E-Fortuity นายคือความบังเอิญของฉัน | 6/2

2313 คำ
หลายวันต่อมา “เออ พวกมึงกูเจอพี่รหัสล่ะ” จู่ ๆ แพรก็พูดขึ้น เรียกความสนใจจากพวกฉันให้หันไปมองหน้ามันอย่างไม่ได้นัดหมาย “พี่แม่ชีแห่งบริหารเหรอวะ?” ซีถาม “เออ กูไปสืบมาว่าใครเป็นพวกสายธรรมะธัมโม แล้วกูก็พบว่ามีพี่คนหนึ่งที่สุดแห่งความเป็นแม่ชีมาก คำหยาบไม่พูด เข้าวัดทำบุญเป็นประจำ แถมเป็นคนนิ่ง ๆ ไม่สุงสิงกับใครด้วย กูเลยฟันธงว่าคนนี้ต้องใช่อย่างแน่นอน” “แล้วมึงไปขอเข้าสายรหัสยัง?” ฉันถามมันบ้าง “เรียบร้อยค่า กูโคตรเกร็งเลยมึง ตอนโทรไปขอเข้าสายกับพี่แก รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบาปที่ไปแปลกเปื้อนในชีวิตของพี่แกอ่ะ” “มึงก็พูดไปเนอะ ฮ่า ๆ” ฉันส่ายหัวไปมาพลางขำเบา ๆ เพราะตลกกับคำพูดของมัน “เออ แล้วพวกมึงล่ะ?” แพรถามพวกฉัน “ยังอ่ะ กูไม่ค่อยมีเวลาไปตามหาเลย” ก็ดูสิคะ วัน ๆ นึงต้องตื่นมาเรียนแต่เช้า บ่ายเข้าห้องเชียร์กับกิจกรรมรับน้อง กลับหอไปสลบ จะเอาเวลาไหนไปตามหาพี่รหัสล่ะ “กูก็ยัง” ซีตอบนิ่ง ๆ ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย “รีบ ๆ หาเลยนะพวกมึง ใกล้จะรายงานสายรหัสแล้ว เดี๋ยวได้โดนลงโทษหนัก” “เออ ๆ” ซีรับคำอย่างขอไปที วันนี้พวกฉันไม่มีซ้อมเชียร์กับเข้ากิจกรรมรับน้อง พอเรียนเสร็จก็เลยพากันมานั่งเล่นตรงโต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้หน้าตึกเรียน “ม๊ากูโทรตามแล้วพวกมึง วันนี้มีนัดกินข้าวกับญาติ กูไปละนะ” “เออ ๆ” ซีปัดมือไล่แพรอย่างเย็นชา “โอเคมึง บาย~” ฉันบอกแพรพลางโบกมือลา “บาย” แพรโบกมือลาให้พวกฉันแล้วก็เดินจากไป “แล้วมึงอ่ะ กลับไง?” พอแพรไปแล้ว ซีก็หันมาถามฉัน “รถเมล์นี่แหละ” “ให้กูไปส่งไหม?” “ไม่เป็นไร ๆ มึงกลับเลย กูกลับรถเมล์เนี่ยแหละ” “เอางั้นเหรอ?” “อืม ไม่ต้องห่วง สบาย” “เค กูกลับล่ะ” “อ่า ๆ กลับดี ๆ นะ” ซีกลับไปแล้ว ฉันนั่งอยู่ตรงนี้ต่ออีกสักพักหนึ่ง ก่อนจะลุกเดินไปนั่งรอรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์ ฉันรอรถเมล์อยู่ได้ไม่นาน จู่ ๆ ก็มีรถยนต์สุดหรูคันหนึ่งขับมาจอดเทียบฟุตบาทข้างหน้า ก่อนที่คนขับจะเลื่อนกระจกรถลง จึงทำให้รู้ว่าเขาคือพี่อีธานนั่นเอง! แค่เห็นใบหน้าของเขา ฉันก็แทบอุทานออกมา “กลับยังไง?” พี่เขาเอ่ยถามฉัน “รถเมล์ค่ะ” ฉันตอบออกไปแบบประหม่าเล็กน้อย “...…” เขานิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดบอกฉัน “ขึ้นมา เดี๋ยวไปส่ง” เขาอาสาไปส่งฉันอย่างนั้นเหรอ? นี่เขาไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่าเนี่ย! “ไม่เป็นไรค่ะ ๆ เดี๋ยวรถเมล์ก็มาแล้ว” “อย่าขัดใจ!” เขาทำหน้าไม่พอใจทันทีที่ฉันตอบปฏิเสธน้ำใจเขาไป ก็ฉันไม่กล้าให้เขาไปส่งนี่นา หรือจะเรียกว่าอึดอัดใจก็ได้ “...…” “ยืนเอ๋ออะไร เร็ว ๆ ดิ” แล้วดูคำพูดเขาสิ อยากไปด้วยตายแหละ “ไม่…” ยังพูดไม่ทันจบ เขาก็พูดสวนขึ้นมาซะก่อน “จะขึ้นมาดี ๆ หรือจะให้ฉันไปอุ้มเธอขึ้นมา!” อุ้มเหรอ? ไม่เด็ดขาดอ่ะ เขาไม่ได้พูดเฉย ๆ แต่เหมือนจะทำอย่างที่ขู่จริง ๆ เพราะเขากำลังจะเปิดประตูรถลงมา ฉันเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งไปที่รถเขาทันที “ขึ้นแล้วค่า” “เหอะ! ขึ้นตั้งแต่แรกก็จบ เล่นตัวอยู่ได้” พอฉันขึ้นมานั่งบนรถ เขาก็พูดแซะฉันทันที “ไม่ได้เล่นตัวสักหน่อย ไม่อยากรบกวน…” ฉันหันไปเถียงเขา แต่พอเห็นแววตาดุ ๆ ของเขาก็กลืนคำพูดลงคออย่างทันทีทันใด เขาแอบน่ากลัวอยู่เหมือนกันนะ “…เผื่อพี่รีบ” “คิดไปเอง” เขาบ่นพึมพำอะไรอยู่คนเดียว ฉันไม่ค่อยได้ยินจึงถามออกไป “อะไรนะคะ?” “คาดเข็มขัด!” ทำไมต้องทำเสียงดุด้วยเนี่ย!? ฉันหันไปมองหน้าเขา แต่ก็ต้องสะดุดเข้ากับสายตาของเขาอีกแล้ว สายตาประหลาดที่ทำให้ฉันรู้สึกแปลก ๆ ตรงกลางหัวใจ ขอร้องล่ะใบหม่อน จะมารู้สึกตื่นเต้นอะไรกับเขาตอนนี้! “มองอะไร บอกให้คาดเข็มขัด” เสียงเขาดังชัดขึ้น ทำให้ฉันที่กำลังมองหน้าเขาอยู่ลนลานและทำตัวไม่ถูก ฉันค่อย ๆ เอื้อมมือไปคว้าเข็มขัดนิรภัยช้า ๆ แบบเงอะงะ แต่อยู่ ๆ พี่อีธานก็โน้มใบหน้าของเขาเข้ามาใกล้ฉันเรื่อย ๆ จนมันใกล้มาก มากจนทำให้ฉันแทบหยุดหายใจ มือที่กำลังคว้าสายเข็มขัดอยู่ก็หยุดชะงักด้วยเหมือนกัน เราสองคนจ้องตากันแบบตาไม่กะพริบ ไม่มีใครหลบสายตาหนีไปก่อน ใบหน้าที่ห่างกันไม่ถึงสิบเซนติเมตร ทำให้ฉันรับรู้ถึงลมหายใจกรุ่นร้อนอ่อน ๆ ของเขาที่เป่ารดข้างแก้ม ความเงียบงันทำให้ได้เสียงหัวใจของฉันที่เต้นดังโครมครามขึ้นมา เขาต้องได้ยินเสียงหัวใจของฉันแน่เลย ไม่นานเขาก็เหมือนจะรู้สึกตัว จึงเลื่อนใบหน้าออกไปอย่างช้า ๆ แล้วเอื้อมมือไปคว้าเอาเข็มขัดมาคาดให้ฉันอย่างรวดเร็ว “ชักช้าจริง ๆ ยัยเด็กดื้อ!” เขาพูดบ่นให้ฉัน แล้วขยับตัวออกไปนั่งประจำที่คนขับแบบดี ๆ ก่อนจะสตาร์ทรถขับออกมา ยัยเด็กดื้องั้นเหรอ? รู้ไหมสถานการณ์เมื่อกี้มันอันตรายต่อหัวใจของฉันมากเลย การอยู่ใกล้เขาทำให้ฉันรู้ว่าเขามีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจของฉันมากแค่ไหน ขณะอยู่บนรถเราสองคนแทบไม่ได้คุยอะไรกันเลย นอกจากฉันที่คอยบอกทางเขามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงหอพักที่ฉันอยู่ “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” ฉันพูดขอบคุณเขาไป ก่อนจะยื่นมือไปที่ประตูรถเตรียมจะเปิดลงไป “เดี๋ยว!” ฉันหยุดชะงักทันที ก่อนจะหันไปถามเขาด้วยความสงสัย “มีอะไรเหรอคะ?” “เจอพี่รหัสหรือยัง?” ทำไมจู่ ๆ เขาก็ถามเรื่องพี่รหัสนะ มีอะไรหรือเปล่า “ยังค่ะ” “ทำไมไม่ตามหา?” “ก็ไม่ค่อยว่างอ่ะค่ะ ทำไมเหรอคะ?” หรือว่าเขาจะเป็นพี่รหัสฉัน เพราะเขาดูมีพิรุธยังไงชอบกล “เปล่า รีบ ๆ หาล่ะ เดี๋ยวก็โดนวิ่งรอบสนามอีกหรอก” “ค่ะ” ฉันตอบเขาไปพร้อมรอยยิ้มแห้ง ๆ นึกถึงตอนวิ่งรอบสนามคราวนั้นทีไรฉันนี่รู้สึกเข็ดไปเลย ปวดขาไปสามสี่วันกว่าจะหายดี จะทำอะไรก็โคตรจะลำบาก แถมยังโคตรทรมานด้วย “ขอโทรศัพท์ฯ เธอหน่อย” “ทำไมคะ?” อะไรคืออยู่ดี ๆ ก็มาขอโทรศัพท์มือถือของฉัน “เอามาเถอะน่า” “แล้วเอาไปทำไมล่ะคะ?” “เอามา!” เมื่อเห็นว่าฉันไม่ยอมให้ดี ๆ ก็ทำเสียงดุแกมบังคับ “บอกมาก่อนสิคะ เอาไปทำไม?” “เธอแม่ง!” เขาสบถเสียงเบา แต่ฉันกลับได้ยินชัดเจนเต็มสองรูหู “...…” “…ดื้อจริง ๆ” “ก็ตอบมาก่อนสิคะ ว่าเอาไปทำไม” “เออ ๆ จะขอเบอร์” ขอเบอร์…ฉันเหรอ? “เอาไปทำไมคะ?” “ขอไม่ได้?” แล้วทำไมต้องถามกลับด้วยเล่า ทำเอาฉันงงหนักกว่าเดิม “ก็เราไม่มีธุระต้องติดต่อกันนี่คะ” “เดี๋ยวก็มี” “ไม่เห็นจะอยากมีด้วยเลย คนอะไรชอบบังคับให้ทำนู่นทำนี่อยู่เรื่อย” ฉันบ่นงึมงำคนเดียวอย่างนึกหมั่นไส้ให้เขา “เธอว่าไรนะ?” “เอ่อ…เปล่าค่ะ” “ตกลงจะให้ได้ยัง?” เมื่อเห็นเขาคะยั้นคะยอไม่หยุด ฉันก็เลยต้องจำใจหยิบโทรศัพท์มือถือยื่นไปให้เขา พอเขารับมันไปก็ก้มหน้าทำท่าจะกด แต่ก็ชะงักและเงยหน้าขึ้นมามองฉันอีกรอบ “รหัส?” อ้อ ฉันลืมปลดล็อกหน้าจอให้เขาก่อนยื่นให้ “หนึ่งสี่ศูนย์สองศูนย์หนึ่ง” “วันเกิดเหรอวะ” “ระ..รู้ได้ไงคะ?” ฉันเลิกคิ้วสูงทันทีด้วยความแปลกใจ “เก่ง” เขายกยิ้มพลางทำหน้าภูมิอกภูมิใจที่ตัวเองรู้ว่านั่นคือวันเกิดของฉันแบบสุด ๆ จนฉันอดที่จะลอบเบะปากมองบนไม่ได้ ใช่ค่ะ รหัสที่ฉันเพิ่งพูดออกไปนั่นคือวันเกิดของฉันเอง ฉันเกิดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2001 ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์นั่นแหละ ฉันโชคดีใช่ไหมล่ะที่ได้เกิดวันแห่งความรัก เมื่อรู้รหัสผ่านฉันแล้ว เขาก็ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์มือถือของฉันอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะยื่นส่งคืนมาให้ฉัน “อ่ะ เอาคืนไป” “ค่ะ ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมคะ?” ฉันถามเขาไป เพราะมาถึงหอตั้งนานแล้ว แต่เขาไม่ยอมปล่อยให้ฉันลงรถสักที “อือ ลงไปสิ” “ค่ะ ขอบคุณอีกรอบนะคะที่มาส่ง” ฉันพูดบอกขอบคุณเขาไปอีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูรถลงมา จังหวะที่ฉันกำลังจะปิดประตู เขาก็พูดบอกฉันขึ้น “ฝันดีนะยัยเด็กดื้อ” พอฉันปิดประตูรถเสร็จ เขาก็ขับรถออกไปทันที “อะไรคือมาบงมาบอกฝันดี ฉันไม่ได้ดื้อสักหน่อย” ฉันยืนบ่นพึมพำอยู่คนเดียว สายตาก็มองตามรถที่เพิ่งขับเคลื่อนออกไปจนพ้นสายตา พอขึ้นมาถึงห้อง ฉันก็รีบไปอาบน้ำเลย หลังอาบน้ำเสร็จจะได้ไปทำข้าวเย็นกินและทำการบ้านต่อ วันนี้ฉันต้องรีบทำอะไรให้เสร็จเร็ว ๆ หน่อย เพราะวันนี้ฉันมีภารกิจที่ต้องตามหาพี่รหัสของฉันด้วยน่ะ ปกติฉันจะทำกับข้าวกินเอง เพราะมันสะดวกกว่าที่จะต้องซื้อกินทุกวัน หอก็ไม่ได้ห้ามทำอาหารด้วยเลยเข้าทางฉันสุด ๆ แต่ขอกระซิบบอกเลยนะคะ กับข้าวฝีมือฉันเนี่ยอร่อยสุด ๆ ไปเลย ใครได้กินจะต้องติดใจอย่างแน่นอน ขออวยตัวเองนิดนึง ฉันรีบทำการบ้านให้เสร็จ ใช้เวลาไม่นานมันก็เสร็จเพราะโชคดีที่วันนี้มีไม่ค่อยเยอะสักเท่าไหร่ และเมื่อทำการบ้านเสร็จแล้ว ภารกิจต่อไปที่สำคัญของฉันก็คือการตามหาพี่รหัสนั่นเอง! แม้ฉันจะรู้สึกตงิดใจอยู่เล็กน้อยเมื่อตอนเย็นที่พี่อีธานถามเกี่ยวกับพี่รหัสของฉัน แต่ฉันก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดีว่าเป็นเขา ถ้าเกิดไม่ใช่เขาขึ้นมาฉันจะหน้าแตกหมอไม่รับเย็บเอาได้ อีกอย่างเขาก็ดูไม่ค่อยจะโหดเท่าไหร่ ถึงแม้จะชอบบังคับฉันให้ทำนู่นทำนี่ก็เถอะ แต่เรื่องความหล่อ ความรวยนี่ยกให้เลย เอาล่ะ เริ่มจากไปส่องเพจของคณะเป็นอย่างแรก อาจจะมีร่องรอยเกี่ยวกับพี่รหัสของฉันบ้าง แต่เอ๊ะ พอได้จับโทรศัพท์มือถือฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนเย็นพี่อีธานเขาเอาโทรศัพท์มือถือของฉันไปกดเบอร์โทรเขานี่นา ขอดูหน่อยละกันว่านอกจากเอาไปกดเบอร์แล้วได้แอบเอาไปทำอะไรอีกบ้างรึเปล่า ฉันกดดูตรงประวัติโทรออก ก็เห็นว่ามีขึ้นโชว์ว่ากดโทรออกหาเบอร์แปลก ๆ อยู่เบอร์หนึ่ง ซึ่งก็คงเป็นเบอร์เขานั่นแหละ LINE! และจู่ ๆ เสียงแจ้งเตือนไลน์ของฉันก็ดังขึ้น ทำเอาฉันสะดุ้งตกใจ ETHAN : นอนยัง? BAIMON : ใครคะ? ETHAN : ดูรูปโปรไฟล์สิยัยบื้อ! ฉันว่าไม่จำเป็นต้องดูหรอกค่ะ มีคนเดียวนั่นล่ะ ที่ชอบว่าชอบด่าฉันแบบนี้ หึ เขาคงเอาไลน์ฉันไปแอดไลน์ด้วยสินะ ร้ายกาจจริง ๆ BAIMON : มีอะไรคะ? ETHAN : ไม่มีอะไร แค่จะบอกว่านี่ไลน์ฉัน ห้ามบล็อก! BAIMON : ค่าาา บังคับอีกแล้ว เขาเป็นบ้าอะไรเนี่ย เสพติดการบังคับหรือไงกัน! ฉันเลิกสนใจไลน์เขาแล้วหันมาจดจ่อกับเพจเกี่ยวกับข่าวเม้าท์ต่าง ๆ ของคณะฉันแทน จนกระทั่งไปเจอกับโพสต์หนึ่ง ซึ่งเป็นโพสต์รูปคู่ของพี่อีธานกับพี่ติณโดยใช้แคปชั่นว่า ‘สองหนุ่มบริหาร หล่อ โหด คูณสองจากแก๊ง EXTRA เห็นแล้วพี่ใจไม่ดีเลยค่า ^^’ ฉันมองจ้องโพสต์นั้นพลางคิดในใจว่าอาจจะเป็นสองคนนี้ก็ได้ แต่ฉันยังไม่เคยคุยกับพี่ติณเลย เวลาเข้าเชียร์ก็เห็นพี่แกคีพลุคโหด ๆ ตามแบบสไตล์พี่วินัยทั่วไปอ่ะ ไม่เห็นพูดหรือทำอะไรนะ ส่วนพี่อีธานนี่ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าเป็นยังไง เฮ้อ~ แล้วใครโหดกว่ากันอ่ะ ~ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย~ แต่จะว่าไปพี่พอร์ชก็อีกตัวเลือกหนึ่ง เพราะพ่อพี่แกเป็นถึงมาเฟียใหญ่ แต่เวลาเจอที่ห้องเชียร์พี่แกก็ดูไม่โหดนะ แถมยังดูใจดีมาก ๆ อีกด้วย คิดหนักอยู่แฮะ ฉันนั่งครุ่นคิดมาได้สักพักหนึ่งก็ตัดสินใจได้แล้วค่ะ! ฉันตัดสินใจว่าจะไปถามทั้งสามคนแบบตรง ๆ ไปเลยดีกว่า ถ้าไม่ใช่ก็แค่หน้าแตกเอง คำใบ้ยากขนาดนี้ใครมันจะไปรู้ล่ะ เริ่มจากพี่พอร์ชก่อนเลยก็แล้วกัน เพราะพี่เขาดูเข้าถึงง่ายที่สุดแล้วในสามคนนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม