งั้นขอนอนเป็นเพื่อน

1007 คำ
“ไม่รู้เขา แต่ลงเรียนด้วยกันนั่นแหละ มีอะไรหรือเปล่า” “ไม่มี ถามเฉยๆ” แล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำแบบฝึกหัด ฉันอมยิ้ม เมื่อเข้าใจว่าน้ำรินแค่หาเรื่องชวนฉันคุยเท่านั้นแหละ ปกติเป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว เลยไม่รู้จะถามอะไรถ้าไม่มีประเด็นจริงๆ เราสองคนคบกันได้เพราะขี้เกียจพูดด้วยกันนี่แหละ แต่พอมีประเด็นอะไรจริงๆ ก็เมาธ์ฉ่ำ “ใครส่งงานแล้วออกก่อนได้นะครับ” ครูประจำวิชาแจ้งในสิบนาทีสุดท้าย ซึ่งเพื่อนๆ ก็ลุกไปส่งงานเกือบครึ่งห้อง รวมทั้งฉันกับน้ำรินด้วย พอเดินลงมาจากอาคารก็เห็นเบสกับแก๊งเพื่อนของเขานั่งเล่นกีตาร์อยู่ที่ม้าหินอ่อน มีสาวๆ กลุ่มหนึ่งนั่งฟังด้วย...แต่น่าจะเป็นเพื่อนห้องเขาแหละ เขาโบกมือให้ฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเพราะหันมาทางนี้อยู่แล้ว อืม นานแค่ไหนที่ไม่ได้เห็นเขาไม่หน้าบูดเพราะฉันมาตามไปเรียนพิเศษ “นั่งด้วยกันไหม” เพื่อนผู้หญิงขยับให้ฉันกับน้ำรินนั่งด้วยกัน เสียงกีตาร์ก็หยุดลงด้วย เพื่อนๆ ของเบสแสดงความเสียใจกับฉัน “เสียใจด้วยนะแมงมุม” “ขอบใจมากนะ...ไม่เล่นต่อล่ะ รอฟังอยู่” ฉันก็พยายามไม่ให้บรรยากาศมันเศร้ามาก ซึ่งเพื่อนๆ ก็เข้าใจ เลยเล่นกีตาร์ร้องเพลงกันต่อ “น้ำรินร้องเพลงให้ฟังหน่อยสิ” เพื่อนๆ เชียร์เพราะน้ำรินเป็นนักร้องโรงเรียน ประกวดร้องเพลงบ่อยๆ ซึ่งเจ้าตัวก็ตั้งใจจะเรียนร้องเพลงในระดับมหาวิทยาลัยด้วย “เพลงหนึ่งนะ วันนี้ไม่ค่อยสบาย เจ็บคอ” เสียงก็แปร่งๆ จริงๆ แต่ก็ร้องเพลงกับเพื่อนๆ ได้หนึ่งเพลง เบสลุกจากม้านั่งที่ถัดจากฉันไปพอสมควร สะกิดไหล่ให้หันไปคุย “ไปเลยไหม ไปหาอะไรกินก่อน หิว” เรามีเรียนตอนห้าโมงครึ่งถึงหนึ่งทุ่ม ตอนนี้ก็เพิ่งจะสี่โมงครึ่ง “ไปสิ” วันนี้มาแปลก ชวนฉันไปเรียนเอง ไม่ต้องให้ลากให้บ่นหรือหาวิธีพิสดาร อืม มันคงอยู่ในช่วงที่ฉันกำลังเศร้า เบสเลยไม่อยากหาเรื่องทะเลาะ “น้ำริน แกไปกินชาบูกับพวกฉันไหมล่ะ” เลยหันไปถามเพื่อน เพราะคิดว่าน่าจะทัน “อืม ไม่ดีกว่า พวกแกไปเถอะ ไว้วันหลังไม่มีอะไรค่อยไป” “แล้วไปไหนต่อไหม หรือกลับเลย” “จะไปกินชาบูเหรอ ไปด้วยสิ” เพื่อนคนอื่นๆ ก็เลยชวนกันไปกินชาบูกับน้ำริน ส่วนฉันกับเบสก็ขอแยกตัวออกมาเลย “แกอยากไปกินชาบูกับเพื่อนไหมล่ะเบส” ฉันถามขณะที่เดินออกมาจากกลุ่มเพื่อนแล้ว “เธอไม่อยากไปใช่ไหมล่ะ” “ฮื่อ ไม่รู้ทำไมมันรู้สึกเหนื่อยๆ อะ หมดพลังงานจะพูดจะคุยกับใคร นี่ยังคิดอยู่ว่าไม่อยากไปเรียน อยากกลับบ้านนอน แต่ถ้าแกอยากไปไปได้นะ” “ไม่ละ แต่กลับบ้านนอนน่าสน” เขาหันมาพูดยิ้มๆ ให้ฉันย่นจมูกใส่อย่างหมั่นไส้ “เอาไง กลับบ้านเลยไหม” “ไม่ละ ไปเรียนเถอะ” พอฉันให้คำตอบแบบนั้นเบสก็ทำให้ใจฉันหวิวๆ เมื่อเขาจับมือฉันแน่นขณะจะพาข้ามทางม้าลาย วันนี้ไม่ได้เรียนในห้างสรรพสินค้า แต่ก็เป็นตึกฝั่งตรงข้ามไม่ไกลเท่าไร เดินไปก็ถูกแล้ว ซึ่งเขาก็ไม่แค่จูงมือพาข้ามทางม้าลายเท่านั้น แต่เราจับมือกันไปจนถึงตึกที่ต้องเรียนพิเศษเลย มันเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่รู้สึกว่าเบสดีกับฉันดีมาก ไม่ชวนทะเลาะ ทำตัวว่าง่ายไม่ให้ต้องเหนื่อยกับปัญหาของเขา แล้วก็ดูแลฉันดีมากๆ ด้วย ช่วงแรกๆ เบสจะลงมาหาที่ห้องทุกคืน มานั่งทำการบ้านที่ห้องเป็นเพื่อนกัน “เที่ยงคืนแล้วนะแมงมุม การบ้านอะไรเยอะแยะ” “ก็ค้างมาตั้งแต่ช่วงงานศพแม่แหละ ต้องส่งวันศุกร์” ซึ่งก็คือวันมะรืน ได้ยินเสียงถอนหายใจก่อนที่เบสจะทำให้แปลกใจเมื่อเขาขึ้นไปนอนบนเตียงสบายใจเฉิบ จนฉันที่ทำการบ้านเสร็จตอนตีหนึ่งไม่รู้จะไปนอนไหน อีกฝ่ายลืมตาขึ้น ขยับๆ ไปชิดเตียงอีกฝั่ง เตียงห้าฟุตมันพอนอนได้สองคนจริงๆ นั่นแหละ...แต่มันได้เหรอ “นั่งเก้าอี้มาสามคืนแล้วแมงมุม เห็นใจฉันเถอะ” เขานอนแบบนั้นมาตลอดสามคืนจริงๆ นั่งเป็นเพื่อนจนไม่รู้ใครหลับไปก่อนใคร “ไม่ไปนอนห้องดีๆ ฉันอยู่ได้น่าเบส โอเคแล้ว” แต่เขาส่ายหน้าไม่เห็นด้วย แล้วก็ตบมือลงบนเตียง “ฉันไม่อยากให้เธออยู่คนเดียว” ช่วงนี้น้าบัวก็ยุ่งๆ ด้วย พอแม่เสียก็ต้องมาทำงานแทนแม่ทั้งหมด อะไรๆ ก็น่าจะยังไม่ลงตัว ฉันถอนหายใจ แล้วลุกขึ้นไปนอนบนเตียง มันไม่ใช่เรื่องที่จะมองให้ปกติได้หรอก เราโตพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ เหมือนเมื่อก่อน...แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจคือฉันเชื่อใจเขาได้ พอฉันขึ้นไปนอนข้างๆ เบสก็หลับตาลง สามคืนที่ผ่านมาเขาคงนอนไม่เต็มอิ่ม คืนนี้เลยดูเหมือนจะไม่เอาอะไรแล้ว ฉันนี่สิที่นอนไม่หลับ ทั้งความรู้สึกจากการสูญเสียแม่ ที่กลางคืนมันน่ากลัวจนไม่กล้าหลับตา หลับไม่สนิท แต่พอช่วงกลางวันกลับง่วงตลอดเวลา และการมีเบสอยู่ตรงนี้มันทำให้หายกลัว...แต่ทำให้ใจฉันสั่นไหวรุนแรง เมื่อเริ่มจะรับรู้ว่าความรู้สึกของตัวเองมันชัดเจน ว่ารู้สึกพิเศษกับเขาเกินกว่าเพื่อน...หรือพี่น้อง ถึงจะปากหมาไปบ้าง ทำตัวแย่ๆ ในบางหน แต่เวลาดีก็ดีใจหาย ไม่แปลกที่แมงมุมจะรักเบสตั้งแต่เด็กๆ เนอะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม