โรงพยาบาล..
ซีนีนฝืนขี่รถมายังโรงพยาบาลรัฐใกล้บ้าน ระหว่างรอพบหมอสายตาก็สาดส่องผู้คนไปด้วย ดูหลายชีวิตที่บาดเจ็บกว่าเธอ บางคนแม้แต่ช่วยเหลือตัวเองยังไม่มี มองคนชราที่นั่งคอตกอยู่ตามลำพัง เพียงจ้องเข้าไปในตาลึกที่มีแต่ความเศร้า ก็เดาได้โดยไม่ต้องอธิบายเลยว่า ชีวิตเบื้องหลัง ทั้งตอนนี้และที่ผ่านหมองหม่นแค่ไหน
ความใจลอยเกิดขึ้นหลังจากนั้น เมื่อเธอย้อนความคิดกลับไปยังอดีต ช่วงวัยเด็กของตัวเอง
“ย่า นีรหิวข้าว”
“รอก่อนนะ ข้าวเพิ่งจะหุง”
“อยากกินกับปลาทอด”
“ได้สิ แต่นีรต้องรอ ย่าต้องไปตกมาก่อน”
“ย่าจะไปตอนไหน”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอกนีร พายุเข้า”
“งั้นกินกับอะไรละย่า”
“แตงโมที่เก็บมาเมื่อวาน เดี๋ยวย่าเอามายำให้กิน”
“แตงโมอีกละ” เด็กน้อยทำหน้ามุ่ย “กินจนหน้าจะเป็นแตงโมแล้วเนี่ยย่า”
“เดี๋ยวหยิกปากเลย มีอะไรตอนนี้ก็กินไปเถอะ ดีกว่ากินกับเกลือ”
“แต่เกลืออร่อยกว่านะย่า”
“บ๊ะ ไอ้นี่”
“ฮ่าๆๆ”
หญิงสาวนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับความคิดของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องอดีตในตอนนั้น ไม่นานเสียงเจ้าหน้าที่ก็ขานเรียก สาวเจ้าหลุดจากภวังค์ ก่อนจะลุกเดินไป
“คุณซีนีนนะคะ”
“ค่ะ”
“เชิญห้องตรวจสองเลยค่ะ”
วินาทีแรกที่สมองหันกลับมาสนใจปัจจุบัน กลิ่นยาตลบอบอวลก็โชยมาแตะจมูก เธอก้มลงมองแขนตัวเอง พลางสูดลมหายใจเข้าปอดสุดลึก
ไม่ใช่แค่ตื่นเต้น แต่ไม่รู้ค่าใช้จ่ายหลังจากนี้อยู่ที่ประมาณเท่าไหร่
“กระดูกร้าวครับ เกิดจากแรงกระแทก ต้องพักการใช้มือข้างนี้ชั่วคราว หรือใช้ให้น้อย แบบน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ คนไข้ทำงานอะไรครับ”
“บาริสต้าค่ะ ชงกาแฟ”
“อ่า อุปสรรคเอาเรื่องอยู่นะครับ คนไข้ต้องพักก่อน เดี๋ยวหมอจะเขียนใบรับรองแพทย์ให้”
“นี่นีรต้องลางานเหรอคะหมอ”
“ใช่สิครับ คุณพักการทำงานไปก่อนนะ แล้วนี่มายังไงครับ”
“ขี่รถมาเองค่ะ มอเตอร์ไซค์”
ทันทีที่เธอตอบ หมอถึงกับชะงัก ละสายตาจากจอคอมมามองเธอ
“อันตรายนะเนี่ย ไม่มีใครพามาเลยเหรอ”
ซีนีนเลิกคิ้วสูงในประโยคหลัง และเลือกที่จะไม่ตอบ แต่นั่งเฉย มองหน้าหมอแทน
จนกระทั่ง..
“เรียบร้อยครับ เดี๋ยวรอรับยานะ แล้วก็มีนัดกับหมออาทิตย์หน้า หวังว่า..จะหายดีจนขี่มอเตอร์ไซค์ได้อย่างถนัด”
หญิงสาวเลิกคิ้วสูงอีกรอบ ในดวงตาราวกับว่ามีคำถาม ไม่รู้หมอทราบได้อย่างไรว่ากว่าจะมาถึงนี่เสี่ยงรถชนไปหลายครั้ง
“ขอบคุณค่ะ”
ซีนีนกลับถึงหอพักในช่วงเย็น เธอนั่งอยู่ในห้องจนถึงเวลาใกล้ค่ำ ไม่เคยรู้เลยว่าการนั่งเฉยๆ มองดูท้องฟ้าผ่านช่องระเบียงจะรู้สึกดีขนาดนี้ และถึงมีความเงียบเป็นเพื่อน ก็ไม่เคยสังเกตมาก่อนว่าสิ่งนี้แหละคือเพื่อนที่แท้จริง
“คนเราสามารถนั่งหายใจทิ้งได้นานขนาดนี้เลยเหรอวะ”
หล่อนพึมพำ มือข้างที่ไร้ผ้าก็อตเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มาไถเล่น
วรุตหายไปทั้งแต่ตอนนั้น เธอที่คิดบวกมากกว่าคิดลบจึงเข้าใจว่าเขาคงกำลังใช้เวลากับลูกสาวของเขา จึงไม่คิดจะทักไป แต่ความเงียบบวกกับความเหงาเล็กๆ เผลอทำให้เธอเข้าไปในแอพพลิเคชั่นหนึ่งเพื่อส่องเขา เจาะเข้าไปเรื่อยๆ และลึกสุดจนโผล่เข้าไปในอดีต ภาพความทรงจำของเขากับอดีตภรรยาที่อัดเก็บไว้เป็นอัลบัม
วันแต่งงาน
มีทั้งภาพและวิดีโอ
เธอนั่งมองวิดีโอนั้นด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา มองบุคคลในคลิปที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความตื้นตันและยินดี เจ้าสาวดูสวยมาก มากซะจนเลี่ยงมองสารรูปตัวเองไม่ได้ แล้วถอนหายใจพรืด
“เปรียบเทียบทำป้าอะไรก่อน”
เอ็ดตะโรตัวเอง ก่อนจะโยนโทรศัพท์ไปไกลตัว
ติ้ง!
แต่แล้ว..
กลับต้องหยิบมันกลับมาใหม่ เมื่อมีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา
R: พี่ถึงบ้านแล้วนะ หนูเป็นยังไงบ้าง
ซีนีนไม่ตอบ ในขณะเขาเห็นข้อความประโยคนั้นถูกเปิดอ่านไปแล้ว ก็ไม่รอช้าโทรสายมาทันที
“ค่ะ..”
เธอก็รับทันทีเช่นกัน
(เป็นยังไงบ้างคะ)
“เจ็บค่ะ”
(หืม?)
“ตอนแรกก็ไม่ แต่พอหลับไปสักพักแล้วตื่น เจ็บค่ะ”
(แล้วไปหาหมอหรือยัง)
“ไปมาแล้ว”
(ไปกับใคร)
“ไปคนเดียว”
ปลายสายเงียบไปพร้อมเสียงกุกกัก ตามมาด้วยเสียงล็อครถ เชื่อว่าเพิ่งจะถึงบ้านและลงจากรถ
(อืมฮึ หมอบอกว่า?)
“กระดูกเคลื่อนค่ะ”
(แสดงว่าต้องลางาน)
“ใช่ค่ะ”
เสียงตะกุกตะกักยังคงดังต่อเนื่อง ตามมาด้วยเสียงสุนัข
(พี่ไปหาไหมคะ)
ไม่ใช่เสียงแรกที่ทำให้ซีนีนตกใจ แต่เป็นเพราะเสียงของเขากับประโยคคำถามเมื่อครู่
“คะ? มาหา..”
(ใช่ค่ะ)
“ตอนนี้?”
(อืมฮึ)
“มันดึกแล้วนะคะ แล้วพี่จะกลับยังไง”
(ต้องกลับด้วยเหรอ)
คราวนี้เสียงกุกกักมาจากฝั่งเธอ เพราะเผลอผุดลุกนั่ง ตามมาด้วยความเลิกลักที่เหมือนปลายสายเองจะรู้ เขาหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะที่ดูหล่อที่สุด
“ขำอะไรคะ”
(หนูเงียบไปเลย ไม่สะดวกเหรอคะ)
“หนูสะดวกค่ะ แต่สถานที่ไม่สะดวก”
(ไม่สะดวกยังไงคะ)
“มันเป็นหอพักค่ะ”
(ค่ะ พี่ทราบแล้ว หนูเคยบอก)
“แล้วก็มีแต่พนักงานของบริษัท”
(แล้วยังไงคะ คนนอกห้ามเข้า?)
“เข้าได้ค่ะ ถ้าคนในพาเข้า”
(ค่ะ แล้ว..)
“คือ.. มันไม่ได้น่าอยู่ แบบ..มันร้ายมาก”
(พี่ไม่ได้แคร์ค่ะ ต้องการจะไปดูแล และอยู่กับหนู)
“รู้ค่ะ แต่ว่า..”
(หรือหนูรังเกียจพี่)
“เปล่านะคะ”
(ถ้าอย่างนั้นก็ไปได้นี่คะ)
เธอจะบอกยังไงดีเกี่ยวกับสภาพที่พักของเธอ ที่หากเปรียบเทียบกับที่อื่นๆโดยการให้ดาว สองดวงก็ยังไม่ถึง จะให้สักดวงก็ยังคิดแล้วคิดอีก
“ห้องหนูไม่มีแอร์นะคะ”
(คือหนูไม่อยากให้พี่ไปก็พูดมา)
ประโยคนี้เปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงขุ่นห้วน หญิงสาวเม้มปากแน่น เงียบไปอึดใจราวกับคิดอะไรอยู่ เมื่อได้คำตอบจากสัญชาตญาณลึกๆ บางทีเขาควรจะต้องมาให้เห็นความจริง ความเป็นอยู่ การใช้ชีวิตของเธอ ซึ่งปราศจากการเสแสร้ง ปราศจากการสร้างภาพ เป็นกระตุ้นความเป็นตัวตนทั้งเขาและเธอนั้นออกมา ไม่ใช่ปิดบัง เพราะถึงยังไง เขาก็ต้องมาเห็นในสักวันนึง ในฐานะแฟน
“งั้น..ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวส่งโลเคชั่นไปให้นะคะ”
(โอเคค่ะ)
ภายในเวลายี่สิบนาทีเขาก็มาถึง เมื่อแจ้งเตือนส่งมาแค่คำสั้นๆว่า
R: ยูเทิร์นแล้วค่ะ
ใจของเธอก็กระตุกทันที สาวเจ้าลืมเจ็บไปหมดสิ้น เร่งโทรออกหาเพื่อนข้างห้อง
(ว่าไงนีร)
“พี่วีคะ เอ่อ.. คือพอดีแฟนนีรจะมาค้างกับนีรอะค่ะ พอจะมีพื้นที่ว่างให้จอดรถไหม”
เพราะที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น พื้นที่จอดรถสาธารณะเมื่อจอดประจำก็กลายเป็นส่วนบุคคลขึ้นมา เขาซึ่งเป็นคนแปลกหน้าจึงยากสักหน่อย และหากไปทับเส้นใคร เช้าวันต่ออาจจะมีปัญหาได้
(หา เดี๋ยวนะ เธอมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่)
“โห พี่วีพี่อย่าเพิ่งถาม หาที่จอดรถให้นีรก่อน เขาจะเลี้ยวเข้ามาแล้วค่ะ”
(งั้นจอดแทนพี่ได้เลย เดี๋ยวพี่ให้พี่ตินไปจอดอีกที่)
“ได้เหรอ ขอบคุณนะคะ”
ทันทีที่พูดจบเธอก็วาง รีบวิ่งลงบันไดไปยังข้างล่าง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขามาพอดี เพียงแค่เห็นไฟเลี้ยวข้างซ้ายเปิด พร้อมรถเลี้ยวเข้าซอยมาแต่ไกล ใจเธอก็เต้นแรง ไม่นับปริมาณความตื่นเต้นขนาดกลืนน้ำลายลงคอยังฝืด ลำคอเธอแห้งผาด ทั้งกังวลทั้งอับอาย
ดูสภาพหอของเธอสิ ดีกว่าแคมป์คนงานขึ้นมาหน่อยนึงก็เท่านั้น
หญิงสาวเดินช้ามายืนอยู่ข้างรถ เมื่อเขาลงมาจึงจะส่งยิ้มให้ ชายหนุ่มมีสีหน้าเป็นปกติ ขณะเดียวกันสาวเจ้าก็เก็บอาการเก่ง เธอกลบเกลื่อนความเขินอายด้วยการเม้มริมฝีปากแน่น และเอ่ยถามประโยคเดิม หลังพาเขาเดินเข้ามา
“แน่ใจนะคะว่าพี่โอเค ที่นี่ร้อนมากนะ”
วรุตละสายตาจากทางเดินมามองคนถาม เขายิ้มเล็กๆบนใบหน้า เลือกที่จะเดินต่อไปไม่ตอบคำถาม
เพราะเธอเดาความคิดเขาไม่ออก เท้าที่กำลังก้าวถึงได้ชะลอช้าลง เปลี่ยนให้เขาเดินนำไปแทน ทั้งที่เธอเป็นเจ้าของถิ่น
“ชั้นไหนคะ”
“ชั้นบนค่ะ”
เขาเดินนำไปเรื่อยๆ พอรู้ว่าที่นี่ไม่ได้เก็บเสียง รองเท้ากระทบพื้นยังดังกึกก้องไปทั่วตึก จึงเปลี่ยนเป็นย่องเบาโดยปริยาย และเพราะท่าทางที่ตลก ความวิตกกังวลของเธอถึงได้ผ่อนคลายลง สาวเจ้าหลุดยิ้มก่อนจะส่ายหน้าไปมาในความทะเล้นนั้น
“ห้องไหนคะ”
“ห้องนี้ค่ะ”
เธอไขกุญแจ พลางเปิดประตูอ้ากว้าง แสดงการต้อนรับอย่างตรงไปตรงมา แต่ทันทีที่เขาเห็นกลับเงียบกริบ เดินนำเจ้าของห้องเข้าไปกลางห้อง กวาดตามองไปรอบๆ ซึ่งการกระทำนั้นแหละ ที่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเจ้าของห้องหายไป กลับมาเหี่ยวเฉาเหมือนเดิม กลั้นลมหายใจและดึงประตูเข้ามาปิด กดล็อคตรงลูกบิดเบาๆ