ตอนที่ 2 ลืมไม่ลง

1367 คำ
เปลือกตาหนักอึ้งปรือขึ้นอย่างเชื่องช้าเนื่องจากเสียงนาฬิกาปลุก มือเล็กข้างหนึ่งยกขึ้นบังแสงที่สาดส่องเข้ามาทางผ้าม่านสีขาวโปร่งที่ทับซ้อนอยู่กับผ้าสีเทาเข้ม ทว่าเมื่อคืนเธอลืมปิดอีกชั้นจึงทำให้มีแสงสว่างจากด้านนอกเข้ามาในห้องนอนกระทบกับดวงตาที่งัวเงีย มืออีกข้างก็ควานหาโทรศัพท์เพื่อปิดเสียงรบกวน กว่าเมื่อคืนจะได้นอนเธอต้องขับรถตระเวนหาร้านขายยา ก็เพราะไอ้ความคิดบ้า ๆ ที่อยากมีวันไนต์สแตนกับหนุ่มหล่อ รูปร่างสูง ยาว… “คิดบ้าอะไรเนี่ย” เสียงพึมพำเอ่ยขัดความคิดตัวเองที่ดันเผลอนึกไปถึงใบหน้าหล่อเหลาและท่วงท่าอันเร่าร้อนของคนเมื่อคืน ก่อนจะเลื่อนผ้าห่มออกแล้วลุกไปอาบน้ำแต่งตัว เนื่องจากวันนี้เธอต้องเดินทางกลับบ้านเกิดของผู้เป็นพ่อ กลับไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าที่กำลังรอหลาน ๆ ไปเยี่ยมในช่วงปิดเทอม ปลายฟ้าขับรถออกจากคอนโดเพื่อไปรวมตัวกับพ่อแม่ น้องชาย และคุณตาที่คฤหาสน์หลังใหญ่ ก่อนจะออกเดินทางด้วยรถตู้ดีไซต์หรูเจ็ดที่นั่ง สัญชาติเยอรมัน สมาชิกในครอบครัวห้าคน ถ้านับรวมคนขับรถก็เป็นหกคน ได้เดินทางจากตัวเมืองมุ่งหน้าไปยังแถบชายทะเล การเดินทางใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ไปถึงบ้านคุณปู่คุณย่า เด็กหนุ่มสาวทั้งสองจึงรีบก้าวเข้าบ้านด้วยใบหน้าชื่นบาน “สวัสดีค่ะคุณปู่คุณย่า” “สวัสดีครับ” ปลายฟ้ากับนทีน้องชายของเธอยกมือไหว้ชายหญิงผมสีดอกเลา ก่อนหลานสาวจะเข้าไปนั่งโซฟาตัวเดียวกันแล้วสวมกอดคุณย่านภาด้วยความคิดถึง นทีเองก็เข้าไปนั่งโซฟาอีกตัวที่อยู่ด้านข้าง พ่อแม่ของเธอและคุณตาลงจากรถก็เดินตามกันเข้ามานั่งพูดคุยกันที่ชั้นล่างของบ้าน สักพักเธอกับนทีก็พากันเอากระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นไปเก็บบนห้องนอน ทางด้านไอดิน “เมื่อคืนไปก่อเรื่องอะไรมาอีก เห็นไหมว่าฉันต้องตามเช็ดตามล้างเรื่องที่แกทำไว้” น้ำเสียงเข้มทรงอำนาจของอิทธิกรดังขึ้นเพื่อตำหนิลูกชายที่ไปมีเรื่องชกต่อยกันในผับ ขณะนั่งกินมื้อเที่ยงที่ห้องรับประทานอาหารในคฤหาสน์หลังใหญ่บนเนื้อที่ยี่สิบกว่าไร่ “หึ พ่อถนัดเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ” ไอดินแค่นหัวเราะในลำคอ แสยะยิ้มเอ่ยโต้กลับผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงแข็ง ทว่ากลับแฝงไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ พ่อของเขาเป็นนักการเมืองรุ่นใหญ่ มีอิทธิพลมากในแถบภาคใต้ ยิ่งมีคนนับหน้าถือตาก็ยิ่งห่วงแต่ภาพลักษณ์ ชื่อเสียง อำนาจ และเงินทอง จนลืมความสุขของคนในบ้าน ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ที่ลูกชายได้สร้างไว้ อิทธิกรก็จะสั่งให้ลูกน้องคนสนิทตามทำลายหลักฐานทั้งหมด เพื่อไม่ให้ผู้คนติฉินนินทาว่ามีลูกชายเพียงคนเดียว แต่ก็เลี้ยงไม่ได้ดั่งใจ ป้องกันภาพลักษณ์ครอบครัวอบอุ่นที่ได้สร้างไว้ถูกพังทลาย ส่วนแม่ของเขามีชื่อว่า กานดา เป็นคนหัวอ่อน สามีพูดอะไรก็ก้มหน้าเชื่อฟัง ไม่กล้าปริปากต่อต้าน ได้ถือทะเบียนสมรสแต่ก็ไม่มีปากไม่มีเสียง หรือกล้าแสดงความคิดเห็นใด ๆ ทั้งนั้น แม้กระทั่งสามีแอบมีบ้านเล็กบ้านน้อย ก็ได้แต่เก็บความเจ็บช้ำนี้เอาไว้ในใจ ทำให้สองแม่ลูกตกอยู่ในวังวนของการใช้อำนาจภายในบ้าน ทุกสิ่งทุกอย่างต้องอยู่ในกฎที่คนเป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งไว้ แต่ทว่าพอลูกชายโตเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นก็เริ่มมีนิสัยต่อต้าน ไม่เชื่อฟัง ยิ่งว่าก็เหมือนยิ่งยุ ทำเอาอิทธิกรได้แต่กุมขมับหนักใจอยู่ไม่น้อย “จำเอาไว้ว่าอย่าไปมีเรื่องกับใครอีก นี่ก็ใกล้จะถึงวันหาเสียงแล้ว ฉันไม่อยากให้เรื่องของแกมากระทบกับผลการเลือกตั้ง” สุ้มเสียงของคนเป็นพ่อดังขึ้นอีกครั้ง ไอดินก็ได้แต่ถอนหายใจเนื่องจากสบเข้ากับสายตาของผู้เป็นแม่ที่ส่ายหน้าให้เบา ๆ สื่อเป็นนัยว่าอย่าโต้เถียงกัน ไอดินจึงวางช้อนส้อมในมือลง หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแล้วลุกออกไปแทน “อิ่มแล้วเหรอ เพิ่งกินไปได้ไม่กี่คำเอง” กานดารีบเอ่ยกับลูกชาย ทว่ากลับโดนสามีพูดแทรกด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น “มันไม่กินก็ช่างหัวมัน มัวแต่ตามใจจนจะเสียคนอยู่แล้วไม่เห็นหรือไง” กานดาปิดปากเงียบนั่งกินข้าวต่อ เก็บความเป็นห่วงลูกชายเอาไว้ รอให้สามีกินข้าวอิ่ม เธอจึงนำอาหารขึ้นไปหาลูกชายบนห้องนอน ก๊อก! ก๊อก! “แม่เข้าไปนะ” “ครับ” หญิงวัยกลางคนหมุนลูกบิดเข้าไปในห้องของลูกชาย เดินถือถาดอาหารวางลงบนโต๊ะทรงเตี้ยที่ตั้งวางด้านหน้าโซฟาตรงมุมห้องติดกับหน้าต่าง “มากินข้าวเร็ว อย่าปล่อยให้ท้องหิว” ลูกชายวางโทรศัพท์ในมือไว้ข้างหมอน ก่อนจะก้าวออกจากเตียงเดินเข้ามานั่งกับผู้เป็นแม่ที่โซฟาอย่างเชื่อฟัง “อย่าถือสาพ่อเลยนะ พ่อทำงานหนัก อาจจะมีเรื่องเครียดเลยทำให้เผลอกดดันลูกไปบ้าง ลูกก็รู้ว่างานของพ่อเกี่ยวข้องกับสังคม การที่ครอบครัวเรามีภาพลักษณ์ที่ดี ก็ส่งผลดีต่องานของพ่อด้วย” กานดาว่าพลางเลื่อนมือขึ้นไปลูบผมของลูกชายอย่างเบามือ ไอดินโตขึ้นก็มีความคิดความอ่านเป็นของตัวเอง เขาถูกเลี้ยงดูมาแบบบังคับกะเกณฑ์ พอนานวันเข้าสองพ่อลูกก็เริ่มมีปากเสียงทุกครั้งขณะร่วมโต๊ะรับประทานอาหาร เพราะนี่คือเวลาเดียวที่จะอยู่พร้อมหน้ากันสามคนพ่อแม่ลูก “แม่ก็เข้าใจพ่อไปซะทุกอย่าง แล้วพ่อล่ะครับ เคยเข้าใจพวกเราบ้างไหม” เขารู้ว่าแม่ไม่ได้มีความสุขกับที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่เป็นเพราะแม่รักเขามาก แล้วก็รักพ่อมากเช่นเดียวกัน จึงเป็นฝ่ายยอมเก็บความรู้สึกน้อยใจนี้เอาไว้ แล้วทำตัวเข้มแข็งแสร้งยิ้มให้กับทุกคนในบ้านเพื่อให้ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า “พ่อก็แค่หวังดี ไม่อยากให้ลูกทำตัวเสเพล แม่รู้ว่าลูกไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ลูกแค่ต้องการเอาชนะพ่อ” “ขอโทษนะครับที่ทำให้แม่เป็นห่วง” ไอดินจับมือของผู้เป็นแม่มากอบกุมอย่างรู้สึกผิด การกระทำของเขามักจะทำให้แม่ทุกข์ใจ แต่มันก็อดไม่ได้ที่โดนผู้เป็นพ่อต่อว่าโดยไม่ได้ถามถึงสาเหตุหรือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องทำแบบนั้น “เมื่อคืนลูกไม่ได้เจ็บตัวใช่ไหม ไหนแม่ขอดูซิ” มือของหญิงวัยกลางคนจับใบหน้าลูกชายหันไปมาเพื่อสำรวจร่องรอยบอบช้ำ ถ้าสามีไม่พูดขึ้นเธอก็ไม่รู้เลยว่าเมื่อวานลูกชายมีเรื่องกับคนอื่นมา “ไม่ครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร เรื่องเมื่อคืนผมก็แค่ช่วยคน” แต่วิธีการมันอาจจะรุนแรงไปหน่อย “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว กินข้าวเถอะเดี๋ยวแม่นั่งเป็นเพื่อน จะได้รอเอาจานลงไปเก็บด้วยเลย” “ครับแม่” ไอดินขานรับผู้เป็นแม่ด้วยรอยยิ้ม แม่ของเขามักจะเชื่อในคำพูดที่ออกมาจากปากของลูกชายเสมอโดยไม่ถามไถ่อะไรมาก เขาไม่ชอบพูดโกหกมาตั้งแต่เด็ก และทุกอย่างที่ทำนั่นพิจารณามาอย่างดีแล้ว ถึงตัดสินใจทำลงไป แม่ของเขาทราบดีว่าลูกชายคนนี้เป็นคนยังไง แม้หลัง ๆ จะมีเรื่องความรุนแรงเกิดขึ้นบ้างตามประสาวัยรุ่นใจร้อน แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยเข้าไปหาเรื่องใครก่อน ยกเว้นครั้งนี้ ยอมรับว่าแส่เรื่องของคนอื่น แต่ผลพลอยได้มันกลับหอมหวานจนทำให้เขาลืมไม่ลง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม