บทที่ 1 เธอที่อยู่ตรงนั้น

1818 คำ
ร่างบางหย่อนกายลงบนเก้าอี้สาธารณะ หญิงสาวใบหน้าสวยหวาน แพขนตางอน วงหน้ารูปไข่ ริมฝีปากบางสีชมพู คิ้วเรียวยาว ดวงตากลมโต ผมหยักศกเคลียแผ่นหลัง กำลังรอรถเมล์ตรงป้าย มือบางจับปลีน่องนวดเบา ๆ เพื่อคลายความเมื่อยลา เดินหางานมาทั้งวัน สุดท้ายมาจบที่บริษัทดีคอนเน็กซ์จำกัด อลินธาราเม้มริมฝีปากอย่างอดกลั้น ตอนนี้กำลังพักเที่ยง กำลังรอเวลาให้เจ้าหน้าที่พักทานข้าว ถึงเข้าสมัครงานได้อีกครั้ง ถ้าหากได้งานที่นี่ นับเป็นโชคดี เพราะทางบริษัทไม่ค่อยรับนักศึกษาจบใหม่เท่าใดนัก รถยนต์เคลื่อนผ่านหน้าหลายต่อหลายคัน เมฆินทร์ประธานบริษัทเคจีคอนเน็กซ์ปิดแฟ้มลง แล้วทอดสายตามองผ่านกระจกรถยนต์ ขณะกำลังเคลื่อนผ่านทีละน้อย เพราะรถติดเนื่องจากไฟแดง ดวงตาคมกริบหรี่มอง ใบหน้าคมเข้มขรึมลง คิ้วหนาขมวดเล็กน้อย เสียงลมหายใจจากจมูกโด่งเป็นสันดังเบา ๆ ริมฝีปากหยักลึกกำลังกระตุกยิ้ม ราวกับเจออะไรบางอย่างที่ถูกใจ เขาไม่อาจละสายตาไปจากวงหน้าของหญิงสาว ซึ่งกำลังนวดปลีน่อง เธอเป็นใครกัน เหตุใดหัวใจมันสั่นสะท้านเช่นนี้ ไฟเขียวทำงาน รถแล่นผ่าน ทว่าสายตาซีอีโอหนุ่มกลับไม่อาจละจากใบหน้านั้นได้เลย รถจอดลงเขาเปิดประตูก้าวลงมา แม้ภาพเธอยังไม่จางหาย ตนเองก็ต้องทำหน้าที่เช่นเดิม ถึงห้องทำงาน หย่อนกายลงบนเก้าอี้ เอนกายพิงพนักท่าทางอ่อนล้า เมื่อคืนเขากลับค่อนข้างดึก เพราะมีงานเลี้ยงกับหุ้นส่วน เลยทำเอาเวียนหัวจนแทบอยากอาเจียนตลอดเวลา “ไหวไหมครับท่าน” ลูกน้องคนสนิทอย่างปกรณ์เอ่ยถาม เขาปรี่ตามอง “เวียนหัวนิดหน่อย” “ให้ผมตามหมอไหมครับ” “ไม่ต้องล่ะ แค่เมาค้าง คงทำงานอีกสักพักจะกลับแล้วล่ะ” “ครับท่านประธาน” ชายหนุ่มยืนตัวตรง แล้วเริ่มเซ็นต์เอกสารตรงหน้า แม้อาการไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แฟ้มสุดท้ายเรียบร้อย เปิดประตูออกจากห้องทำงาน แล้วมายังลานจอดรถ มือยกกุมขมับ อาการเวียนหัวทำเอาแทบยืนไม่อยู่ “ระวังคะ!” เสียงร้องดังขึ้น พร้อมด้วยร่างของเขาที่ถูกผลักดันจนล้มลงกองกับพื้น “โอ้ย!” เมฆินทร์ลืมตามองเต็มตา เห็นร่างบางกำลังขยับกายลุกนั่ง บริเวณเข่าและข้อศอกมีเลือดไหลซึมออกมา จังหวะนั้นอลินธารารีบลุก เขย่งเท้าเข้าหาคนเจ็บ แล้วจับตามเนื้อตัวสีหน้าเป็นห่วง “คุณเป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนไหม!” หญิงสาวร้องถาม น้ำเสียงสั่น สีหน้าตื่นตระหนก เมฆินทร์มองใบหน้างดงาม ราวกับต้องมนต์สะกด มือเผลอกุมมือบางไว้ ดวงตาจดจ้องไม่ยอมละ เจ้าของมือชะงัก แล้วสบตาอีกฝ่าย “คุณคะ!” “ผมไม่เป็นอะไร คุณต่างหาก” ไม่พูดเปล่า ดึงมือมาดูแผล หญิงสาวรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ รีบชักมือกลับ เม้มริมฝีปากแน่น เมื่อครู่เห็นเขาท่าทางไม่ค่อยดี ซวนเซเหมือนจะล้ม แถมยังขวางทางรถวิ่งอีก เธอเลยมาช่วยไม่ได้คิดว่าเขาจะรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเพียงนี้ ทำเอาไม่อยากมองเลย หัวใจมันสั่น “ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” เธอบอก แล้วลุกยืน ทว่าหัวเข่ากลับปวดขึ้นมา กัดฟันแน่นค่อยหยัดตัวตรง พยายามข่มเอาไว้ เมฆินทร์ไม่อาจรอช้า ไม่คิดว่าจะเป็นผู้หญิง ที่เห็นตรงป้ายรถเมล์ ไม่อยากเชื่อเลยว่าโชคชะตา จะเข้าข้างกันถึงเพียงนี้ รวบร่างบางไว้ในอ้อมแขน “ว้าย!” เธอร้องสีหน้าตื่นตระหนก “คุณทำอะไรปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!” “ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล” “ไม่ต้อง ฉันไมได้เป็นอะไรมาก ปล่อยฉันลง!” “ไม่ได้หรอก คุณคือผู้มีพระคุณ ผมจะปล่อยให้คุณเจ็บตัวแบบนี้ได้ยังไงกัน!” “ฉันไม่อยากไป ฉันช่วยคุณไม่ได้หวังอะไร เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องตอบแทน ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันต้องไปสมัครงานอีก!” อลินธาราอธิบายเสียงสั่น สายตาหลายคู่กำลังมองมา มันทำให้เธออายอย่างบอกไม่ถูก “ไม่ต้องห่วงเรื่องงานหรอก ไปหาหมอก่อน ผมรับรองคุณได้ทำงานที่นี่แน่!” เมฆินทร์ยัดร่างบางไว้ตรงเบาะด้านหลัง แม้อีกฝ่ายคัดค้านเท่าใด อลินธารานิ่งเงียบตลอดเส้นทาง ด้วยไม่คาดคิดว่า ผู้ชายคนที่ช่วยเอาไว้ จะค่อนข้างมีฐานะ รถที่นั่งก็เทียบเท่าระดับผู้บริหาร แถมมีคนขับให้เสียอีก รถจอดเทียบด้านหน้า เมฆินทร์ก้าวลง มีเจ้าหน้าที่รีบนำรถเข็นมารอรับ เพื่อไปตรวจ ไม่นานนักเธอออกมาพร้อมกับยา “บ้านคุณอยู่ที่ไหนเดี๋ยวผมไปส่ง” “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันกลับเองได้ คุณช่วยดูแลฉันมามากพอแล้ว” เขายกยิ้ม แล้วคว้าข้อมือเอาไว้ “อย่าปฏิเสธผม” น้ำเสียงติดไปทางข่มขู่ ทำเอาคนฟังชักสีหน้า “ฉันช่วยคุณไม่ได้หวังอะไร คุณไม่ต้องตอบแทนแล้ว ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ” “ไม่ล่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ผมว่าเราสองคน มาสานสัมพันธ์ต่อกันดีกว่าไหม” รอยยิ้มทำเอาอลินธาราหวาดหวั่น รีบสะบัดแขน แต่เขาไม่ปล่อย “คุณพูดอะไรออกมา ฉันไม่เอาด้วยหรอก ปล่อยฉันได้แล้ว!” รถแล่นมาจอดเทียบพอดี ร่างบางถูกยัดใส่รถ เธอพยายามเปิดประตูหนี แต่เขากลับแทรกเข้ามาคว้าข้อมือบางเอาไว้ “ปล่อยฉัน! คุณเป็นบ้าอะไร! นี่คุณตอบแทนคนที่ช่วยคุณแบบนี้หรือไง!” “ใครว่า... ผมไม่ตอบแทนแค่นี้หรอก ผมจะตอบแทนมากกว่านี้อีก!” ริมฝีปากถูกฉกฉวยอย่างรวดเร็ว หญิงสาวยกมือผลักดัน ทว่ากลับสู้แรงไม่ได้ ลมหายใจกำลังติดขัด ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาควานหาความหวาน อลินธาราดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง ส่ายหน้าหนี แต่กลับถูกเขาตามรุกไล่ มือสองข้างถูกรวบไว้เหนือศีรษะ ริมฝีปากเลื่อนไล้ไปตามลำคอระหงส์ “หยุดนะ! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว!” เธอร้องลั่น เขาชะงักขยับกายจับจ้องใบหน้างดงาม “งั้นเตรียมรอได้เลย ฉันจะไปขอเธอกับพ่อแม่” “คุณเป็นบ้าหรือไง เราสองคนไม่เคยรู้จักกัน ฉันแค่ช่วยคุณครั้งเดียว ทำไมคุณถึงได้ทำกับฉันแบบนี้!” “ไม่เกี่ยวว่าเราจะรู้จักกันกี่วัน ถ้าผมพอใจ ก็แค่เอามาให้ได้!” สีหน้าอลินธาราเผือดลง ผู้ชายคนนี้เป็นบ้าหรือไง หน้าตาก็ดี ท่าทางก็มีฐานะ ทำไมต้องมาทำกับเธอเช่นนี้ “ปล่อยฉันได้แล้ว!” เขายอมปล่อยเป็นอิสระ คนตัวเล็กรีบจัดเสื้อผ้ากระถดกายจนชิดประตูอีกฝั่ง เมฆินทร์หันมามองแล้วอมยิ้ม “ผมให้เวลาคุณสามวัน เตรียมตัวให้เรียบร้อย แล้วผมจะไปหาที่บ้าน” “ไม่ต้อง ฉันไม่ต้องการ!” “คุณไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอะไรทั้งนั้น!” รถจอดหน้าบ้าน อลินธาราเม้มริมฝีปาก แล้วเปิดประตูลง สาวเท้าเข้าสู่ตัวบ้าน ชายหนุ่มเฝ้ามองแผ่นหลัง แล้วเลียริมฝีปากใช้นิ้วมือไล้ ก่อนอมยิ้มเจ้าเล่ห์ เสียงโทรศัพท์ดัง เจ้าของเครื่องล้วงกระเป๋าแล้วกดรับสาย “สวัสดีค่ะ” “สวัสดีค่ะ จากบริษัทเคจีคอนเน็กซ์ค่ะ เราอยากเชิญคุณไปสัมภาษณ์งานพอจะมีเวลาว่างไหมคะวันนี้” “ว่างค่ะ ฉันจะรีบไปนะคะ” “ค่ะ” สายถูกวางไปแล้ว ทว่าอลินธารากลับยิ้มกว้างกว่าครั้งไหน ๆ ไม่อยากเชื่อว่าจะมีโอกาสเช่นนี้ เพราะเห็นแต่คนบอกว่าที่นี่เข้ายากมาก แต่ฝ่ายบุคคลกลับโทรหาให้ไปสัมภาษณ์ คราวนี้คงเป็นโชคดีของเธอบ้างแล้ว นั่งรถเมล์มาถึงป้าย รีบลงมาแล้วสาวเท้าเข้าสู่ตัวตึก ไปยังฝ่ายบุคคลเพื่อสัมภาษณ์งานในทันที ประตูห้องเปิดออก อลินธาราก้าวเข้าไป เห็นหญิงสาววัยกลางคน กำลังรออยู่ เธอหย่อนกายลงบนเกาอี้ตรงข้าม “สวัสดีค่ะ ฉันอลินธารา มาสัมภาษณ์งานค่ะ” เธอรีบบอก แล้วยื่นเอกสารให้ “ฉันชื่อพิกุลทองนะคะ” แนะนำตัวแล้ว หยิบเอกสารมาดูคร่าว ๆ ก่อนเก็บมันไว้ในแฟ้มเอกสาร หญิงสาวยืดตัวตรง เพื่อเฝ้ารอให้อีกฝ่ายสัมภาษณ์ แต่กลับกลายเป็นเอกสาร ซึ่งถูกวางไว้ตรงหน้าแทน “นี่เป็นเอกสารสัญญาการทำงานค่ะ ทางบริษัทต้องการจ้างคุณทำงานห้าปี” แค่ฟังเท่านี้ ทำเอาเธอตาโตสีหน้าตื่นเต้นระคนดีใจ ราวกับถูกล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่ “ห้าปีเหรอคะ!” “ใช่ค่ะ เงินเดือนอยู่ที่สามหมื่นบาท” พอได้ยินเงินเดือน ยิ่งทำเอาหัวใจพองโต “บริษัทมีโบนัสรายปี และมีสวัสดิการต่าง ๆ ตามกฎหมายกำหนด ถ้าทำงานดี ขึ้นเงินเดือนให้อีกค่ะ” พิกุลทองอธิบาย อลินธาราหยิบเอกสารมาอ่านคร่าว ๆ แล้วรีบจรดปากกาเซ็นต์ ใครไม่อยากได้งานที่เคจีบ้างเล่า เงินเดือนไม่ใช่น้อยเลย “เริ่มงานพรุ่งนี้เลยนะคะ พรุ่งนี้มาพบฉันที่ห้องก่อน แล้วจะพาคุณไปที่โต๊ะทำงานค่ะ” “ได้ค่ะคุณพิกุลทอง ขอบคุณมากนะคะ” “ยินดีค่ะ” กลับมาถึงบ้าน วางกระเป๋า ได้กลิ่นหอมตรงครัว อลินธาราสาวเท้าไปยังด้านหลัง แล้วเกาะแขนคนทำอาหาร สีหน้ายิ้มแย้มด้วยความยินดี “ไปสัมภาษณ์มาแล้วเหรอลูก เป็นยังไงบ้าง” อรดีเอ่ยถาม “ผ่านฉลุยค่ะแม่ ระดับธารแล้วแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ” คนเป็นแม่ระบายลมหายใจ ใบหน้าแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม สีหน้าบ่งบอกถึงความโล่งใจ “แล้วเริ่มงานวันไหนล่ะ” “พรุ่งนี้ค่ะแม่ หนูเซ็นต์สัญญาเรียบร้อยแล้ว จ้างงานห้าปีแล้วค่อยต่อสัญญา” “สัญญาระยะยาวเลย” คนเป็นแม่เปรย แล้วยกกับข้าวออกจากครัว จัดวางไว้บนโต๊ะ อลินธาราหยิบจานช้อน แล้วตักข้าว เพื่อเตรียมทานอาหารเย็น “แล้วยัยมลล่ะคะแม่” “มลกำลังกลับมาแล้วล่ะลูก” เธอพยักหน้าช้า ๆ แล้วตักข้าวใส่จานต่อ ไม่นานนักได้ยินเสียงรถยนต์จอดหน้าบ้าน ร่างอรชรก้าวเข้ามาภายใน เมื่อเห็นพี่สาวรีบปรี่เข้ามาหา เลื่อนเก้าอี้หย่อนกาย “เป็นไงบ้าน ได้งานไหม” “ได้สิ” “หูย! ดีจังเลย เอาไว้มลเรียนจบ ขอตามไปทำงานที่เดียวกับพี่ลินนะ” อลินธารายีผมน้อง “เรื่องนั้นมันก็ต้องอยู่ที่ความสามารถของเราแล้วล่ะมล” “ค่า... มลรู้” อรดีออกจากครัว พร้อมกับข้าวจานสุดท้าย สามแม่ลูกร่วมวงทานอาหารพูดคุยเรื่องทั่วไป จนกระทั่งเวลาเข้านอน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม