‘ชมจันทร์’ คือชื่อจริงที่ไม่มีใครเรียกเธอมาหลายปีแล้ว ทุกคนรอบตัวมักเรียกเธอว่า ‘ยัยช้าง’ จนบางคนเข้าใจว่านั่นมันคือชื่อจริงของเธอ ปีนี้ชมจันทร์อายุครบยี่สิบเอ็ดปี เธอเรียนอยู่ปีสาม คณะอักษรศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เธออาศัยอยู่กับน้าสาวซึ่งเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของแม่มาตั้งแต่อายุสิบห้า หลังจากพ่อแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ น้าสาวไม่ได้เต็มใจจะรับเธอมาเลี้ยงดู แต่เพราะเงินประกันจำนวนมากที่ได้รับจากการเสียชีวิตของพ่อแม่ทำให้น้าสาวจำใจเซ็นชื่อเป็นผู้ปกครองของเธอ
ตลอดเวลาหกปีที่ผ่านมาชมจันทร์อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มีสถานะไม่ต่างจากคนรับใช้ ห้องนอนของเธอคือห้องเก็บของเล็ก ๆ ภายในซอกหลืบของบ้าน เธอต้องทำงานบ้านเพื่อแลกกับอาหารและที่อยู่อาศัย เธอส่งเสียตัวเองเรียนตั้งมัธยมต้นเพราะไม่ได้รับเงินประกันจากน้าสาวสักบาท เธอพยายามอย่างหนักเพื่อสอบชิงทุนในระดับมหาวิทยาลัย ความอดทนและความเพียรพยายามของเธอเดินทางมาถึงปีสุดท้ายแล้ว ขอเพียงแค่เธอเรียนจบปริญญาตรีและได้งานทำดี ๆ เธอก็จะสามารถย้ายออกไปอยู่คนเดียวได้
ทว่า…
ดวงตาหวานจับจ้องขีดสีแดงจาง ๆ สองขีดที่ปรากฏอยู่บนชุดตรวจครรภ์ในมือ ความรู้สึกชาดิกตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย ร่างอวบอัดทรุดฮวบนั่งลงบนชักโครกด้วยความอ่อนแรงราวกับโลกทั้งใบกำลังพังทลาย
นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน…
เธอ… เธอท้อง!
ปัง ๆ ๆ ๆ
“แกตกส้วมตายแล้วหรือไงยัยช้าง! รีบออกมาสักที! ฉันต้องแช่ตัวนะยะ! ถ้าพรุ่งนี้ผิวฉันไม่เปล่งปลั่งตอนไปมอ ฉันจะเผาเสื้อผ้าแกทิ้งให้หมดเลยคอยดู!” เสียงเล็กแหลมแผดลั่นหลังบานประตูห้องน้ำ ชมจันทร์สะดุ้งฮือด้วยความตกใจ เธอปาดหยาดน้ำตาออกจากแก้มยุ้ย ๆ แล้วใส่ชุดตรวจครรภ์กลับเข้าไปในกล่องก่อนซ่อนมันไว้ใต้เสื้อตัวหนา
แกร๊ก
“ขอโทษที ฉะ ฉันท้องเสียน่ะ” ชมจันทร์ก้มหน้าก้มตาเดินออกจากห้องน้ำแล้วรีบตรงเข้าห้องนอนตัวเองทันที อลิสา ลูกสาวเพียงคนเดียวของบ้านหลังนี้และมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของชมจันทร์ปรายตามองอย่างไม่สบอารมณ์
“น่ารำคาญตาชะมัด เมื่อไหร่แกจะย้าย ๆ ออกไปจากบ้านฉันสักทีนะ ฉันอายจะแย่อยู่แล้วที่ต้องอยู่ร่วมชายคากับยัยช้างอัปลักษณ์อย่างแก แม่นะแม่ คิดว่าบ้านเราเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือไง ลำพังแค่ลูกตัวเองยังเลี้ยงให้สุขสบายไม่ได้ ยังจะรับลูกคนอื่นมาเลี้ยงอีกทำไมก็ไม่รู้ ชิ!”
ปัง!
ชมจันทร์ชะงักมือจับลูกบิดประตู เธอมองประตูห้องน้ำที่ปิดลงด้วยความรุนแรง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องฟังเรื่องพวกนี้ อลิสามักพูดแบบนี้ทุกครั้งที่ไม่พอใจหรือไม่สบอารมณ์และมักจะสรรหาคำด่าทอมากมายมาบั่นทอนจิตใจของเธออยู่เสมอ
“อุบ…” ความคลื่นเ**ยนตีขึ้นมาจุกอก ร่างอวบรีบวิ่งเข้ามาในห้องคว้าถังขยะเพื่ออาเจียน เธอทรุดตัวลงบนพื้นขณะอาเจียนออกมาไม่หยุด เธอมีอาการแบบนี้มาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ตอนแรกคิดว่าตัวเองแพ้อาหาร แต่เริ่มเอะใจเพราะประจำเดือนเลื่อนมาสองสัปดาห์แล้ว และเธอจะไม่กังวลเลยสักนิดถ้าเมื่อเกือบสองเดือนก่อนไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น
ผ่านมาเกือบสองเดือนแล้ว…
หลังจากชมจันทร์ออกมาจากบ้านหลังนั้น เธอเก็บตัวอยู่ในห้องสองวันโดยไม่ออกไปไหน ไม่แม้แต่จะทานอะไรจน อลิยา น้าสาวของเธอมาอาละวาดหน้าประตู เธอจึงต้องออกมาทำงานบ้าน ทำอาหาร และกลับไปทำงานพาร์ทไทม์เช่นเดิม
ชมจันทร์ดำเนินชีวิตต่อไปโดยเลี่ยงที่จะเดินเข้าบ้านจากหน้าปากซอย เพราะเธอไม่อยากผ่านหน้าบ้านหลังนั้น ไม่อยากนึกถึงเรื่องวันนั้นอีก เธอเลือกเดินอ้อมเข้าบ้านจากอีกซอยแทน เธอใช้ชีวิตแบบนั้นมาตลอดเวลาเกือบสองเดือนแล้ว
หลังจากอาเจียนอาหารมื้อเย็นออกมาจนหมด ร่างอวบอัดทิ้งกายนอนแผ่หลาบนพื้นเย็นเหยียบ ดวงตาหวานลืมตามองเพดานด้วยความรู้สึกมืดแปดด้าน มือข้างหนึ่งวางทาบทับลงบนหน้าท้องอวบหนาที่เต็มไปด้วยไขมัน
“ลูกงั้นเหรอ…”
ตอนนี้อารมณ์ของชมจันทร์ตีรวนไปหมด ทั้งหวาดกลัว ตกใจ และน่าอัศจรรย์ เธอหวาดกลัวที่อนาคตของตัวเองกำลังจะดับลงเพราะความผิดพลาดในครั้งนี้ เธอตกใจกับเรื่องราวที่มันพุ่งเข้ามาใส่อย่างกะทันหัน และเธอรู้สึกอัศจรรย์ที่ภายในตัวของเธอกำลังมีชีวิตน้อย ๆ ชีวิตหนึ่งกำเนิดขึ้นมา
ทำยังไงดี… แม่คะ… หนูควรทำยังไงดีคะแม่…
.
.
.
“เรื่องนั้นคืบหน้าบ้างหรือยัง”
ทันทีที่ออกจากห้องประชุม CEO หนุ่มวัยยี่สิบสี่ยกมือขึ้นปลดกระดุมสูทแล้วคลายเนกไทออก ร่างสูงทิ้งตัวลงบนโซฟารับแขกภายในห้องทำงานส่วนตัว เขาเหนื่อยล้าจนอยากจะหาอะไรมาดื่มดับกระหาย แต่ต้องหักห้ามใจ เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่แตะแอลกอฮอล์อีกถ้าไม่จำเป็น
“ยังตามหาไม่เจอ ไม่มีเบาะแสอะไรเลยเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น ฉันเช็คกล้องวงจรปิดแถวบ้านนายก็ไม่เห็นเธอปรากฏตัวแถวนั้นเลย” กวินน์ เลขาคนสนิทและยังเป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กของซีอีโอหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม เป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้วที่ชีวิตเขาไม่ได้อยู่นิ่งเลย เพราะเจ้านายตัวดีตรงหน้าดันหางานเพิ่มให้ แถมยังเป็นงานยากซะด้วย
“คนทั้งคน แถมยัง… ตัวใหญ่ขนาดนั้น อยู่ดี ๆ จะหายไปได้ยังไง” ซีอีโอหนุ่มทำเสียงฮึดฮัด อยากจะโวยก็โวยได้ไม่เต็มปาก มันทั้งน่าโมโหและน่าอายในคราวเดียวกัน
ย้อนกลับไปเมื่อเกือบสองเดือนที่แล้ว เขาถูกคู่ค้าสาวคนหนึ่งมอมเหล้า ไม่สิ ไม่ใช่แค่มอมเหล้า แต่โดนมอมยาเลยด้วยซ้ำ โชคดีที่เขาไหวตัวทันขับรถกลับมาบ้านได้สำเร็จ แต่หลังจากจอดรถสติอันน้อยนิดของเขาดับวูบไป จากนั้นสติมันมา ๆ หาย ๆ เลือนรางไปหมด เขาจำอะไรแทบไม่ได้ จำได้แค่ความรู้สึกสุขสมยามได้ปลดปล่อยและเสียงสะอื้นแสนหวานของคนใต้ร่างเท่านั้น
หลังตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วได้เห็นสภาพตัวเอง แดนรบรู้ทันทีว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องยุ่งยากใจขึ้นแล้วแน่ ๆ
ปัญหาคือ… กับใคร?
แดนรบใช้เวลาตั้งสติอยู่พักใหญ่ ๆ จึงโทรตามกวินน์เข้ามาหาที่บ้าน หลังจากเช็คกล้องวงจรปิดหน้าประตูบ้านจึงได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้ารั้วบ้านทั้งหมด
กล้องวงจรปิดปรากฏภาพของหญิงสาวรูปร่างอวบใหญ่คนหนึ่งประคองเขาที่กำลังเมามายเข้ามาในบ้าน สองชั่วโมงหลังจากนั้นเธอก็เดินออกจากบ้านไปด้วยสภาพอิดโรย
เขายังจำแผ่นหลังอวบหนาของเธอคนนั้นที่เดินผ่านหน้ากล้องไปได้อย่างดี แม้กล้องจะชัดมากแต่กลับจับภาพใบหน้าของเธอได้เพียงบางส่วนเพราะเธอเอาแต่ก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา และนั่นมันทำให้เขาหงุดหงิดอย่างมาก
เขาอยากจะรู้จริง ๆ ว่าเธอคือใคร ไม่อย่างนั้นคงคาใจไปตลอดแน่
“ถ้าตามหาไม่เจอจริง ๆ นายจะทำยังไงต่อไป”
“ต้องเจอ ต่อให้พลิกแผ่นดินก็ต้องตามหาให้เจอ” แดนรบหลุดจากภวังค์ความคิด สายตาคมกริบจับจ้องเลขาคนสนิท “ฉันต้องการพบผู้หญิงคนนั้น ฉันต้องคุยกับเธอให้เข้าใจ จะใช้เงินเท่าไหร่ก็ต้องปิดปากเธอให้ได้ เรื่องคืนนั้นมันเป็นอุบัติเหตุ ฉันไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนใช้เรื่องนั้นมาทำลายชื่อเสียงแน่”
นี่คือจุดประสงค์แท้จริงของเขา ตำแหน่งที่แดนรบยืนอยู่ไม่ใช่ว่าเขาได้มาง่าย ๆ เพียงเพราะเป็นลูกชายของประธานบริษัท แต่เขาได้มาด้วยความสามารถของตนเอง เขาช่วยพ่อบริหารบริษัทตั้งแต่ยังเรียนมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ หลังจากเรียนจบได้ไม่นานเขาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นซีอีโอตั้งแต่อายุยี่สิบสาม จึงไม่แปลกหากจะมีคนเกลียดขี้หน้าเขา ซึ่งเขาไม่สนใจเพราะคิดว่าความสามารถของเขาจะทำให้ทุกคนยอมศิโรราบเอง
แต่นั่นไม่ได้หมายถึงว่าจะไม่มีใครจ้องเล่นงานเขาลับหลัง ศัตรูของเขาน่ะอยู่ในเงามืดรอบตัว เขาไม่มีทางเปิดโอกาสให้คนพวกนั้นเล่นงานง่าย ๆ แน่
“ฉันคิดว่าเธอคงไม่ต้องการอะไรจากนายหรอก ไม่งั้นคงไม่ปล่อยให้เวลามันผ่านมาเป็นเดือน ๆ แบบนี้”
“ความคิดผู้หญิงโคตรจะซับซ้อน นายจะไปรู้อะไร”
“แต่ผู้หญิงคนนี้อาจไม่เหมือนคนอื่น”
“ทำไม เพราะเธออ้วนงั้นเหรอ? นายเลยคิดว่าเธอจะแตกต่าง? เหอะ” เขาไม่ได้อยากจะพูดถึงรูปร่างของเธอคนนั้นหรอกนะ ปกติเขาไม่ใช่คนมองใครที่รูปลักษณ์ภายนอก แต่สำหรับมนุษย์ผู้หญิง… ไม่ว่ารูปลักษณ์ไหนก็เชื่อใจไม่ได้ทั้งนั้นนั่นแหละ
กวินน์มองเจ้านายหนุ่มโดยไม่พูดอะไรอีก เขารู้ว่าเถียงไปก็ไม่ชนะ เพื่อนเขาคนนี้มีนิสัยไม่ยอมแพ้ใครมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ยิ่งโตนิสัยยิ่งรุนแรงขึ้น แถมยังเป็นพวกจำฝังใจสุด ๆ โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง
“คืนนั้นนายจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ แม้แต่สักนิด?” จู่ ๆ โดนคำถามถามขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาซีอีโอหนุ่มที่กำลังหลับตาผ่อนคลายถึงกับลืมตาโพลง
“นายสงสัยอะไรกันแน่ สภาพฉันวันนั้นนายก็เห็นแล้วว่าเป็นยังไง ถ้าฉันมีสติฉันคงไม่พลาดทำเรื่องแบบนั้นกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อหรอก”
กวินน์ไม่ถามอะไรอีกแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป แดนรบมองตามร่างสูงของเลขาหนุ่ม เขาดึงสายตากลับมามองฝ่ามือตัวเองทั้งสองข้าง จู่ ๆ ก็นึกถึงสัมผัสเต็มไม้เต็มมือในคืนนั้นขึ้นมา สัมผัสนุ่มนิ่มน่ากอดนั่น…
บ้าน่ะ เลิกฟุ้งซ่านเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้แดน แค่ไม่ได้กอดผู้หญิงมานานถึงกับต้องฟุ้งซ่านขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย สงสัยเขาต้องหาทางระบายความฟุ้งซ่านบ้างแล้ว
ความจริงแดนรบไม่ได้อคติกับผู้หญิงตั้งแต่แรกหรอก สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเขาเป็นหนุ่มฮอตประจำคณะด้วยซ้ำ มีผู้หญิงแวะเวียนมาให้ควงไม่ซ้ำหน้าจนใคร ๆ ก็มองว่าเขาเป็นพวกเพลย์บอยรักสนุกซึ่งเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร ใครอยากจะพูดอะไรก็พูดไป เขาบังคับปากและความคิดใครไม่ได้
จนกระทั่งวันหนึ่ง…
คืนนั้นเป็นงานเลี้ยงส่งหลังเรียนจบของเพื่อน ๆ ร่วมเอก ทุกคนดื่มกันเมามาย เพราะจัดงานในบ้านพักส่วนตัวของเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม ตอนนั้นแดนรบเองก็เมาพอสมควร เขาไม่รู้ตัวสักนิดว่าถูกเพื่อนผู้หญิงในเอกลอบมอมเหล้า ปกติเขาไม่ใช่คนคอแข็งก็จริง แต่ก็ไม่ได้คออ่อนถึงขนาดดื่มจนเมาไร้สติ แต่คืนนั้นเขาไม่เหลือสติเลยจริง ๆ
แดนรบไม่รู้ว่าในคืนนั้นมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขาบ้าง รู้แต่ว่าเขาตื่นมาในตอนเช้าภายในห้องนอนสีขาวบนชั้นสองของบ้านหลังนั้น ไม่มีใครนอนอยู่ข้างกายเขา จากการเช็คสภาพร่างกายตัวเอง ถึงแม้เสื้อจะมีรอยฉีกขาดแต่ก็ไม่ได้มีร่องรอยว่าลูกรักของเขาเพิ่งผ่านสนามรบมา แถมประตูห้องยังปิดสนิทลงกลอนอย่างดีด้วย
หลังจากนั้นเขาพยายามถามจากทุกคนว่ามีใครเห็นเหตุการณ์คืนนั้นบ้าง ทุกคนพากันส่ายหน้าเพราะต่างคนต่างเมาเหมือนกัน มีเพียงเพื่อนผู้หญิงที่เขาจำได้ราง ๆ ว่าพยายามจะลากเขาขึ้นห้องคนนั้นที่หายหน้าหายตาไปไม่กล้ามาสู้หน้ากับเขาอีก เขาจึงปล่อยให้เหตุการณ์นั้นผ่านไปโดยไม่ได้สืบสาวราวเรื่องอะไรต่อ
ทว่าตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาแดนรบรู้สึกขยาดผู้หญิงอย่างที่สุด เขาเลิกควงผู้หญิงไปทั่วแล้วหันมาสนใจทำงานแทน จนเวลาล่วงเลยมาเกือบสองปีที่เขาไม่ได้สัมผัสผู้หญิงเลย กระทั่งคืนนั้นเมื่อเกือบสองเดือนก่อน…
ความคะนึงหาสัมผัสแสนหวานในค่ำคืนนั้นมันทำให้เขาหงุดหงิดงุ่นง่านใจเหลือเกินจริง ๆ
หรือนี่จะเป็นเหตุผลที่แท้จริงในการตามหาเธอคนนั้นกันนะ