ตอนที่ 7 หนังสือหย่า

1393 คำ
หลังจากที่ได้ยื่นเรื่องหย่าแล้ว ทางการจะต้องใช้เวลาดำเนินการอยู่ราว ๆ หนึ่งเดือนการหย่าจึงจะสำเร็จลง ในระหว่างนี้หลินเสี่ยวเหยาจึงต้องอาศัยอยู่กับครอบครัวสกุลหลี่ต่อไป รอวันที่ทางการแจ้งเรื่องหย่าให้สมบูรณ์เธอจึงจะสามารถออกจากสกุลหลี่ได้อย่างเป็นทางการ การหย่าโดยที่สามีเป็นผู้ขอหย่าก็จริง แต่ตอนที่ยื่นเรื่องต่อสำนักงานกิจการพลเรือนระดับท้องถิ่น เธอมีพยานที่ให้การเรื่องการกดขี่ภรรยาอย่างทารุณ และมีการทำร้ายร่างกายและจิตใจเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นเธอเป็นฝ่ายได้เปรียบในการหย่า แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่มีใครยอมรับในสังคมยุคนี้ และตามกฎหมายแล้ว สินเดิมจะยังคงเป็นของเจ้าของเดิมโดยไม่ต้องแบ่งให้คู่สมรสอีกฝ่าย แต่สินเดิมของเธอพวกเขาซ่อนมันเอาไว้และบอกว่าใช้หมดแล้ว ช่วงหนึ่งเดือนนี้เธอต้องหาทางเอามันกลับคืนมาให้ได้มากที่สุด ในแต่ละวันเธอยังคงทำงานบ้านตามปกติแต่ไม่ได้รับใช้สองแม่ลูกอย่างแต่ก่อน หากจะให้เธอทำอาหารเธอก็ต้องได้กิน หากไม่อยากให้เธอกินร่วมโต๊ะนางหลี่ก็ต้องทำอาหารเอาเอง ซึ่งหลินเสี่ยวเหยาก็ไม่ได้สนใจหากพวกเขาจะไม่ยอมให้เธอกินอาหาร เพราะยิ่งทรมานเธอเท่าไรในสายตาชาวบ้านก็ยิ่งจะมองเธอว่าถูกบ้านของสามีข่มเหงเท่านั้น “ทำไมตักน้ำมาแค่นี้ ไม่เห็นหรือว่ามันไม่พอ” เสียงของแม่สามีแหลมจนแสบแก้วหู แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ “ฉันใช้คนเดียวก็ตักมาแค่ส่วนของฉันคนเดียว แม่อยากใช้ก็บอกลูกชายแม่ไปตักมาสิ” เธอพูดยียวนกวนโทสะ ไหน ๆ ก็ต้องหย่าแล้วก็ไม่จำเป็นต้องรับใช้พวกนี้อีก แค่เธอกวาดบ้านถูบ้านให้ ช่วยทำกับข้าวให้ก็ถือว่าดีแล้ว “แล้วเสื้อผ้าพวกนี้ล่ะ เธอยังเป็นลูกสะใภ้ฉันอยู่นะ” จางหมิ่นถามด้วยเสียงที่สั่นเทาด้วยความโกรธ และพยายามส่งเสียงให้คนได้ยินว่าลูกสะใภ้นั้นไม่ได้เรื่องแค่ไหน ตอนนี้หลินเสี่ยวเหยาเปลี่ยนไปมาก เธอดูไม่เหมือนคนเก่าที่จะกดขี่ได้ วันก่อนที่หลี่ต้าซานเมากลับมา จะตบตีเธอแต่ก็ถูกผู้หญิงร้ายกาจคนนี้ตีลูกชายเธอคืนจนเขาล้มก้นกระแทกพื้น เอาไปพูดให้ใครฟังก็ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ หาว่าสกุลหลี่รังแกหลินเสี่ยวเหยาทั้ง ๆ ที่ทางการยังไม่ออกหนังสือหย่าให้ก็ยังถือว่าเป็นสะใภ้สกุลหลี่อยู่ ต้องดูแลเธอให้เหมือนลูกสาว “แม่ก็เห็นว่าฉันป่วยออด ๆ แอด ๆ แค่ฉันทำงานบ้านบางส่วนช่วยได้ หาบน้ำของตัวเองมาใช้ได้ก็ถือว่าดีแล้วนะคะ หรือจะใช้งานจนฉันป่วยใกล้ตายอย่างคราวก่อน แล้วให้ต้าซานไปหาบน้ำส่วนของฉันเพิ่ม อย่างนั้นหรือคะ” เธอเองก็พูดเสียงดังบ้าง แล้วยังใส่น้ำเสียงเหมือนว่ากำลังถูกแม่สามีรังแกให้ตัวเองดูน่าสงสารขึ้นไปอีก “นี่แก นังแพศยา” นางหลี่หมดคำจะพูด ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าลูกสะใภ้จะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ หลินเสี่ยวเหยายิ้ม ตอนนี้เรื่องหย่าก็ยื่นทางการไปแล้ว เธอไม่ต้องกลัวสองแม่ลูกนี้อีก ************************ สองสัปดาห์แล้วหลังจากที่แยกห้องนอนกับสามีไม่เอาไหนและเตรียมตัวหย่าอย่างเป็นทางการ ในตอนกลางดึกหลินเสี่ยวเหยาที่แอบวางยานอนหลับอ่อน ๆ ให้สองแม่ลูกกิน เธอใช้โอกาสนี้ในการค้นหาสินเดิมของตัวเอง สินเดิมของเธอคือพวกเครื่องประดับ ทองคำและที่ดินที่เป็นมรดกของครอบครัวก่อนที่พวกท่านจะเสียชีวิตเพราะอาการป่วยเรื้อรัง ตอนเธอแต่งงานกับหลี่ต้าซาน ก็นำสินเดิมเหล่านี้ติดตัวมาด้วยเพื่อสร้างชีวิตใหม่ร่วมกับสามี แต่เมื่อมาถึงบ้านสามี สิ่งที่เธอได้รับคือความขัดแย้งและการกดขี่ เธอใช้เวลาค้นหาอยู่หลายวันก็ไม่พบที่ซ่อนจนแอบถอดใจไปแล้ว แต่ครั้งนี้เธออาศัยสมุนไพรที่มีฤทธิ์ทำให้ง่วงหลับ จึงใช้เวลาค้นในห้องของนางหลี่อย่างละเอียด จนกระทั่งไปสะดุดตาที่ตั่งไม้ที่แม่สามีนำหีบผ้าเก่า ๆ ซุกไว้ข้างใต้ พอลากออกมาจึงเห็นว่าด้านในมีหีบไม้อีกใบซ่อนสินเดิมและทรัพย์สินของพวกเขาเอาไว้ “คิดได้ยังไง แกล้งจนเพราะกลัวญาติยืมเงิน งกไม่เข้าท่า” เธอพึมพำแล้วรีบนำของแต่ละชิ้นขึ้นมา ใช้ดินสอและกระดาษร่างแบบเอาไว้แล้วเขียนรายการสินเดิมใส่หนังสือเพื่อเป็นหลักฐาน เนื่องจากเจ้าของร่างเดิมนั้นไว้ใจแม่สามีจึงได้ฝากสินเดิมเอาไว้และไม่มีสมุดจดรายการสินเดิมของตน ตอนนี้เธอจึงต้องทำหลักฐานขึ้นมาใหม่เพื่อเอาไว้ยืนยันความเป็นเจ้าของ หลินเสี่ยวเหยาใช้เวลาทำเช่นนี้อยู่หลายคืนติดต่อกันจนกระทั่งสิ่งที่เป็นสินเดิมในความทรงจำนั้นครบถ้วน จากนั้นเธอก็เพียงแค่เก็บสมุดรายการนี้เอาไว้เพื่อรอที่จะทวงคืนหลังจากหย่าอย่างสมบูรณ์ และแล้ววันที่เธอรอคอยก็มาถึง วันหนึ่งที่เธอไปตลาดก็พบกับผู้นำหมู่บ้านที่มาแจ้งข่าวกับเธอว่าสำนักงานกิจการพลเรือนระดับท้องถิ่นส่งหนังสือหย่ามาให้แล้ว หลินเสี่ยวเหยาเก็บความดีใจไว้ไม่มิด เธอรีบไปรับหนังสือหย่าด้วยตนเองแล้วยิ้มด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะรีบกลับไปที่สกุลหลี่เพื่อทวงสินเดิมของเธอคืนตามที่ได้วางแผนเอาไว้ หลินเสี่ยวเหยารู้ดีว่า นางหลี่คงไม่ยอมให้เธอรับสินเดิมโดยง่าย เพราะนางหลี่เองก็คงรู้สึกเสียดายที่ลูกชายไม่ได้ประโยชน์จากการแต่งงานนี้ และเคยโกหกเอาไว้แล้วว่าสินเดิมถูกใช้ขายแลกเป็นเงินไว้เป็นค่าใช้จ่ายในบ้านตั้งแต่ช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำแล้ว “ฉันต้องหาทางเจรจาให้ดี” หลินเสี่ยวเหยาคิดพลางเดินเข้าไปในบ้านแม่สามี ซ่อนหนังสือหย่าเอาไว้ยังไม่ให้เธอเห็น “แม่คะ ฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับแม่” หญิงสาวพูดด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม ยิ่งเห็นจางหมิ่นก็ยิ่งรู้สึกเกลียดจนเข้าไส้ “มีอะไรก็รีบพูดมา ฉันยังมีงานบ้านที่ต้องทำอีกเยอะ” นางหลี่ที่กำลังนั่งปอกผลไม้เงยหน้าขึ้น มองหลินเสี่ยวเหยาด้วยสายตาเย็นชา พูดประชดประชันที่ตนเองต้องมานั่งทำงานบ้านแทนลูกสะใภ้จนปวดหลังไปหมด “ฉันอยากได้สินเดิมของฉันคืนค่ะ” หลินเสี่ยวเหยาพูดเปิดประเด็น จากนั้นก็มองแม่สามีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความจริงจังจนอีกฝ่ายขนลุก “สินเดิมของเธอหรือ ตั้งแต่แต่งเธอเข้ามาทั้งสินเดิมของเธอและสมบัติสกุลหลี่ก็แทบไม่เหลือ ใช้เงินเลี้ยงดูเธอมาสามปีคิดว่าจะมีสินเดิมให้เธอทวงคืนหรือ อีกอย่างหากมีจริง เธอคิดว่าหลังจากที่เธอทำให้ลูกชายฉันอับอาย ฉันจะให้เธอกลับไปง่าย ๆ หรือ” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “แม่เข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้มาเพื่อขอ แต่ฉันมาเพื่อทวงสิทธิ์ของฉันกลับคืนค่ะ” หลินเสี่ยวเหยาพูดเสียงเรียบ แต่หนักแน่น “หึ! สิทธิ์ของเธอเหรอ สิทธิ์อะไรไม่ทราบ ไม่มีหรอก” นางหลี่ทำเสียงหยัน “สินเดิมที่ฉันควรได้รับตามกฎหมาย ฉันคิดว่าแม่ควรจะเคารพสิทธิ์ของฉัน และไม่มีสิทธิ์ยึดไว้” หลินเสี่ยวเหยายืนตรงด้วยความมั่นใจ “ไม่ให้เธอหรอก นังสารเลว” นางหลี่จ้องหลินเสี่ยวเหยาด้วยความโกรธ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมยกสินเดิมคืนไป ลูกชายเธอต้องได้รับมันไว้ทั้งหมด ************************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม