๓
ยินดีที่ได้รู้จัก
จากวันนั้น กันติชาและธีรศักดิ์จึงตัดสินใจคบหาเป็นคนรักกันไม่นานหญิงสาวก็ได้เข้ามาทำงานเป็นผู้ช่วยประชาสัมพันธ์ที่โรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งคุณ เมธัชบิดาของชายหนุ่มเป็นหุ้นส่วนใหญ่ โดยการช่วยเหลือของธีรศักดิ์
ชายหนุ่มเล่าความเป็นมาของหญิงสาวให้บิดารับรู้ยกเว้นความสัมพันธ์ทางใจที่เขาและหล่อนมีต่อกันเมื่อบิดาทราบถึงเรื่องราวสู้ชีวิตก็เกิดความเอ็นดูหญิงสาวเป็นอย่างมาก จึงอนุญาตให้ไปทำงานที่โรงแรมแห่งนั้นได้ในทันที
เมื่อเริ่มมีเงินเก็บมากพอ กันติชาจึงพามารดาย้ายออกจากบ้านน้อยหลังกองขยะ มาอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าหลังเล็กกะทัดรัดราคาถูกแห่งใหม่ ใกล้มหาวิทยาลัยและที่ทำงานตามที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก จนกระทั่งหญิงสาวจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจึงสมัครงานที่บริษัทเอกอนันต์ เอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัทของคุณเมธัช และทำงานด้านการตลาดตรงตามสาขาที่เรียนจบมา ขณะเดียวกันธีรศักดิ์ตัดสินใจไม่ไปเรียนต่อต่างประเทศเมื่อบิดาไถ่ถามชายหนุ่มอ้างว่าต้องการศึกษาต่อที่เมืองไทยมากกว่า ที่สำคัญเขาอยากช่วยงานบิดาเพราะท่านก็อายุมากแล้วและธีร์ธวัชก็ยังไม่ยอมกลับมาเขาจึงยังไม่อยากไปไหน ทว่าคุณเมธัชหารู้ไม่ว่าความจริงแล้วบุตรชายตัวแสบยังมีเหตุผลที่ซุกซ่อนไว้ในใจและเหตุผลสำคัญนั่นคือเขาเป็นห่วงคนรักนั่นเอง
สามปีผ่านไปในที่สุดธีร์ธวัชก็ส่งข่าวมาทางบ้านว่ากำลังเดินทางกลับเมืองไทยและจะถึงภายในเวลาหกโมงเย็นวันนี้
“ธีร์คะ ไหนล่ะคะคนที่จะมารับคุณน่ะ”
เสียงหวานออดอ้อนที่ดังอยู่ข้างหูทำให้ชายหนุ่มที่เดินออกมายังประตูผู้โดยสารขาเข้า ต้องกวาดสายตาออกไปมองหาคนที่จะมารับ ริมฝีปากสีเรื่ออย่างคนมีสุขภาพดีเผยอยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างมีเสน่ห์ เมื่อสายตาคมเข้มกวาดไปปะทะกับร่างสูงเพรียวของน้องชายเข้าพอดี
ธีร์ธวัชยกมือขึ้นโบกให้สัญญาณซึ่งก็พอดีกับที่ธีรศักดิ์ยกมือขึ้นโบกตอบรับเช่นกัน
“เฮ้ว่าไงไอ้น้องชาย หล่อขึ้นเป็นกองเลยนะเรา”
ธีร์ธวัชกอดคอน้องชายอย่างคิดถึง ขณะที่อีกฝ่ายทักทายพี่ชายยิ้มๆ
“สวัสดีครับพี่ธีร์ พี่ก็เหมือนกันนะครับ”
“แหมธีร์ขาไม่คิดจะแนะนำลินให้รู้จักกับน้องคุณบ้างเหรอคะ”
เสียงหวานแหลมที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ธีร์ธวัชนึกขึ้นได้จึงรีบแนะนำหญิงสาวให้รู้จักกับน้องชาย
“ทิม... นี่คุณอลินเพื่อนพี่เอง ส่วนนี่ธีรศักดิ์น้องชายผม”
ธีรศักดิ์ส่งมือไปทักทายสาวสวยตรงหน้าอลินก็แตะมือรับการทักทายเป็นอย่างดี ก่อนปรายตามองค้อนคนที่แนะนำหล่อนในฐานะเพื่อน ซึ่งขัดกับความรู้สึกและความสัมพันธ์ที่มีต่อกันเพราะหล่อนต้องการให้เขาแนะนำในฐานะคนรัก ไม่ใช่แค่คนรู้จักเช่นเมื่อครู่
หลังจากนั้นทั้งคู่ไปส่งหญิงสาวที่บ้านของหล่อน ก่อนจะพากันกลับมายังคฤหาสน์ในเวลาต่อมา...
“สวัสดีครับคุณพ่อ”
ชายหนุ่มโผกอดบิดาทันทีเมื่อพบหน้า
“เป็นยังไงลูกเดินทางเหนื่อยไหม” คุณเมธัชดันบุตรชายคนโตออกห่างพร้อมกวาดตาสำรวจอย่างพอใจ
“ไม่ครับ คิดถึงคุณพ่อนะครับ”
ชายหนุ่มกล่าวยิ้มๆ ทำเอาน้องชายรู้สึกขบขัน
“อะแฮ่ม!พี่ธีร์ครับ ถ้าพี่เป็นผู้หญิงผมจะไม่รู้สึกอะไรเลยนะ”
ธีรศักดิ์กระเซ้าพี่ชายที่ทำท่าคิดถึงบิดาเกินเหตุจึงถูกอีกฝ่ายมองอย่างคาดโทษก่อนจะหัวเราะเบาๆส่วนผู้เป็นบิดามองบุตรชายทั้งสองด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ
“เอาละ มาเหนื่อยๆ ธีร์ไปอาบน้ำอาบท่าเสียก่อนจะได้มากินข้าวกัน วันนี้แม่ครัวทำกับข้าวรอธีร์ไว้เยอะแยะเลย”
ครึ่งชั่วโมงต่อมาสามคนพ่อลูกจึงอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งบรรยากาศเดิมๆ จึงกลับมาพร้อมเสียงหัวเราะที่ห่างหายไปนาน...
เช้าวันรุ่งขึ้นร่างสูงใหญ่ยืนอยู่หน้ากระจก มือใหญ่ติดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายแล้วสำรวจตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนหมุนตัวออกจากห้อง เท้าได้รูปซอยลงบันไดก่อนจะชะลอความเร็วเมื่อพบว่าบิดานั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ห้องนั่งเล่นเพียงลำพังจึงรีบสืบเท้าเข้าไปหาทันที
“ตื่นแต่เช้าเชียวนะครับคุณพ่อ”
คุณเมธัชเงยหน้าขึ้นมองบุตรชายคนโตก่อนจะยิ้มเต็มใบหน้าเมื่อร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายทรุดตัวลงนั่งประสานมืออยู่ตรงหน้า
“เราก็เหมือนกัน ไม่ง่วงหรือไง ว่าแต่กาแฟไหม?”
