เรื่องมหัศจรรย์ 1

2103 คำ
ธิดาดอยพูด ขณะมองลงไปในน้ำที่ใสสะท้อนกลับราวกับกระจก แต่แล้วก็ต้องแปลกใจที่ภาพหลอนนกณัชชาไม่ไปไหนสักที ทั้งที่เธอกระพริบตาหลายครั้ง เพื่อให้ภาพนั้นจางหายไป แต่ไม่เลย เจ้านกหงส์หยกแสนเกลียดชังก็ยังอยู่ตรงหน้า ธิดาดอยลองกระพริบตาอีกครั้ง ครั้งนี้เธอแปลกใจที่นกณัชชากระพริบตาตามตน เธอลองขยับตัวไปทางซ้าย มันก็ขยับตาม ไปทางขวามันก็ตามไปอีก “ไอ้นกบ้า ล้อเลียนฉันเหรอ” ธิดาดอยอยากพูดประโยคนี้ ทว่าเสียงที่ออกมากลับเป็น จิ๊บๆ จิ๊บๆ จิ๊บๆ เฮ้ย! อะไรกันวะเนี่ย... เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงพูดไม่ได้ แถมเสียงที่ออกมากลับเป็นเสียงนก ธิดาดอยเริ่มสงสัยว่า ภาพสะท้อนบนผืนน้ำที่เห็นว่าร่างตัวเองกลายเป็นนกหงส์หยกณัชชา จะไม่ใช่ภาพหลอน แต่มันคือความจริง ความจริงที่น่าตกใจมากที่สุดในชีวิต ไม่ใช่! ไม่จริง! ไม่น่าเป็นไปได้ หรือว่าเราสลบไปแล้วเกิดฝันหว่า... ธิดาดอยยังคิดไปอีกทาง เธอไม่ปักใจเชื่อว่าตัวเองจะกลายเป็นนก เธอเป็นคนอยู่ๆ จะกลายเป็นนกได้อย่างไร แถมเป็นนกพันธุ์เดียวกับที่ตนไม่ชอบหน้าอีก ที่สำคัญที่สุดทั้งตัว ทั้งสีของขนนกและขนาดยังเหมือนกับนกณัชชาไม่มีผิด ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลย เพื่อความแน่ใจและมั่นใจ ธิดาดอยมองลงไปในน้ำ เพ่งมองตัวเองในน้ำว่า จะเป็นร่างคนหรือว่านก แต่ภาพนั้นก็ยังเหมือนเดิม ชั่วขณะนั้นเธอเพิ่งนึกออกว่า ตัวเองตกน้ำในคลอง แต่ทำไมมาโผล่ที่แม่น้ำ แถมเป็นแม่น้ำแปลกตา มันใสสะอาดมาก มากราวกับกระจก ทั้งไม่มีขยะสักชิ้น บรรยากาศโดยรอบก็สวยงาม มีต้นไม้น้อยใหญ่โอบแม่น้ำทั้งสองฝั่ง ภูเขาตั้งตระหง่านสูงชัน มองลงไปในน้ำก็มีปลาแหวกว่าย ราวกับว่าไม่มีมนุษย์บุกรุกทำลายธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ อากาศก็เย็นสบาย บรรยากาศและทรัพยากรธรรมชาติที่ธิดาดอยเห็น ไม่เหมือนเมืองไทยเลยสักนิดเดียว ตายล่ะหว่า...เกิดอะไรขึ้น เหตุใดตนจึงกลายเป็นนกได้ แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน โอ้ๆๆๆ ตายๆๆๆ เป็นอย่างนี้ได้ยังไง ธิดาดอยอยากจะตะโกนให้ก้องโลก แต่เสียงที่ออกมากคือ จิ๊บๆ จิ๊บๆ จิ๊บบ้าจิ๊บบออะไร ใครหนอ ใครช่างทำกับธิดาดอยสุดสวยอย่างนี้ได้ สมองธิดาดอยเต็มไปด้วยความสับสนและสงสัยว่า เรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นกับตนได้อย่างไร เธอดูละคร ดูภาพยนตร์ทั้งไทยและต่างประเทศเรื่องเกี่ยวกับคนกลายเป็นสัตว์และสัตว์กลายเป็นคน หรือสลับร่างกันด้วยเหตุต่างๆ ที่ละครหรือภาพยนตร์เรื่องนั้นกำหนด เธอพูดเสมอว่า เหตุการณ์เช่นนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นจริง ทว่าตอนนี้เธอรู้อย่างหนึ่งว่า เรื่องที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปได้ แต่ทำไม ทำไมต้องกลายเป็นนกหงส์หยกณัชชาด้วย สัตว์อื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะ แล้วจะเป็นอย่างนี้อีกนานแค่ไหนเนี่ย จะกลับเป็นคนได้อีกหรือเปล่า ธิดาดอยยิ่งคิดยิ่งทุกข์และเศร้าใจ น้ำตาจึงสะท้อนความรู้สึกของธิดาดอย... เธอร้องไห้กับเรื่องที่เกิดขึ้น  นกหงส์หยกที่เวลานี้ชื่อธิดาดอย กระพือปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้า เธอบินไปไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ใด เมื่อเหนื่อยก็บินเกาะกิ่งไม้ จากนั้นก็บินต่อไปเรื่อยๆ เพื่อหาคำตอบที่ตัวเองอยากรู้ .......................................           ธิดาดอยในร่างนกหงส์หยกบินไปตามแม่น้ำทางทิศเหนือ ยิ่งบินไปไกลจากจุดที่โผล่พ้นน้ำ เธอยิ่งรู้สึกว่า เหมือนไม่ใช่เมืองไทย เพราะอากาศที่นี่เย็นสบาย แดดก็ไม่แรง คนที่เดินอยู่ริมแม่น้ำก็แต่งตัวแปลกๆ คล้ายคนจีน เธอแอบคิดไปว่าอาจมีค่ายละครหรือภาพยนตร์มาถ่ายทำแถวนี้ คนที่เธอเห็นจึงสวมชุดเหมือนคนจีน เมื่อเข้าใจเช่นนั้น เธอจึงบินต่อไปเรื่อยๆ           “โครกคราก โครกคราก” ระหว่างที่บินไป ท้องเธอเกิดร้องขึ้นมา ไม่ได้ร้องธรรมดา ร้องดังมาก เสียงท้องร้องมาพร้อมความหิว และด้วยสัญชาตญาณของความเป็นนก ธิดาดอยบินต่อไปเรื่อยๆ จนเจอแปลงผักของชาวบ้านที่ปลูกอยู่เต็มพื้นที่ที่น่าจะมากกว่าสิบไร่ นกหงส์หยกจิตใจมนุษย์บินลงไปเกาะบนดอกกะหล่ำที่ปลูกเป็นแถวยาว ก่อนจะใช้ปากจิกกินผักอย่างเอร็ดอร่อย           “กรี๊ด!” ธิดาดอยกรีดร้อง แต่เสียงที่ออกมาคือ จิ๊บๆ เมื่อเธอเห็นหนอนหลายสิบตัวชอนไชขึ้นมาจากพื้นดิน หนอนเป็นสัตว์ที่เธอเห็นครั้งใด ขยะแขยงเมื่อนั้น เธอรู้มาว่า หนอนคืออาหารของนก เธอภาวนาอย่าให้นกหงส์หยกโปรดปรานหนอน “อย่านะ แกอย่ากินนะ อย่ากิน” ธิดาดอยบอกนกหงส์หยกที่เวลานี้ ชะโงกหน้าลงไปมองหนอนที่ไต่หยุบหยับ ทำท่าทางเหมือนจะจิกกิน ถ้ากิน เธอคงอาเจียนออกมาหมดไส้หมดพุงแน่           “แกอย่ากินนะ แกอย่ากิน” ธิดาดอยบอกนกหงส์หยกที่ตอนนี้บินลงไปยืนอยู่บนพื้นดิน ก้มมองหนอนนับสิบตัว ธิดาดอยในร่างนกเริ่มหายใจหายคอไม่สะดวก เมื่อนกตัวดีก้มหน้านำปากไปจิกลงบนตัวหนอน แต่ไม่นำเข้าปาก คล้ายกับว่า นกตัวสวยกำลังแกล้งคนไม่ชอบหนอน “ไอ้นกบ้า อ้วกอยากจะอ้วก”           ถ้าหากธิดาดอยขย้อนผักที่กินไปเมื่อครู่ออกมาทางปากได้ เธอทำไปแล้ว แต่นี่ทำไม่ได้ ได้แต่ทำท่าพะอืดพะอมเท่านั้น ไม่นานนักนกหงส์หยกก็บินไปยังแหล่งน้ำที่ใสสะอาด ดื่มน้ำจนพอใจก่อนจะโบกโบยบินต่อไป ธิดาดอยโล่งอกที่ออกห่างเจ้านอนแสนขยะแขยง           ความแปลกตาเริ่มมีมากขึ้น เมื่อธิดาดอยในร่างนกบินมาในเขตชุมชนที่มองยังไงก็ไม่ใช่วิถีชีวิตไทยในชนบท ป้ายที่เธอเห็นเป็นภาษาจีน การแต่งกายของชายหญิงต่างวัยก็เป็นชุดจีนโบราณที่เห็นในภาพยนตร์จีนกำลังภายใน เธอบินมาเกาะบนกิ่งไม้มองดูสถานที่อันแปลกตาด้วยความแปลกตาตื่นใจ มองคนที่กำลังทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค้าขาย เลือกซื้อของ และภาษาที่พวกเขาพูดก็เป็นภาษาที่เธอไม่แตกฉานมากนัก แม้ว่าจะมีเชื้อสายจีน แต่เหตุใดการได้ยินครั้งนี้ ธิดาดอยกลับเข้าใจภาษาจีน เธอฟังออกว่าคนเหล่านั้นสนทนาอะไรกัน           “ฟังภาษาจีนออกได้ไงหว่า” เธอถามตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ “เอ...เรามาอยู่ชุมชนคนจีนหรือวะเนี่ย”           ธิดาดอยกำลังนึกถึงย่านไชน่าทาวน์ที่มีคนเชื้อสายจีนอยู่กันเสียส่วนใหญ่ และมักพูดกับเป็นภาษาจีน ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นแบบจีน ภาพที่เห็นตรงหน้า เธอจึงเข้าใจเช่นนั้น           “แต่ทำไมสถานที่ถึงได้ดูโบราณจัง เสาไฟฟ้าสักต้นก็ไม่มี สายโทรศัพท์ก็ไม่เห็น สายเคเบิ้ลก็ด้วย อาคารบ้านเรือนก็ดูย้อนยุค อย่างกับสมัยพระเจ้าเหา หรือว่ามันจะเป็นไชน่าทาวน์แบบย้อนยุคย้อนสมัย” ธิดาดอยพูดกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจ ยังคิดว่าอยู่ในสถานที่ถ่ายทำหนัง แต่อีกใจก็บอกว่าไม่น่าใช่ เพราะมันดูแปลกๆ พิกล ยิ่งได้ยินคำพูดของหญิงชราที่สนทนากับคนวัยเดียวกัน เธอเริ่มไม่แน่ใจว่า ที่นี่จะใช้สถานที่ถ่ายหนังหรือไม่           “วันนี้องค์รัชทายาทสั่งประหารเหล่าขุนนางที่ฉ้อฉลสิบคน ท่านช่างโหดเหี้ยมจริงๆ” หญิงชราพูดกับเพื่อนวัยเดียวกัน           “แต่คนพวกนั้นก็สมควรได้รับโทษ เจ้าก็รู้นี่ว่า ขุนนางพวกนั้นขูดเลือดขูดเนื้อพวกเรามานาน องค์รัชทายาททำเช่นนั้นก็ถูกแล้ว” คนเป็นเพื่อนเห็นต่าง           “เออมันก็จริง”           “องค์รัชทายาททำเพื่อประชาชน พระองค์คงอยากให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข ไร้คนคดโกง อีกอย่างชาวบ้านตาดำๆ ก็ได้ผลประโยชน์จากการสังหารคนพวกนี้ด้วยนะ” คนเป็นเพื่อนคุยต่อ           “องค์รัชทายาทเด็ดขาดอย่างนี้แหละ ฮ่องเต้ถึงวางใจปล่อยให้ดูแลบ้านเมือง” อีกคนคุยตอบโต้ ฮ่องเต้ องค์รัชทายาท ขุนนาง เจ้า ข้า... ธิดาดอยทวนคำพูดที่ได้ยินในใจ พรางนึกถึงหนังจีนเรื่องโปรดอุ้ยเสี่ยวป้อที่ตนชอบดู ภาษาที่ใช้ในหนังเหมือนกับที่หญิงชราสองคนนี้พูดกัน แล้วยังมีฮ่องเต้ที่รู้ดีว่าคือประมุขปกครองบ้านเมือง มีอำนาจล้นฟ้า องค์รัชทายาทคือเชื้อสายที่สืบทอดบัลลังก์ ขุนนางคือข้าราชการรับใช้ฮ่องเต้และบ้านเมือง ทั้งหมดนี้ล้วนแต่อยู่ในหนังเรื่องนั้นไม่มีผิด จะต่างกันก็ตรงทรงผม อุ้ยเสี่ยวป้อไว้ผมเปียยาว มีผมเพียงครึ่งหัว แต่ผู้ชายที่เดินกันหลายคนเกล้าผมขึ้นสูงแล้วจับเป็นมวยกลางหัวมีผ้าพันรอบคล้ายกับว่ารัดมันไว้ไม่ให้ผมหลุดลุ่ย แต่การแต่งกายก็เหมือนชาวบ้านในหนัง ฐานะดีหน่อยก็สวมเสื้อผ้าจากผ้าเนื้อดีมีราคา ซึ่งเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน           ธิดาดอยเริ่มสงสัยแล้วว่า ตัวเองอยู่เมืองไทยจริงหรือไม่ แต่ใจก็คิดว่าเป็นอื่นไปไม่ได้ที่ตนจะอยู่ต่างประเทศ สถานที่แห่งนี้คงเป็นการจำลองเพื่อถ่ายภาพยนตร์จีนแน่นอน เธอจมน้ำในประเทศไทย จะมาโผล่เมืองจีนคงเป็นไม่ได้ แถมยังย้อนยุคย้อนสมัยมาไกลหลายร้อยปี พูดให้ใครฟังคงหาว่าบ้า เมื่อในใจเต็มไปด้วยความสับสนที่ค้านกันไปมา นกหงส์หยกธิดาดอยได้บินขึ้นสู่ท้องฟ้า สะบัดปีกบินไปเรื่อยๆ ที่ยิ่งบินผ่านบ้านเรือนที่ปลูกสร้างคล้ายหนังจีนโบราณ ที่ปลูกกันเป็นทิวแถว ร้านค้าน้อยใหญ่เหมือนในหนังจีนไม่ผิดเพี้ยน ผู้คนก็ใช่ด้วย และที่สำคัญเธอมองไม่เป็นทีมงานถ่ายภาพยนตร์สักคน           “กูอยู่ไหนกันแน่เนี่ย” ธิดาดอยถามตัวเอง บินต่อไปจนพบเห็นสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่อลังการ มองยังไงก็คือวังที่เห็นบ่อยในหนังจีนย้อนยุค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทูซีไทเฮา บูเช็คเทียนและอีกหลายเรื่อง แม้ว่าวังที่อยู่ตรงหน้าจะไม่เหมือนกับในหนังทั้งหมด แต่มันก็คือวัง           วังหลวง...ในราชวงศ์ใดราชวงศ์หนึ่ง เป็นพระราชวังที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้นกน้อยธิดาดอยมาก เพราะยิ่งใหญ่อลังการสุดๆ           แล้วมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง เป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ที่สุดในชีวิต ธิดาดอยถึงกับงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง กลายร่างมาเป็นนกหงส์หยกก็ว่าแย่พอแล้ว นี่ดันทะลุมิติมาอยู่เมืองจีนอีก                โอ้...พระเจ้าจอร์จ มันเป็นไปได้หรือนี่           ธิดาดอยพยามย้ำถามตัวเองว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เส้นการเวลาบรรจบกันพอดี ทำให้เกิดเรื่องราวเหลือเชื่อที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง คราวนี้จะทำยังไง แก้ปัญหาให้กลับเป็นคนยังไม่ได้ นี่ดันมาโผล่สมัยราชวงศ์อะไรก็ไม่รู้ นั่งเครื่องบินกลับก็ไม่มี นั่งเรือก็คงไม่มีวันถึงบ้าน จะบินกลับประเทศไทยในสมัยรัชกาลปัจจุบันก็ไม่รู้ว่าจะบินไปทิศทางใด ไม่ติดเหงกอยู่ที่นี่ไม่ได้เจอพ่อแม่พี่ชายและพี่สาวไปตลอดชีวิตหรือนี่           โชคชะตากำลังเล่นตลกอะไรกับธิดาดอย เธอไม่เคยทำบาปกรรมรุนแรง อย่างมากก็ฆ่ามด กระทืบแมลงสาป และแกล้งนกหงส์หยกณัชชา เธอคิดว่า ตัวเองอยู่ในศีลในธรรมคนหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ไปทำบุญที่วัดก็ตาม แล้วเหตุใดตนต้องพบเจอกับเรื่องไม่น่าเชื่อนี้ด้วย ความเสียใจและอีกหลายหลายความรู้สึกกลายเป็นน้ำตาที่หยดไหลลงสู่พื้นดิน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม