บทที่ 1.1 - สายเลือดมาเฟีย (มาเฟียเอาแต่ใจ)

1255 คำ
“ไม่จริง” ริคคาโดส่ายหน้าไม่เชื่อคำพูดของผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่าเป็นน้องสาวของหยาดน้ำค้าง “เธอโกหก!” ริมฝีปากสั่นระริกพอๆ กับแววตาที่วูบไหวแดงก่ำ ระดับเลือดในร่างกายร้อนรุ่มพอที่จะบีบลำคอระหงให้ตายคามือหากหล่อนยังกล้าพ่นวาจาสิ้นคิดออกมา “ฉันไม่ได้โกหก พี่น้ำค้างจากไปตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว” ห้าปีที่แล้วงั้นหรือ เป็นไปไม่ได้ จอมทัพบอกกับเขาเองว่าหยาดน้ำค้างยังมีชีวิตอยู่ และมันก็เป็นคนพาเธอมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ “โกหก!!!” ริคคาโดตวาดลั่น พราวน้ำฟ้าสะดุ้งตกใจ ถอยหลังหนีผู้ชายน่ากลัวอัตโนมัติ แต่มือหนากลับตามมากระชากแขนเรียวจนร่างบางปะทะอกแกร่ง “หยาดน้ำค้างยังไม่ตาย เธอโกหก! โกหก!” ผู้หญิงหน้าด้าน! กล้าดีอย่างไรมากุเรื่องโกหกเจ้าพ่อมาเฟียอย่างเขา หล่อนคงไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการไม่พูดความจริงกับผู้ชายที่ชื่อริคคาโดมันจะส่งผลร้ายต่อตัวเองยังไง “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายร่างกายฉันแบบนี้” พราวน้ำฟ้าพยายามแกะนิ้วเรียวยาวออกจากต้นแขนเพื่อให้ร่างกายเป็นอิสระจากผู้ชายอารมณ์ร้าย “เธอต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์โกหกฉัน” ริคคาโดเกร็งลำคอจนเส้นเลือดขึ้น ดวงตาคู่นั้นหากเปรียบเป็นใบมีดก็คงกรีดร่างของพราวน้ำฟ้าจนเลือดซิบ หญิงสาวขลาดกลัวกับสายตาดุกร้าวคู่นั้น รู้สึกถึงอาการสั่นพร่าของร่างกายโดยที่เธอไม่อาจควบคุมได้ “หยาดน้ำค้างยังไม่ตาย เธอยังอยู่ เธอยังมีชีวิตอยู่!” ริคคาโดเขย่าร่างของพราวน้ำฟ้าจนหล่อนเวียนหัวไปหมด เวลานี้เขาเหมือนคนคลุ้มคลั่งที่ไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งนั้น “คุณปล่อยนะ” พราวน้ำฟ้าอาศัยจังหวะที่เขาผ่อนแรงผลักอกกว้างออกสุดแรง “ฉันมีหลักฐานยืนยันว่าพี่น้ำค้างตายแล้ว ถ้าคุณไม่เชื่อก็ตามมา” ดูให้เห็นกันไปเลยว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง เรื่องความเป็นความตายไม่มีคนสติดีๆ ที่ไหนเขาเอามาล้อเล่นกันหรอก ยิ่งคนตายเป็นพี่สาวที่คลานตามกันมา เธอคงไม่บ้ามานั่งกุเรื่องเพื่อแช่งชักหักกระดูกพี่ของตัวเองได้ลงคอ ริคคาโดตัดสินใจเดินตามหญิงสาวเข้าไปในบ้าน ภายในตกแต่งอย่างเรียบง่าย มองแล้วน่าอยู่สบายตา การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย สมกับเป็นบ้านของหญิงสาวหน้าตาสะสวย เขากวาดสายตามองรอบๆ บ้านอย่างสนใจ จนกระทั่งดวงตาคู่คมสะดุดกับรูปๆ หนึ่งที่วางตั้งอยู่บนชั้นหนังสือ ริคคาโดเดินไปเพ่งมองใกล้ๆ “น้ำค้างกับเด็กคนนี้” เขาพึมพำในลำคอก่อนเงยหน้าถามเจ้าของบ้าน “น้ำค้างถ่ายรูปกับใคร” “ลูกชายฉันเองค่ะ” พราวน้ำฟ้ารีบตอบอย่างไว เธอเอาตัวมาบังกรอบรูปให้พ้นจากสายตาของเขา ท่าทีหวงแหนยิ่งทำให้ริคคาโดสงสัย หากนาทีนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเรื่องของหยาดน้ำค้าง เขาต้องการรู้ว่าหล่อนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ “นี่ค่ะ” “อะไร” ริคคาโดมองแผ่นกระดาษที่อีกฝ่ายยื่นให้ พราวน้ำฟ้าจับมันยัดใส่มือเขา “ฉันอ่านภาษาไทยไม่ออก” “แต่คุณพูดไทยได้นี่คะ” เขาเป็นต่างชาติที่พูดภาษาไทยได้ชัดถ้อยชัดคำ สำเนียงฟังง่ายไม่ต้องเดาให้เสียเวลา “พูดได้แต่อ่านไม่ได้” เมื่อก่อนริคคาโดไม่เคยมีความสนใจทางด้านภาษาไทยมาก่อน