเขาหล่นลงพื้นแล้ว “เป็นอะไร? เจ็บตรงไหน? ปวดท้องเหรอ?” “มะ ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่โดนชนแรงไปหน่อยก็เลยรู้สึกจุกเสียด” “โดนชน? ใครชน? คนชนหายไปไหนแล้ว?” สามภพมองหาต้นเหตุของเรื่องที่เดินหนีไปแล้ว ตอนนี้คนอื่น ๆ เริ่มหันมาสนใจทั้งคู่ ชมจันทร์ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตามากกว่านี้จึงจับแขนเขาแล้วเอ่ยเบา ๆ “ช่างเถอะค่ะ เรากลับกันเลยได้ไหมคะ ตอนนี้ฉันรู้สึกเพลียมากเลย” “ได้ ๆ งั้นเรากลับกันเลย” มือหนาจับแขนหญิงสาวจะช่วยประคอง เธอแตะมือเขาเบา ๆ เป็นเชิงบอกว่าตัวเองเดินไหว สามภพขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยอมผละมือออกโดยง่าย จังหวะทั้งสองกำลังเดินลงบันไดเลื่อน ดวงตาหวานบังเอิญสบเข้ากับดวงตาคมเข้มของใครคนหนึ่งซึ่งกำลังยืนอยู่บันไดเลื่อนฝั่งขาขึ้น เธอเบิกตากว้าง หัวใจแทบหยุดเต้น คาดไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอเขาคนนั้นในสถานที่แบบนี้ แดนรบจ้องมองหญิงสาวที่กำลังยืนนิ่งอยู่บนบันไดเลื่อนฝั่งขาลง ตอนแรกเขาไม่ได้ตั้งใจจะมอง แค่สายตาบังเอิญกวาดไปเจอพอดี แต่พอเห็นดวงตาหวานคู่นั้นมีแววตื่นตระหนกยามสบตากับเขา คิ้วเข้มขมวดหน่อย ๆ ด้วยความแปลกใจ เขามั่นใจว่าตนเองไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้น… แล้วทำไมเธอถึงทำสีหน้าแบบนั้นยามสบตากับเขาล่ะ? ขณะบันไดเลื่อนทั้งสองกำลังจะเคลื่อนผ่านกัน ชมจันทร์เป็นฝ่ายเบี่ยงตัวหลบ เธอจงใจหันหน้าไปอีกฝั่ง ท่าทางแปลก ๆ นั้นตกอยู่ในสายตาแดนรบตลอดเวลา ดวงตาคมกริบหรี่มองกระทั่งหญิงสาวเคลื่อนผ่านไปแล้วเขาก็ยังเหลียวหลังมองไม่ยอมละสายตา “ผู้หญิงคนนั้น…” “มีอะไรเหรอ” กวินน์มองตามสายตาเจ้านายหนุ่ม เขาไม่เคยเห็นแดนรบสนใจคนรอบข้างมาก่อน ปกติเวลามาสถานที่คนพลุกพล่านแบบนี้ซีอีโอหนุ่มผู้งานยุ่งตลอดเวลาแทบไม่เงยหน้าจากโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำ ร่างสูงก้าวเท้าออกจากบันไดเลื่อนแล้วหันมองร่างอวบคุ้นตาของหญิงสาวคนเมื่อครู่ ยิ่งเห็นว่าเธอรีบเร่งเดินลงจากบันไดเลื่อนคล้ายกำลังหนีอะไรบางอย่าง… เขาก็ยิ่งรู้สึกค้างคาใจ “อ้าว นายจะไปไหน? ลานจอดรถอยู่ชั้นนี้นะ” เลขาหนุ่มรั้งแขนเจ้านาย วันนี้ทั้งคู่มีนัดคุยงานกับลูกค้าที่ร้านอาหารในห้างแห่งนี้ หลังทานมื้อเที่ยงเสร็จต้องรีบกลับไปประชุมช่วงบ่ายต่ออีกยาว แต่จู่ ๆ คนตรงเวลาอย่างแดนรบกลับทำอะไรนอกเหนือตารางงานซะอย่างนั้น “ฉันคาใจ ผู้หญิงคนนั้นคุ้นมาก เหมือนฉันเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก” แดนรบพึมพำขณะก้าวยาว ๆ ลงบันไดเลื่อน กวินน์จำใจก้าวตามหลังอย่างเสียไม่ได้ โดยไม่ลืมก้มศีรษะขอโทษขอโพยคนอื่น ๆ บนบันไดเลื่อนแทนเจ้านายด้วย “คิดว่าเธอคือผู้หญิงคนนั้นเหรอ?” กึก… คราวนี้ร่างสูงชะงักฝีเท้าแทบจะทันที เขาหันขวับมองเลขาคนสนิท ความรู้สึกใจหายแล่นวาบเข้ามา ทำไมเขาถึงนึกไม่ออกกันนะ! ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นคนเดียวกันกับเธอคนนั้นแน่ ๆ! ไม่อย่างนั้นเธอจะมีท่าทางตื่นตระหนกตอนเห็นหน้าเขาทำไม… เขาพลาดอีกแล้ว… เขาพลัดจากเธอไปอีกแล้ว! “บ้าเอ๊ย… ไปเช็คกล้องวงจรปิดเดี๋ยวนี้เลย! ตามหาทะเบียนรถเธอให้ได้ หารูป หาคลิป หาเบาะแสหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น!” แดนรบรู้สึกหงุดหงิดอย่างที่สุด เขาตามมาถึงลานจอดรถแล้วแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอคนนั้น ทางเดียวที่จะหาเธอได้ก็คือภาพจากกล้องวงจรปิด กวินน์ไม่ต้องรอคำสั่งซ้ำ เขาปลีกตัวหายไปในทันที ปล่อยให้เจ้านายหนุ่มยืนสูบบุหรี่หมดไปเป็นสิบมวนกว่าเขาจะกลับมาพร้อมข้อมูลที่น่าพอใจ “เธอขึ้นรถป้ายทะเบียน xx990 ไป” “ใครเป็นเจ้าของรถ?” น้ำเสียงทุ้มเคร่งขรึมผิดกับแววตาเย็นเหยียบ “เจ้าของรถชื่อนายสามภพ หัสดีธร ตอนนี้กำลังตามสืบอยู่ว่าเป็นใครและอยู่ที่ไหน” “ดี ตามต่อไป หาเธอให้เจอ” สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจตอนนี้ก็คือ… ผู้หญิงคนนั้นกำลังหนีเขา! แดนรบมั่นใจว่าเธอจำเขาได้แน่ ๆ จากสีหน้าและแววตาตื่นตระหนกคู่นั้น ไม่มีทางผิดไปจากที่เขาคิดแน่ ประเด็นก็คือ… เธอหนีเขาทำไม? “เธอจะใช่ผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ เหรอ?” คำถามของกวินน์เรียกสายตาคมปราดมอง หากเขาเป็นเพียงลูกน้องของแดนรบ เขาคงจะเกรงกลัวต่อสายตาคู่นี้ ทว่าเพราะทั้งคู่เติบโตมาด้วยกันจึงรู้นิสัยของกันและกันดี กวินน์รู้ลิมิตของแดนรบดีว่ามีกี่ระดับ ระดับไหนที่แตะได้ และระดับไหนที่ไม่ควรแตะ “ฉันมั่นใจ” “ถ้างั้นทำไมเธอถึงหนีนายล่ะ เป็นไปได้ไหมว่าคืนนั้นอาจไม่มีอะไรเกิดขึ้น?” “ไม่มีทาง!” เสียงเข้มแย้งขึ้นเสียงดัง เขามั่นใจว่าคืนนั้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเกิดขึ้นแน่นอน เพราะถึงเขาจะเมามากแทบไม่ได้สติ แต่ร่างกายเขาไม่ได้ตายด้านนะ แถมตอนตื่นขึ้นมาบนพื้นพรมยังมีร่องรอยสวาทปะปนกับคราบเลือดจาง ๆ หลงเหลืออยู่ด้วย “งั้นก็แปลก… เธอกับนายพลัดกันครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ต่างจากแมวไล่จับหนู แถมหนูตัวนี้ก็ยังหนีเก่งซะด้วย” “ฮึ ให้มันรู้กันไปว่าเธอจะหนีฉันไปได้สักเท่าไหร่ ไม่ว่ายังไงฉันต้องตามเธอเจอแน่ อยากจะรู้นักว่าทำไมถึงหนีฉัน ถ้าแบล็คเมลฉันยังพอเข้าใจ แต่นี่เล่นหนีไปต่อหน้าต่อตา มันน่าโมโหจริง ๆ” ตอนแรกเขาตามหาผู้หญิงคนนั้นเพราะต้องการจะปิดปากเธอให้สนิท ไม่อยากให้เธอเอาเรื่องคืนนั้นมาข่มขู่เขาในอนาคต ทว่าตอนนี้เขากลับอยากตามหาเธอให้เจอ และถามเธอว่าทำไมถึงหนีเขา? ทำไมถึงหายตัวไป? ทำไมถึงไม่มาเรียกร้องอะไรเลย? หรือว่าพรหมจรรย์ของเธอมันไม่สำคัญ? และที่สำคัญ… เขาอยากรู้ว่าเธอคือใครกันแน่!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม