เธอนี่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์จริงๆ ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ สี่เดือนที่ผ่านมาผมก็ค่อนข้างเรียนรู้อะไรหลายอย่างจากเธอไม่น้อย เลยพอจะรู้จุดอ่อนว่าควรจะแกล้งเธอจากตรงไหน ยิ่งเห็นเธอนอนเกร็งผมเลยคว้ารีโมทมากดปิดสวิตช์ไฟทุกดวง
หมับ!
“อร้ายย” เสียงกรี๊ดดังลั่นหลังจากนั้น มือเรียวยาวเข้ากอดที่ตัวผมแน่น ผมเลยรีบเปิดโคมไฟที่หัวเตียง ร่างเล็กสั่นและหลับตาสนิท ใบหน้าซุกลงที่อกผมอย่างจัง พอมีแสงไฟสว่างให้เธอไม่กลัว เธอก็เหลือบตามองผมอย่างเคืองๆ
“โทษที ลืมไปว่าคุณกลัวความมืด” แต่แทนที่เธอจะต่อว่าผม เธอกลับถามผมกลับ
“นายนอนได้ใช่ไหม ถ้าฉันจะเปิดโคมไฟ”
“ไม่ได้!” หน้าเล็กทำหน้างอ ผมก็แค่ต้องการแกล้งเธอเท่านั้น
“แต่คืนนี้คุณจะเปิดก็ได้ ผมค่อยปรับตัวเอา” เธอค่อยๆ ละออกจากอ้อมกอดและเปิดไฟที่หัวเตียงฝั่งเธอ ร่างเล็กนอนตะแคง คนอย่างเธอจะมาเป็นแม่ของลูกผมได้ยังไง แค่คืนแรกเธอก็เกร็งขนาดนี้ อย่างน้อยเธอก็ต้องมีอารมณ์ร่วมด้วยสิ ผู้ชายแบบผมถึงจะดำเนินต่อได้
END.
ฉันอยากจะกรีดร้อง นี่มันสถานการณ์ฉุกเฉิน ถึงมันจะไม่ใช่ครั้งแรกของการนอนกับผู้ชาย แต่มันคือครั้งแรกของการนอนกับเขา ฉันเข้าใจถึงพลังทำร้ายล้างที่สาวๆ ทุกคนมักพูดถึง ว่าการได้เห็นตินใกล้ๆ ใครไม่ใกล้ตายแสดงว่าคุณตายด้านเกินไป แน่นอนฉันไม่ได้ตายด้าน หน้าตาหล่อที่พอมองใกล้ๆ หัวใจฉันก็เต้นไปแล้ว 120 ครั้ง/นาที ฉันมีสิทธิ์หัวใจวายตายได้เลย ผู้หญิงคนอื่นอาจอิจฉาฉัน แต่ฉันกำลังจะตาย...ฉันไม่กล้าแม้แต่หันหน้าไปหาเขาอีกเลย นอนจากนอนตะแคงหันหลังใส่ ยิ่งเมื่อครู่ที่ฉันเผลอกอดเขาไป ร่างกายกำยำที่ถึงฉันจะสัมผัสแค่ชั่วครู่ แต่บอกได้เลยว่าเขาผ่านการดูแลตัวเองมาอย่างดี เขานี่งานดีเกินระดับพรีเมียมไปแล้ว มันซูเปอร์พรีเมียมตั้งหาก
ฮรืออ...ฉันไม่น่าเอาเรื่องเสี่ยงแบบนี้มาเติมพันธ์กับชีวิตตัวเองจริงๆ ให้ตายเถอะ
เวลา 06.00 น.
Rr…Rr…
เสียงสั่นของโทรศัพท์ที่ทำฉันตื่นนอน ฉันงัวเงียหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็พบว่าหน้าจอที่โทรเข้ามาคือพี่บาสที่โทรมาปลุกฉันแต่เช้า
“ว่าไงคะพี่บาส” ฉันตอบกลับอย่างงัวเงีย
(“พี่โทรมาปลุกเราหรือเปล่าคะ”)
“ไม่ค่ะ จูนกำลังจะตื่นพอดี”
(“พี่จำได้ว่า...จูนเคยบอกว่าจูนอยู่แถวซัมดง”)
“อืมมใช่ค่ะ แถวซัมดง” เสียงตอบแต่ตาไม่เปิดสักนิด ฉันหันตัวตะแคงมาอีกฝั่ง แสงสว่างที่สอดผ่านผ้าม่านผืนใหญ่ก็ทำฉันค่อยๆ ลืมตาตื่น
(“จูนรู้จักสวนสาธารณะตรงซัมดงไหม”)
“อ่อรู้จักสิคะ ไม่ไกลเท่าไร”
(“พี่จะบอกว่า...พี่มาวิ่งแถวนี้ พี่ย้ายมาซัมดงนะ”)
“อร้ายยยย”
(“จูนดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ”) ฉันเอามือปิดปากตัวเองทันที ไม่ใช่กรี๊ดเพราะดีใจ แต่ฉันกรี๊ดเพราะเห็นตินที่นอนข้างๆ ตั้งหาก ลืมไปเสียสนิทว่าเมื่อคืนเราตกลงนอนด้วยกันครั้งแรก ผู้ชายร่างสูงที่นอนข้างๆ ค่อยลืมตาขึ้น
“วะ..โวย” เขากำลังจะเอ่ยปากพูด ฉันก็รีบเอามือตัวเองปิดปากเขา และเผลอเอาตัวเองขึ้นคล่อมร่างกายใหญ่นั้นโดยอัตโนมัติเพราะกลัวปลายสายจะได้ยิน
(“เสียงใคร จูนอยู่กับน้องเหรอ”)
“เปล่าคะ เสียงทีวีนะคะพี่บาส ว่าบาสว่าไงนะคะ” ในระหว่างคุยโทรศัพท์ฉันก็นอนทับร่างกายเขาไปด้วย
(“พี่จะบอกว่า พี่มาซื้อบ้านตรงซัมดง ที่นี่บรรยากาศดีมากเลยนะ ใกล้ที่ทำงานมากด้วย จูนอยู่แถวไหน ตอนเช้าพี่รับ”)
“ซัมดง! ย้ายมาทำไมค่ะ!”
(“ก็...เงินเหลือนะ”) นี่คือคำตอบของคนมีเงินเหรอออออออออ ฉันจะใช้ชีวิตลำบากไหมหลังจากนี้
(“เอ่อ สวนสาธารณะใกล้บ้านจูนใช่ไหม เหมือนจูนเคยบอกว่าต้องมาวิ่งทุกเช้า”) ฉันไม่ควรบอกรายละเอียดพี่บาสมากเกินไป การที่ฉันบอกว่ามาวิ่งทุกเช้า เพราะฉันต้องการโกหกเรื่องที่ฉันมาสายในบางวัน เพราะต้องทำอาหารให้สามีตัวเอง มีเพียงตินเท่านั้นที่วิ่งที่นั่นทุกเช้า
“เสียงหอบนี้ พี่บาสกำลังวิ่งอยู่หรือเปล่าคะ”