เขาไม่มีความคิดอยากเรียนรู้ภาษาชาติอื่นเพิ่มเติม ยกเว้นภาษาสากลอย่างภาษาอังกฤษที่จำเป็นต้องรู้ไว้เพื่อใช้ในการทำงาน จนกระทั่งได้พบกับหยาดน้ำค้าง สาวไทยหน้าหวานที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ เธอคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาอยากเรียนรู้ภาษาไทย เวลาที่หญิงสาวเครียดหรือกังวล เธอมักพูดคุยกับจอมทัพเป็นภาษาไทย ซึ่งเขาเดาว่านั่นคงเป็นโค้ดลับที่สองคนใช้ระบายเรื่องราวต่างๆ โดยไม่ต้องการให้ใครรับรู้ และเมื่อเขาได้ฟังน้ำเสียงอันไพเราะพูดคุยกับอดีตเพื่อนรักเป็นภาษาไทย ความรู้สึกของเขาก็เปลี่ยนไป เขาอยากพูดได้แบบนั้นบ้าง อยากเป็นผู้ฟังที่ดีในยามที่เธอต้องการใครสักคนเพื่อปรับทุกข์ อยากเป็นคู่สนทนาที่อยู่เคียงข้างเธอในวันที่โดดเดี่ยว เขาจึงเริ่มเรียนภาษาไทยอย่างจริงจังตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ใช้เวลาเพียงปีครึ่งริคคาโดก็สามารถพูดคุยภาษาไทยกับหยาดน้ำค้างได้อย่างคล่องแคล่ว ทำเอาหญิงสาวถึงกับตะลึงเพราะไม่คิดว่าเขาจะเรียนรู้ภาษาของเธอได้อย่างดีเยี่ยม ริคคาโดยังจำสายตาชื่นชมของหยาดน้ำค้างได้ไม่ลืม เธอนั่งฟังเขาพูดภาษาบ้านเกิดอย่างมีความสุข รอยยิ้มและเสียงหัวเราะอันสดใสหล่อหลอมหัวใจแข็งกระด้างให้รู้จักซึมซับความอ่อนโยน “ใบมรณะบัตรค่ะ” “หมายถึง?” หัวคิ้วเข้มขมวดชน ถึงจะพูดได้ฟังรู้เรื่อง ทว่าคำศัพท์ภาษาไทยขั้นสูงยังคงเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเขา “เป็นเอกสารยืนยันว่าพี่หยาดน้ำค้าง… เสียชีวิตแล้ว” พราวน้ำฟ้าอธิบายพอเข้าใจง่าย มือที่ถือใบกระดาษเคลือบแข็งไร้เรี่ยวแรง ร่างกายชาวาบไปทุกส่วน ดวงตาสุดแสนเจ็บปวดช้อนมองพราวน้ำฟ้า หัวใจบีบรัดแน่นเมื่อหล่อนหยิบวัตถุบางอย่างมาถือไว้ในมือ “อะไร” เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเค้นน้ำเสียงเอ่ยถามออกไป “นี่เป็นโกศบรรจุอัฐิของพี่หยาดน้ำค้างค่ะ เอ่อ หมายถึงกระดูกน่ะค่ะ” กระดูก… หมายความว่าร่างกายของผู้หญิงที่เขารักได้แตกสลายหายไปจากโลกใบนี้แล้วอย่างนั้นหรือ “ทำไมเธอถึงเผาร่างของหยาดน้ำค้าง ทำไมเธอไม่เก็บร่างของน้ำค้างเอาไว้ ทำไมหะ! ทำไม!” ริคคาโดตวาดกร้าว ใบหน้าคมคายตึงเครียดแดงก่ำ สันกรามแกร่งสั่นสะท้านตามอัตราการเต้นของหัวใจ แววตาเคียดแค้นจ้องมองพราวน้ำฟ้านิ่ง ราวกับสิ่งที่หล่อนทำเป็นเรื่องผิดมหันต์ “ตามหลักธรรมเนียมไทยเราจะเผาร่างของผู้เสียชีวิตแล้วเก็บเถ้ากระดูกของเขาเอาไว้” พราวน้ำฟ้าชี้แจงให้เห็นถึงความแตกต่างของขนบธรรมเนียม แต่ริคคาโดกลับไม่คิดเช่นนั้น เขามาที่นี่เพื่อมารับหยาดน้ำค้างกลับไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่อิตาลี ตั้งใจชดเชยเรื่องราวที่ผ่านมาให้กับเธอ แล้วนี่หรือคือสิ่งที่เขาได้รับ ความหวังอันสวยงามถูกความตายแห่งเงื้อมมือมัจจุราชพรากผู้หญิงอันเป็นที่รักไปจากเขาตลอดกาล เขาทำอะไรผิดนักหนา ทำไมพระเจ้าถึงกลั่นแกล้งเขาไม่จบไม่สิ้น “เอามา!” ริคคาโดแย่งโกศบรรจุอัฐิของหยาดน้ำค้างไปดื้อๆ พราวน้ำฟ้าโกรธเลือดขึ้นหน้า “คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้นะ” “ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ หยาดน้ำค้างเป็นภรรยาของฉัน ฉันจะพาเธอกลับไปอยู่กับฉัน” ริคคาโดมุ่งมั่นที่จะพายอดดวงใจกลับไปเหยียบแผ่นดินอิตาลีอีกครั้ง แม้ว่าสิ่งที่เขาได้กลับไปจะเป็นเพียงเถ้ากระดูกไร้วิญญาณก็ตาม!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม