เพียงพอตีแขนเพื่อนเบา ๆ อย่างอดไม่ได้ ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ไม้สักอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มงานแทบจะทันที ดวงตาคมหวานจ้องมองทั้งสองราวกับจะสะกดให้ทั้งคู่นั้นหยุดหายใจเสียให้ได้.. โดยเฉพาะพะแพง
เขาจ้องเธอไม่กะพริบ เหมือนโลกทั้งใบนั้นเหลือเพียงแค่เขาและเธอ พะแพงเองก็จ้องมองชายหนุ่มอย่างไม่อาจจะละสายตาได้ ดวงตากลมกวาดตามองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา
ผิวขาวจัดแต่ไม่ซีด ริมฝีปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มละมุน ใบหน้าคมปนหวานของเขาช่างละม้ายภาพวาด และเพียงชั่ววินาทีที่สบตากันนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนว่าลืมวิธีหายใจไปเสียดื้อ ๆ
“สวัสดีครับ.. มีอะไรให้รับใช้หรือเปล่าครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำเอาพะแพงหัวใจเต้นรัว ทำให้เพียงพอที่เห็นท่าทางอ้อร้อของเพื่อนแล้วได้แต่ถอนหายใจในอกหนัก ๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบ ๆ สลับกับมองหน้าเพื่อนสาวที่เคลิบเคลิ้มจนกู่ไม่กลับ
“พวกหนูอยากได้ห้องพักที่ดีที่สุดค่ะ เอาห้องที่เช้ามามองเห็นไร่ชาได้กว้างที่สุด สามารถสูดกลิ่นใบชาหรือชมทะเลหมอกได้ใกล้ที่สุด เรื่องราคาห้องพักไม่เกี่ยง”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมกับปรายตาเหลือบมองพะแพงก่อนจะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มชวนฝัน
“บังเอิญจังเลยครับมีอยู่หนึ่งห้องพอดีเลย อยู่บนเนินเขาอีกลูกหนึ่ง เป็นส่วนตัว เงียบสงบจากเสียงรอบข้าง แล้วก็มองเห็นไร่ชาได้ไกลสุดสายตาแน่นอน มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน และแถมคอร์สเดินเก็บชาพร้อมกับชมโรงงานให้ฟรีด้วยครับ”
“เอาห้องนั้นเลยค่ะ! พักหนึ่งคืน”
เพียงพอรีบตอบทันควัน เพราะรู้ดีว่าเพื่อนคนนี้ชาเขียวเลิฟเวอร์ขนาดไหน ทำให้พะแพงที่นิ่งเงียบอยู่นั้นหันไปมองเธอด้วยความรู้สึกที่ว่าขอบอกขอบใจเพื่อนอย่าสุดซึ้ง
“ได้เลยครับ รบกวนขอบัตรประชาชนด้วยนะครับ”
เพียงพอได้ยินแบบนั้นก็รีบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าควานหากระเป๋าสตางค์อยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ต้องชะงักทำสีหน้าสลดเล็กน้อย เมื่อเพิ่งนึกได้ว่าตอนที่นำใบขับขี่ให้พะแพงดูนั้นเธอวางไว้บนเตียงลืมหยิบมาด้วย ก่อนจะหันไปสะกิดเพื่อน
“แพง.. ฉันลืมกระเป๋าตังค์ไว้ที่ห้อง”
พะแพงเลิกคิ้วเล็กน้อยราวกับถูกปลุกออกจากภวังค์ แต่ก็รีบยิ้มกลบเกลื่อน
“ไม่เป็นไรใช้ของฉันก็ได้”
พูดจบเธอก็ล้วงบัตรออกจากกระเป๋าเงินไปยื่นให้ ชายหนุ่มรับบัตรประชาชนไปก่อนจะมองชื่อบนหน้าบัตรอยู่นานกว่าปกติ ริมฝีปากที่ดูจะนุ่มนิ่มนั้นยกยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงแหบพร่า
“พนิดา.. ชื่อน่ารักจังเลยนะครับ”
พะแพงที่ได้ยินแบบนั้นก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ ส่งไปให้
“เอ่อ.. ขอบคุณค่ะ”
น้ำเสียงของเธอนั้นแสดงออกว่างุนงงไม่น้อย ที่จู่ ๆ ชายหนุ่มก็เอ่ยชมเธอแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นในใจกลับรู้สึกร้อนวูบวาบดีอกดีใจที่เขาเรียกชื่อเธอขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจตัวเอง เขาเสียบบัตรของเธอเข้าไปในเครื่องอ่านข้อมูลสักครู่ก่อนจะกด ๆ จิ้ม ๆ อะไรสักอย่างแล้วยื่นบัตรมาคืนให้ พร้อมกับล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นกุญแจห้องที่มีไม้แกะสลักลายใบชาที่ดูแตกต่างจากกุญแจห้องอื่น ๆ ด้านหลังลิบลับมาให้
“เดี๋ยวพี่พาไปนะครับ”
“เอ่อ.. ไม่เก็บเงินก่อนเหรอคะ”
เพราะดูเหมือนว่าเขาจะลืมเก็บเงินค่าห้องทำให้เพียงพอรีบถามแทรก แต่ชายหนุ่มกลับส่ายหน้าช้า ๆ ด้วยท่าทางไม่ได้สนใจอะไร พร้อมกับยิ้มยกมุมปากแบบที่เหมือนตั้งใจให้หัวใจคนดูนั้นหวั่นไหวเต็มที่
“ไม่เป็นไรครับ ห้องพักหลังนั้นเป็นห้องพักตากอากาศส่วนตัวของพี่เอง ไม่คิดเงิน”
เขาตอบออกมาแบบนั้นพร้อมกับส่งสายตาที่หันไปจ้องพะแพงด้วยสายตาที่มองจากดาวอังคารก็รู้ว่ามีความหมายแฝง แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจของเธอกลับเต้นแรงจนเธออดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“คนดี ๆ ที่ไหนจะมาให้ห้องพักตัวเองกับคนอื่นฟรี ๆ ต้องมีอะไรแน่เลยพะแพง”
เพียงพอโน้มหน้าลงมาใกล้พร้อมกระซิบ ดวงตาของเธอเองยังคงมองไปที่ชายหนุ่มด้วยสายตาที่บอกออกมาว่าเขาดูไม่น่าไว้ใจ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็อยากจะเอ่ยถามเขาในสิ่งที่เธออยากรู้
“นี่พี่.. กำลังจะจีบหนูเหรอคะ”