“วิ่งหนีออกจากงานด้วยความอับอายต่างหาก”
วราลีมั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นทนความอับอายไม่ไหวแน่
“ไม่หรอก เธออาจจะตบนายก็ได้” ทิวากรพูดขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะ ฉุดอารมณ์ร่าเริงของทุกคนให้ชะงักอย่างไม่น่าให้อภัย ขณะอิศรายิ้มกริ่ม สีหน้าแววตาสุดยโสและมั่นใจในตัวเองบอกว่าเรื่องที่ทิวากรพูดจะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอน
“คุกเข่าอ้อนวอนขอความเห็นใจ คอยดูไปก็แล้วกัน”
“งั้นแสดงว่าตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกแค่สองวันเท่านั้น ที่เมฆจะต้องทรมานกับการแกล้งเป็นแฟนกับยัยนั่น เอมขอแสดงความยินดีด้วยนะเมฆ ที่แผนการสำเร็จด้วยดี”
“ยินดีด้วยเพื่อน” เพื่อนรักทั้งห้าคนชนแก้วไวน์ฉลองให้กับความสำเร็จกันอย่างสนุกสนาน ขณะคนที่ยืนฟังอย่างเงียบงันอยู่หน้าประตูห้องรับแขก ทั้งอึ้งและช็อคจนแทบจะล้มทั้งยืน
‘อะไรกันเนี่ย’ เสียงหัวเราะของพวกเขาทำให้สมองของเธอแทบระเบิด หัวใจของเธอแตกสลายไม่เหลือชิ้นดีในพริบตา เธอรู้แน่แก่ใจว่ามันไม่ใช่ความฝันอย่างแน่นอน ว่าที่เจ้าบ่าวของเธอซึ่งเป็นผู้ชายที่อบอุ่น น่ารัก และเพียบพร้อมทุกอย่าง ผู้ชายที่ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขและอิ่มเอมกับความรักแสนหวาน ผู้ชายที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอ ถึงแม้จะคบหาในฐานะคนรักมาแค่สองเดือน แต่เธอก็มั่นใจในตัวเขา มั่นใจในความรักที่เขามอบให้ตั้งแต่วันแรกที่เขามาสารภาพรักกับเธอในตลาด แต่พอมาวันนี้ เขากลับกลายเป็นอีกคนที่เธอไม่รู้จักไปเสียแล้ว
สองเดือนที่เขาเข้ามาในชีวิตเธอ เขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิง เขาทำให้เธอกลายเป็นซินเดอเรล่าที่น่าอิจฉา โดยเฉพาะเพื่อนโรงเรียนสมัยมัธยมที่ต่างก็พากันแปลกใจที่อดีตดาวโรงเรียนสุดหล่อแสนร้ายอย่างอิศราจะมาสนใจลูกแม้ค้าขายขนมในตลาดสดอย่าง ‘บัวบูชา’ หรือ ‘บัว’ เด็กสาวที่เข้ามาเรียนในโรงเรียนเอกชนแสนแพงได้เพราะแม่เป็นเมียน้อยเขา
“ไม่จริงใช่มั้ย...มันไม่ใช่ความจริง” เพราะเธอไม่อยากจะเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาคือการโกหกหลอกลวงทั้งสิ้น เธอไม่อยากจะเชื่อว่ามันก็แค่การแสดง การเสแสร้งแกล้งทำเพื่อให้เธอตายใจเท่านั้น
“เมฆ...ทำไมทำกับบัวอย่างนี้” น้ำตาแห่งความเสียใจไหลทะลักลงมาจากดวงตาสิ้นหวัง เธอรู้สึกเหมือนวิญญาณมันหลุดหายออกจากร่างไปแล้ว ตอนที่เธอหันหลังให้บ้านหรูหลังนั้น แล้วเดินจากมาเงียบ ๆ
วินาทีนี้ เธอรู้สึกอื้ออึงอนธการไปทั้งหัว หัวใจเต้นชาลงเหมือนว่ามันกำลังจะหยุดเต้น “ทำยังไงดี”
เธอถามตัวเองในทุกย่างก้าวที่เดินห่างออกมาจากบ้านหลังนั้น บ้านที่เธอกับเขาตั้งใจจะสร้างครอบครัวด้วยกัน
“ไม่จริงใช่มั้ย เราแค่ฝันไปเท่านั้น มะรืนนี้เราก็จะแต่งงานกันแล้ว” แต่งงานกันบนชายหาดขาวสะอาดแห่งนั้น พิธีแต่งงานเล็ก ๆ ภายในครอบครัวและเพื่อนสนิทอย่างที่เธอวาดฝันเอาไว้มาตั้งแต่เด็ก
เธอไม่ควรพลาดเที่ยวบินนี้เลย เธอไม่ควรกลับมาได้ยินอะไรแบบนี้ ซึ่งทำร้ายและทำลายจิตใจของเธอจนพังราบคาบไม่เหลือชิ้นดี ผู้ชายแสนดีที่เธอตั้งใจจะฝากชีวิตไว้ คิดจะสลัดเธอทิ้งในงานปาร์ตี้สละโสด พร้อมกับลูกน้อยในท้องที่เขายังไม่รู้
“โธ่...ลูก...แม่จะทำไงดี???”
“ใช่!! ทำให้ยัยนั่นรู้ว่าความเจ็บปวดจากการถูกโกหกและหักหลังนั้นมันเป็นยังไง ฉันจะเป็นคนพิพากษายัยนั่นเอง!”
หากเขาได้รู้ว่าความตั้งใจของเขาบรรลุผลแล้ว เพราะเวลานี้เธอกำลังเจ็บปวดรวดร้าวอย่างแสนสาหัสจนแทบเอาชีวิตไม่รอด เขาจะหัวเราะและมีความสุขขนาดไหนนะ
“แค่จับมือ ก็ยังรู้สึกขยะแขยงเลย อย่าคิดถึงลากขึ้นเตียงเลยว่ะ” ประโยคร้ายกาจของเขาทำให้เธอสั่นสะท้านไปทั้งใจ เพราะตลอดเวลาที่คบหากันมา เขาปฏิบัติกับเธอราวกับว่าเธอเป็นของขวัญราคาแพง เป็นสิ่งมีค่าสำหรับเขา มองไม่เห็นแววตาขยะแขยงที่เขาซ่อนไว้อย่างมิดชิด เขาแสดงออกให้รู้ว่ารักเธอหมดหัวใจอย่างไร้ข้อกังขา เขาแทบไม่ปล่อยเธอให้อยู่ห่างเลยสักวินาที เขากอด เขาจูบ เขาหอม เขาเล้าโลมร่วมเสน่หากับสิ่งน่ารังเกียจได้อย่างไรตั้งหลายครั้งหลายครา
“ฮือ...คนเลว” บัวบูชาหอบเอาความรวดร้าวและเสียใจอย่างหนักหน้าสาหัสเดินกลับมายังชุมชนใหญ่หน้าตลาดสด ที่ซึ่งเป็นทั้งบ้าน ที่ทำงาน และเป็นชีวิตของเธอ ที่ซึ่งเหมาะกับเธอ มากกว่าบ้านหรูริมทะเลหลังนั้นหลายร้อยเท่า
เธอถอนหายใจอย่างหนักหน่วงและสิ้นหวัง เมื่อความฝันและความรักพังทลายไม่เหลือชิ้นดีภายในพริบตาเดียว นี่สินะ ที่เขาว่า ชีวิตคือความไม่แน่นอน
“อือ...แม่...แม่จ๋า” วินาทีนี้เธอยังคิดไม่ออกเลยว่าจะบอกกับมารดาที่กำลังดีใจเพราะลูกสาวคนเดียวกำลังจะแต่งงานได้อย่างไร มารดาที่กำลังโอ้อวดเรื่องลูกสาวกับคนทั้งตลาด มารดาที่กำลังเนื้อเต้นเพราะลูกสาวจะได้แต่งงานกับคนมั่งมีเป็นถึงลูกเศรษฐีใหญ่โต มารดาที่กำลังคิดไม่ตกว่าจะใส่ชุดไหนไปร่วมงานวิวาห์หรูหราของลูกสาวดี โดยหารู้ไม่ว่า เรื่องราวทั้งหมดมันเป็นเพียงแค่เกมสนุกของคนร้ายกาจกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
อิศราไม่มีวันแต่งงานกับบัวบูชา เพราะนอกจากเขาจะไม่ได้รักเธอแล้ว เขายังแสดงออกชัดเจนว่าเกลียดเธอสุดขั้วหัวใจ ขยะแขยงราวกับเธอเป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น
“แม่...หนูขอโทษนะ”