แม่ทัพฉินขย่มวังหลัง

ตอนที่ 10 ติดสินบนด้วยท่อนเอ็น nc

อากาศในยามเช้าที่จวนของแม่ทัพฉินเย่เหวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง แม่ทัพหนุ่มรู้สึกยินดีเป็นพิเศษเพราะวันนี้เขาจะได้แอบเข้าไปยังเขตหวงห้าม ซึ่งเป็นสถานที่ที่ถือว่าเป็นความลับและมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเขา สถานที่แห่งนี้ไม่ต่างอะไรกับสวรรค์บนดิน เป็นที่รวบรวมเหล่าบรรดาสาวงามนับร้อยที่มีความงามและเสน่ห์ที่ดึงดูดใจ เมื่อเขาคิดถึงความงามและความลับที่รอคอยอยู่ในสถานที่นี้ มันก็เกิดทำให้น้องชายของเขาเกิดการแข็งตัวอย่างธรรมชาติ

ในช่วงสายของวันนี้ แม่ทัพฉินเย่เหวินและขันทีเฒ่ามีนัดหมายกันที่ด้านหน้าของตำหนักผีเสื้อ ที่ด้านหน้านั้นมีเวรยามที่เป็นขันทีคอยปกป้องคุ้มกันสถานที่อย่างแน่นหนา ขันทีเฒ่าหันมาพูดกับแม่ทัพหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ท่านแม่ทัพ จำเป็นที่ท่านจะต้องติดสินบนทหารขันทีพวกนี้ หากต้องการให้ประตูของตำหนักผีเสื้อเปิดออก”

“ข้าจะต้องติดสินบนพวกเขาด้วยอะไร?” แม่ทัพฉินเย่เหวินถามด้วยความสงสัย ขันทีเฒ่ามองไปที่บริเวณตรงกลางระหว่างขาของตนอย่างรู้กัน แล้วส่งสัญญาณด้วยการกระตุกเล็กน้อยที่ริมฝีปาก เพื่อบอกว่าไม่จำเป็นต้องถามมาก

แม่ทัพฉินเย่เหวินพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ก่อนจะปลดเปลื้องกางเกงของตนออกอย่างเงียบๆ ทหารยามขันทีที่ยืนอยู่เริ่มจ้องมองไปที่อาวุธลับตรงหน้า ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายด้วยความสนใจและความหิวกระหาย น้ำลายของพวกเขาไหลลงไปในลำคอพร้อมกับการกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ราวกับว่าพวกเขาอดอยากมานาน

ทหารยามขันทีทั้งสองคุกเข่าลงต่ำจับท่อนเนื้อของแม่ทัพหนุ่มอย่างระมัดระวัง พวกเขาทั้งสองจ้องมองมันด้วยความหลงใหล

ฉวบ ฉวบ พวกเขาทั้งสองนั้นต่างพากันดูดกันเลียอย่างหิวโหยแม่ทัพหนุ่มถึงกับเสียวจนตัวเกร็ง

“อ่า...เสียวมาก ลีลาในการดูดเลียท่อนเนื้อของพวกเจ้านั้นใช้ได้เลย ไม่ต้องรีบข้ามีเวลาเหลือเฟือให้พวกเจ้า” แม่ทัพ ฉินเย่เหวิน พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆลีลาในการดูดเลียของคนพวกนี้นั้นลึกล้ำเสียยิ่งกว่าผู้หญิงแท้ๆซะอีกแล้วจะไม่ให้เขารู้สึกติดใจได้อย่างไร

ทหารยามขันทีมองไปที่แม่ทัพฉินเย่เหวินด้วยความเคารพและความหลงใหล ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานและเต็มไปด้วยความรู้สึกว่า

"ท่านแม่ทัพ ท่อนเนื้อของท่านใหญ่และยาวเสมือนสมบัติลับของมวลมนุษย์ และน้ำราคะที่ไหลออกมาจากท่านนั้นเปรียบเสมือนโอสถทิพย์จากสวรรค์ มันให้ความรู้สึกที่เหนือระดับและไม่สามารถหามาได้จากที่ไหน"

ฉวบ ฉวบ ฉวบ เมื่อพูดจบทหารยามขันทีก็ดูดเลียท่อนเนื้อตรงหน้าอย่างหิวกระหายนานมากแล้วจริงๆที่ไม่ได้สัมผัสรับรสเช่นนี้ ต่อให้ตายซะตอนนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว นับว่าเป็นการตายที่ไม่เสียชาติเกิดได้สัมผัสกับคำว่าเสียวก่อนตาย

แม่ทัพ ฉินเย่เหวิน ได้สอนให้ขันทีทั้งสองได้รู้จักกับคำว่าเสียวที่แท้จริงเขายัดท่อนเอ็นของตนเข้าไปภายในเรือนร่างของคนทั้งสองอย่างเรียงตัว สัมผัสแรกที่ตัวของเขาได้รับนั้นมันทั้งฝืดทั้งแน่นเป็นอย่างมากสิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าขันทีผู้นี้นั้นแทบที่จะไม่เคยผ่านเรือนร่างของชายใดมาก่อน แม่ทัพ ฉินเย่เหวิน จ้องมองใบหน้าของขันทีหน้าหวานด้วยความพึงพอใจจะว่าไปแล้วโครงหน้าของเขานั้นสวยงามยิ่งกว่าผู้หญิงแท้ๆอีกหลังจากที่สอดใส่ท่อนเอ็นเข้าไปภายในเรือนร่างแล้ว เขาเริ่มประกบริมฝีปากอย่างร้อนแรง ขันทีผู้อ่อนประสบการณ์ถึงกับเบิกตากว้างและหัวใจเต้นแรงเมื่อโดนแม่ทัพหนุ่มรุกหนักเช่นนี้

ฉวบ ฉวบ ฉวบ แม่ทัพ ฉินเย่เหวิน กระแทรกเรือนร่างของขันทีไปส่วนริมฝีปากของเขานั้นก็ดูดแลกลิ้นอย่างเร่าร้อนด้วยเมื่อไฟราคะถูกเผาผลาญอย่างถึงขีดสุดลีลาท่าทางในการร่วมรักนั้นมันก็ออกมาเอง ขันทีเฒ่าทนภาพที่สุดแสนจะร้อนแรงตรงหน้าไม่ไหวจึงขอโอกาสเข้าไปร่วมด้วยเขาดูดเลียเรือนร่างของแม่ทัพหนุ่มอย่างอ่อนโยน ฉากร่วมรักตรงหน้านี้กลายเป็นการร่วมรักแบบ 3 ต่อ 1 แม่ทัพ ฉินเย่เหวิน ผู้มีอนาคตไกลกำลังถูกขันทีทั้งแก่ทั้งหนุ่มเล่นงานเรือนร่างของเขากันอย่างพร้อมเพรียงที่ด้านหน้าตำหนักผีเสื้อในช่วงเวลานี้นั้นเต็มไปด้วยเสียงร้องครวญครางของขันที

“อ๊า...อ่า....อ๊า...เสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขเช่นนี้นั้นมันดังเข้าไปถึงภายในตำหนัก ความเร่าร้อนของพวกเขาแม้แต่เทวดาที่อยู่บนชั้นฟ้าก็ยังคงรู้สึกอิจฉา

พร๊วด......แม่ทัพหนุ่มหลั่งน้ำกามของตนใส่ใบหน้าของขันทีทั้งสามพวกเขาต่างพากันดูดเลียให้กันและกันจนเกลี้ยง เมื่อไฟราคะของตนมอดดับลงแล้วสถานการณ์ปกติจึงเริ่มที่จะกลับมาอีกครั้ง

“เชิญ!!!!” ในที่สุดประตูของตำหนักผีเสื้อนั้นก็ถูกเปิดออก

ในที่สุดประตูของตำหนักผีเสื้อก็ถูกเปิดออกอย่างเงียบเชียบ แสงสีทองจากภายในส่องออกมาราวกับเปิดเผยความลับอันล้ำค่า แต่หลังจากนั้น ประตูก็ถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าการเปิดออกนั้นไม่เคยเกิดขึ้น ทหารยามที่ยืนเฝ้าตำหนักกลับมีสีหน้าเคร่งขึมเช่นเดิม แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งผ่านการเผชิญหน้ากับเหตุการณ์อันร้อนแรงเมื่อครู่

สีหน้าของทหารยามนั้นไม่แสดงถึงความเปลี่ยนแปลงใด ๆ จากความร้อนแรงที่เกิดขึ้น แต่กลับยังคงความเคร่งขรึมและสงบนิ่งเหมือนเดิม ราวกับว่าสถานการณ์ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝันที่เลือนราง

ตำหนักผีเสื้อแห่งนี้เปรียบเสมือนสวนสวรรค์สำหรับฮ่องเต้ ที่นี่เป็นสถานที่ที่การละเมิดกฎมีโทษถึงชีวิต แต่สำหรับแม่ทัพฉินเย่เหวิน ที่หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความแค้นจากการถูกแย่งชิงความรัก เขาไม่สนใจในอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เขาเพียงแค่สนใจความสุขที่อยู่เบื้องหน้า

เหล่านางสนมนับร้อยชีวิตเดินไปมาอย่างอ่อนหวานในสวนดอกไม้ริมทะเลสาบ บริเวณที่สวยงามและสงบ ทุกคนแต่งกายด้วยชุดเบาหวิวที่เผยให้เห็นความงามที่ละเอียดอ่อนของพวกนาง แม่ทัพหนุ่มรู้สึกเหมือนได้ถูกไฟราคะจุดติดอย่างง่ายดายเมื่อได้เห็นภาพที่อยู่เบื้องหน้า สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความงามและเสน่ห์ล้วนกระตุ้นให้เขารู้สึกถึงความต้องการที่ไม่มีขีดจำกัด

การมาถึงของแม่ทัพหนุ่มสร้างความสนใจและความตื่นตาตื่นใจให้กับเหล่านางสนมที่อยู่ในตำหนักผีเสื้อ พวกนางไม่ได้ใส่ใจว่าชายหนุ่มเพียงคนเดียวเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร ในสายตาของพวกนาง เขาดูเหมือนลูกแกะที่เดินเข้าสู่ฝูงหมาป่าหิวโหย พวกนางล้วนเต็มไปด้วยความหื่นกระหายและไฟราคะที่ไม่เคยดับลง

ความตื่นเต้นและความต้องการของนางสนมเหล่านี้ไม่เคยรู้จักพอ ความต้องการที่ท่วมท้นในใจของพวกนางทำให้ทุกความเคลื่อนไหวของแม่ทัพหนุ่มดูเหมือนเป็นสิ่งที่พวกนางเฝ้ารออยู่เสมอ แม้เขาจะเป็นเพียงคนเดียวท่ามกลางฝูงนางงาม แต่ความหิวโหยและความร้อนแรงที่มีอยู่ในตัวพวกนางนั้นยังคงไม่รู้จักคำว่าเพียงพอ