“หมายความว่าอย่างไรที่บอกจำไม่ได้”
“ท่านแม่ท่านลืมไปแล้วหรือ ว่าท่านบอกทุกวันว่าพวกเราไม่ต้องมีชื่อก็ได้ เพียงคนที่ไร้ค่าเท่านั้น เรียกหนึ่งสองสามสี่ก็พอ”
ตอนแรกพวกนางพี่น้องมี แต่เพราะถูกทำให้กลัว คนตรงหน้าเอาทะเบียนบ้านไปลบออก ยังสั่งให้เรียกกันตามลำดับ ดูถูกเหยียดหยามพวกเขาทุกวันตอนพ่อไม่อยู่ พูดกรอกหูจนมึน กอปรกับผ่านมานานไม่เคยมีใครเรียกขานจึงเริ่มหลงลืม
“เช่นนั้นก็จงนึกให้ออก พาน้องสาวเจ้ากลับไปรอที่บ้าน เดี๋ยวสักพักข้าจะกลับเช่นกัน”
“ท่านแม่น้องเล็กเจ็บเช่นนี้ พาไปหาหมอได้หรือไม่” ถึงจะกลัวแต่เพื่อรักษาน้องจึงกล้าเอ่ยปาก ทว่ายังก้มหน้าบิดมืออย่างประหม่า น้องชายทั้งสองเกาะหลังพี่สาวแน่นอย่างหวาดกลัวเช่นกัน
“ข้าตรวจดูแล้วอาการนางไม่ได้สาหัสขั้นนั้น เพียงถลอกเล็กน้อย แต่ที่ทำให้หมดสติเพราะหิวเกินไป”
“เอ๋? ไม่เคยรู้มาก่อนว่าท่านมีวิชาแพทย์”
“เจ้าเคยถามมั้ยเล่า”
“เอ่อ ไม่เคยเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องพูดให้มากความ รีบเอาน้องเจ้ากลับบ้าน เปลี่ยนเสื้อให้นางเช็ดตัวให้สะอาด จำไว้ว่าจนกว่าข้าจะกลับ หากมีเสียงคนเรียกแต่ไม่เห็นตัวห้ามเชิญเข้าบ้านเด็ดขาด”
“ทำไมหรือขอรับ”
“น้องเจ้าเพิ่งตกลงไปในร่องน้ำ อาจมีผีป่าวิญญาณร้ายติดตาม หากเจ้าไม่อยากถูกปีศาจรังควานจนป่วย ก็ทำตามที่ข้าบอก”
เด็กๆ ได้ยินว่าจะมีผีตามถึงบ้านก็หวาดกลัวจนตัวสั่น พยักหน้าหงึกๆ อย่างเชื่อฟัง พี่สาวคนโตรับน้องคนเล็กมาแบกใส่หลังรีบวิ่งกลับบ้าน มีน้องชายคนรองกับคนที่สามเกาะติดแจ ชุนเหนียงจึงหมุนกายเดินกลับเข้าไปในป่าอีกครั้ง
“กรี๊ดดด!!!! ปล่อยข้าออกไปนะ!”
“เอาสิ ร้องตะโกนต่อไป ร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครได้ยิน”
“เจ้าเป็นใคร! เจ้าทำอะไรกับข้า ทำไมถึงไม่มีคนได้ยินเสียงข้าเลย”
“ข้าเป็นใครหรือ? ข้าก็เป็นเจ้ากรรมที่รอจองเวรเจ้านะสิ จงรับในสิ่งที่ทำกับข้าซะ อยู่ข้างล่างนั้นดีๆ ถึงจะผุหน่อยแต่มันเหมาะกับเจ้าดี”
“ไม่นะ! ปล่อยข้าไป ข้าไม่เคยรู้จักเจ้าเลย!”
“ตอนนี้จำไม่ได้แล้ว พอตายไปสักพักจะคิดออกเองว่าครั้งหนึ่งข้าต้องทุกข์ทรมานด้วยฝีมือเจ้าอย่างไร”
“ข้าไม่เข้าใจ! ปล่อยข้าออกไป!”
“ลาก่อน หลับให้สบายล่ะหึๆ” นางที่ในตอนนี้มีใบหน้าเหมือนชุนเหนียงทุกระเบียบนิ้วด้วยสิงร่างคนอื่น แต่ไม่ใช่นางผู้นั้น หากเป็นคนที่เฝ้ารอการพบกันมาเนิ่นนาน กำลังยืนแหงนหน้าหัวเราะชอบใจ ในที่สุดก็ได้ทวงแค้นกับคนที่ทำร้ายตนเสียที ไม่ง่ายเลยที่หญิงชั่วจะดวงตกไร้กุศลหนุนนำอุ้มชู
น้องสาวที่นางรักเอ็นดู เพื่อแย่งชิงวาสนาแล้ว ถึงกลับวางยาและฝังตนทั้งเป็น ยังป้ายสีว่าหนีตามผู้ชายไป
คราวนี้ดีมาก... ต่อให้เจ้าได้เกิดใหม่หลงลืมอดีตหมดสิ้น ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป จะต้องชดใช้ในสิ่งที่เคยทำเอาไว้แบบเดียวกัน ให้ได้ลิ้มลองดูว่าการต้องอยู่ในที่แคบไร้อากาศหายใจมันเป็นอย่างไร
“น่าเสียดาย... อาคมที่เจ้ารังเกียจนักหนา มันอาจช่วยให้วิญญาณเจ้าอยู่ต่อโดยไม่ทุกข์ทรมานนัก จงนับเวลารอไปนรกเถอะ”
ต้องขอบคุณที่ครั้งหนึ่งนางเคยแอบไปเข้าลัทธินอกรีต เรียนรู้ศาสตร์มืด ทำให้พอรู้เรื่องคาถาอาคม แม้ว่าสุดท้ายต้องขาดใจตายลง ยังสามารถหลบหลีกการเก็บวิญญาณของยมทูต กลายเป็นผีตายโหงรอเวลาแก้แค้นเอาคืน ซึ่งดีนัก นางไม่ต้องออกไปหาคนก็มาประเคนชีวิตให้ถึงที่
“นี่คือสิ่งที่คาดไม่ถึง รูปลักษณ์ของนางยังคงเหมือนเดิมหกส่วน ถึงจะดูแย่ไปบ้างเพราะจน ก็ดี แบบนี้ค่อยใช้ชีวิตง่ายขึ้นไม่ต้องระวังเรื่องคนจับผิด”
เพราะหน้าตาน้องสาวเหมือนเดิมจึงแค่สลับวิญญาณ ลากนางลงใต้ดิน เพราะโลงนั้นถูกลงอาคมนักพรตสะกดขังไว้ นอกจากผู้เก็บวิญญาณไม่มีใครทำลายลงได้ หากไม่มีตัวตายตัวแทนก็ติดอยู่กับที่ มิเช่นนั้นนางคงออกมาทวงแค้นไม่รอจนผ่านไปเป็นร้อยปี
“ป่าแถวนี้เปลี่ยนไปมาก ข้าอยู่ข้างล่างนั้นนานเท่าไหร่แล้วนะ” กวาดตามองพร้อมเดินไปรอบๆ จากที่เคยคุ้นตาบัดนี้ป่าทึบกลับกลายเป็นป่าโปร่ง ต้นไม้ใหญ่เหลือนับต้นได้ มีเพียงต้นเล็กเท่าขาคล้ายว่าเกิดมาได้ไม่กี่ปี หากไม่ใช่ถูกตัดไปก็คงเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่จึงราพณาสูรเช่นนี้
สูด..! ลมหายใจเข้าหอบใหญ่ ดวงตาจึงเบิกกว้างปรากฏรอยยิ้มออกมา นานแล้วที่ไม่ได้หายใจ การกลับมามีชีวิตอีกครั้งมันดีเหลือเกิน
“นี่ไม่ใช่กลิ่นของดีหรือ มีกล้วยไม้สีทองกับหญ้าหยาดน้ำค้างหรือ ทำไมถึงไม่มีคนเก็บไปทำยา”
หากมองผิวเผินหญ้าวิเศษไม่ต่างจากวัชพืชทั่วไป แต่หากสังเกตให้ดีสีสันมันสดใสกว่า เรื่องสรรพคุณก็ยอดเยี่ยม ช่วยในการไหลเวียนของโลหิต บำรุงหัวใจ ตับม้าม ส่งผลในการล้างพิษ จำได้ว่าสมัยนั้นเพียงหยิบมือขายได้หลายตำลึง
คิดดังนั้นจึงตามกลิ่นของที่ว่าเพื่อเก็บไปขาย และไม่ผิดหวังเพราะมันมีอยู่เยอะมาก ยังมีสมุนไพรที่นางคุ้นเคยอีกหลายชนิด
กรอบแกรบ!
“นั่นใคร! ออกมาเดี๋ยวนี้..” เสียงการมาของบางคนทำนางชะงัก หันขวับไปมอง แต่กลับไม่พบตัวคน ไม่นานเห็นหัวเล็กโตยื่นหน้าออกมายิ้มแห้ง
“ท่านแม่ ข้าเอง” ร่างของเด็กชายตัวเล็กขายาวที่เดินออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ เขามองนางอย่างระมัดระวัง
“เจ้ารองไยเจ้าจึงอยู่ที่นี่ ไม่ได้กลับบ้านไปกับพี่น้องเจ้า”
“ข้า! ข้าแค่มาหาสมุนไพร ตอนนี้...น้องเล็กนางป่วยตัวร้อน”
“นางมีไข้หรือ?” หัวคิ้วขมวดหมุน นางว่านางตรวจดูแล้วไม่เป็นไร ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าความชื้นในร่องน้ำกับความบอบช้ำของร่างกาย ยิ่งเป็นเด็กเล็กหากจะมีไข้ก็ไม่แปลก
“ท่านแม่ เราจะไม่พาน้องไปหาหมอจริงหรือ”
“เจ้าคิดว่าหาหมอครั้งหนึ่งต้องจ่ายเงินเท่าไหร่”
“ข้า... ไม่รู้” เด็กชายก้มหน้างุด เขารู้ว่าค่าหมอแพงมากจ่ายทีแทบหมดตัว แต่อาการของน้องสาวก็น่าเป็นห่วง
นางไม่คิดจะพูดมากอีก แต่คิดว่ามาให้ใช้ก็ดี เพิ่งได้ออกมาจากหลุม การปีนป่ายมันเป็นอะไรที่ไม่ถนัดกลัวความสูงชอบกล จึงกวักมือเรียกเขา
“เจ้ามานี่”
“พอดีเลย เจ้าขายาวตัวเล็กเช่นนี้ คงปีนขึ้นไปข้างบนง่ายกว่าข้า”
“ท่านแม่จะให้ข้าเก็บอะไรหรือ”
“เจ้าเห็นดอกกล้วยไม้สีเหลืองนั่นมั้ย”
“อ้อที่ดอกเล็กๆ บนยอดนั่นหรือไม่” เขาแหงนจนคอมองแทบจะเป็นเส้นตรง มองดอกที่ว่าอยู่ไกลลิบๆ จึงพยักหน้าหงึก
“ถูกแล้ว แต่ไม่ใช่เก็บแค่ดอก ข้าต้องการให้เจ้าเอามันลงมาทั้งต้น งัดออกมาทั้งราก และห้ามทำให้เสียหายหรือบอบช้ำแม้แต่น้อย” เห็นเขาบอกว่าเข้าใจจึงตบบ่าและย้ำชัดๆ
“รู้แล้วก็ไปเอาลงมา จำไว้ว่าต้องเก็บให้หมด”
“อื้อ” เขาไม่รู้ว่าแม่เลี้ยงจะเอาไปทำไม แต่เมื่อนางสั่งเขาก็ต้องทำ จึงเกาะปีนไต่ขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ทำคนที่มองอยู่รู้สึกทึ่ง
ผ่านไปไม่ถึงเค่อ เด็กชายไต่กลับลงมาพร้อมกล้วยไม้ที่ถูกห่อด้วยเสื้อของเขาเอง
“เอามาได้แล้ว”
“ทำดีมาก ต่อไปก็มาช่วยเก็บหญ้าพวกนั้น ต้นที่ใบเรียวเล็กยาวสีเทา”
“ท่านแม่ ท่านจะเก็บของพวกนี้ไปทำไม”
“เจ้าไม่รู้จักสิ่งเหล่านี้หรือ ทั้งที่บอกว่ามาหาสมุนไพรเนี่ยนะ”
“มันก็แค่วัชพืช ผู้คนต่างเดินเหยียบทิ้งทั้งนั้น”
“บ้าไปแล้ว! วัชพืชอันใด นี่คือสมุนไพรที่มีราคาแพงนะ”
“เอ๋? ท่านแม่ท่านอาจจำผิด ของพวกนี้ขายไม่ได้เลย ข้าเข้าป่าหาของไปให้ท่านขายตลอด แม้แต่เรื่องนี้ท่านก็ลืมด้วย”
“มีครั้งหนึ่งข้าเคยเอาไปถามท่าน ผลคือถูกท่านด่ามาชุดใหญ่บอกว่าข้าเก็บของไร้ประโยชน์”
“อ้าใช่ข้าลืม! แต่เรื่องเมื่อก่อนเจ้าจงช่างมันเสีย ให้สนใจแต่สิ่งที่ข้าจะบอกต่อไปนี้พอ” ชุนเหนียงคนนี้คือตัวโง่งมที่อวดรู้ แตกต่างจากคนมากเล่ห์ที่เคยฝังนางอย่างสิ้นเชิง
“ท่านแม่ แล้วต้องถอนหรือแค่เด็ดเอาใบ”
“ถอนสิ ระวังอย่าให้รากขาด เก็บมาให้หมดอย่าให้เหลือสักต้น ไว้ข้าจะทำให้เจ้าเห็น วัชพืชที่ว่าคือภูเขาเงิน” นางไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงบอกว่าขายไม่ได้ แต่ของมีคุณค่าย่อมมีราคาในตัว
เมื่อคนรู้ว่ามันสามารถทำเงิน ต่อไปจะไม่มีให้เกลื่อนกลาดดาษดื่นเช่นนี้อีก นางจึงคิดว่าจะนำไปปลูก ใช้ที่ว่างรอบบ้านให้เกิดประโยชน์ ถึงก่อนหน้านางจะไม่สามารถออกห่างหลุม ไปไหนไม่ได้ไกลนัก แต่ใช่จะไม่ได้ยินที่คนพูด ย่อมพอรู้รายละเอียดมาบ้าง ไม่อย่างนั้นจะฉวยโอกาสที่ลูกสาวคนเล็กตกลงเนิน จนขึ้นมาสวมร่างแทนหรือ เพราะนางฟังเสียงเหล่านั้นมานาน
“ท่านแม่เราจะไปตลาดกันเลย ไม่แวะกลับบ้านก่อน”
“น้องเจ้าป่วยไม่ใช่เพียงแค่เพราะมีแผล แต่เพราะอดอยาก ยังมีพี่น้องเจ้าและเจ้าที่ผอมแห้ง พ่อเจ้าหายไปตั้งนานเงินทองไม่ส่งกลับมาเลย” ความหมายของนางคือต้องหาเงินก่อน จากนั้นต้องซื้ออาหารกลับไป คนป่วยยังมีพี่สาวพี่ชายดูแล สมุนไพรลดไข้ได้เก็บมาแล้วเดี๋ยวค่อยต้มให้กิน
เจ้ารองอ้าปากมองมารดาตาค้าง พลันเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่จึงไม่ชอบพวกเขา และมักจะพาลอารมณ์เสียใส่เสมอ ที่แท้ท่านพ่อไม่ได้ส่งเงินกลับบ้านมานาน พอลองคิดดูก็พบว่าในบ้านขาดข้าวสารมาหลายเดือนแล้ว เนื้อสักชิ้นก็ไม่มีให้กิน นอกจากหัวเผือกหัวมันแป้งหยาบที่คืออาหารหลัก นางคงโกรธ จึงมองเขาพี่น้องเป็นภาระที่น่ารำคาญ
“ยืนงงอันใดของเจ้า! รีบมา” ถึงนางจะรู้ว่าแถวนี้มีตลาด แต่นางต้องให้เขานำทาง
“ขอรับ”
ภายใต้การนำทางของเจ้ารอง ชุนเยว่มาถึงตลาดแต่สีหน้าของนางกลับดูผิดหวัง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมของดีจึงขายไม่ได้ ก็มันแค่ตลาดเล็กที่ชาวบ้านมาแลกเปลี่ยนขายให้พ่อค้าคนกลาง หากไม่ใช่ของที่คุ้นเคยกับผักป่าสินค้าพื้นบ้านทั่วไป พวกเขาย่อมไม่รู้จัก
“นอกจากตลาดนี้ ยังมีตลาดที่ใหญ่กว่ารึไม่”
“มี แต่ว่าต้องเดินออกจากเขาไปไกลราวยี่สิบลี้”
“ไป”
“หา!” ในใจคิดว่ามันไกลนะ
“มาหงมาหาอะไร! นำทาง เจ้าอยากซื้อไก่ไปต้มกินไหม”
“ยะ.อยากขอรับ!” เจ้ารอง ไม่เข้าใจแต่พอนึกถึงไก่เป็นตัวพลันเลียปาก แม่บอกว่าหากหาที่ขายสมุนไพรได้จะซื้อมาทำอาหาร ถึงเขาจะเหนื่อยล้า แต่กลับมีแรงฮึกเหิมเพราะอยากกินเนื้อ