คุณเมธัชยกถ้วยกาแฟในมือขึ้นถามบุตรชายก่อนจะดื่มแล้ววางลงที่เดิม
“ก็ดีฮะ ขอขมๆ สักแก้ว”
ไม่นานนักกาแฟหอมกรุ่นรสชาติขมปี๋อย่างที่สั่งก็ถูกนำมาวางไว้ตรงหน้าชายหนุ่ม ธีร์ธวัชยกขึ้นจิบสองสามครั้งก่อนจะกระดกรวดเดียวแล้วถามหาธีรศักดิ์
“ทิมล่ะครับคุณพ่อ ไปไหนแต่เช้า”
“โน่นแน่ะ หน้าบ้าน”
เจ้าของดวงตาคมกริบแฝงแววเจ้าเล่ห์นิดๆ มองตาม พลันใบหน้าของเขาก็อมยิ้มพร้อมกับเอ่ยขอตัว
“ผมไปหาทิมก่อนนะครับ”
ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น แล้วตรงไปหาน้องชายที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนม้าไม้กลางสนามหญ้าอันร่มรื่นด้วยท่าทางสบายใจกระทั่งได้ยินเสียงร้องทักจึงเงยหน้าจากหนังสือแล้วส่งยิ้มให้คนที่เดินเข้ามาหา
“ตื่นแต่เช้าเชียวนะครับ ดื่มกาแฟมาหรือยังครับ”
“เรียบร้อยแล้ว ว่าแต่นายเถอะ ออกมานั่งเสียไกลเชียว”
“ตรงนี้อากาศดีครับ”
คำตอบของน้องชายเหมือนมีอะไรบางอย่างมาสะกิดในความรู้สึกของเขา ก่อนจะมองออกไปยังบริเวณหน้าบ้านซึ่งเยื้องไปเป็นถังขยะใบใหญ่ที่ตั้งอยู่ ภาพในวัยเด็กย้อนกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้งก่อนที่ชายหนุ่มจะส่ายหน้าเบาๆ
“ป่านนี้คงจะโตแล้วมั้งยัยเด็กขยะ”
เสียงพึมพำของธีร์ธวัชทำให้น้องชายเงยหน้าขึ้นมามองและถามอย่างแปลกใจเพราะได้ยินไม่ถนัด
“ฮะ อะไรนะครับ”
“อะไรเหรอ” เขาเลิกคิ้วแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้“เปล่านี่ พี่ก็พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”
ธีร์ธวัชบอกปัดไปอย่างไม่อยากพูดถึงคู่อริในวัยเด็ก
“แต่พรุ่งนี้รอด้วยก็แล้วกัน พี่จะเข้าบริษัทด้วย”
“ทำไมล่ะครับ ไม่พักผ่อนสักสองสามวันก่อนเหรอ อ้อลืมไปว่าพี่ชายผมไฟแรง ร้อนวิชาอยากจะแสดงฝีมือแล้วก็ว่าเถอะ”
ธีรศักดิ์มองพี่ชายด้วยแววตาล้อเลียน อีกฝ่ายจึงตอบออกมาอย่าง กวนๆ
“เปล๊า แค่กะว่าจะไปหลีสาวแถวนั้นหน่อย”
คำตอบของพี่ชายทำให้ธีรศักดิ์ต้องส่ายหน้ายิ้มๆ
“โธ่ ไอ้เราก็นึกว่าไฟแรง ที่ไหนได้ คิดจะไปจีบสาวซะงั้น”
ธีร์ธวัชหัวเราะเบาๆ พลางมองไปรอบๆ
“ว่าแต่นายเถอะ มีมั่งหรือยังหญิงในดวงใจ”
คำถามแทงใจดำทำให้ธีรศักดิ์เผลอยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงหญิงในดวงใจที่พี่ชายถาม ซึ่งก็ทำให้ธีร์ธวัชยิ้มออกมาทันที
“ยิ้มแบบนี้แปลว่ามีแล้ว แนะนำให้รู้จักกันบ้างสิ”
อาการสนใจนักหนาของพี่ชายทำให้ธีรศักดิ์มองอีกฝ่ายอย่างไม่มั่นใจนัก แต่ก็นึกขำในใจว่าหากธีร์ธวัชรู้ว่านางในดวงใจของเขาคือเด็กเก็บขยะที่เคยเกลียดนักหนาพี่ชายเขาจะช็อกตายคาที่หรือเปล่าก็ไม่รู้
“ว่าไงล่ะ ความลับเหรอ...ก็ได้ไม่ยุ่งๆ ว่าแต่ยังไงก็พามาแนะนำให้รู้จักบ้างแล้วกัน”
แววตาล้อเลียนของพี่ชายทำให้ธีรศักดิ์ยิ้มเฉย โดยไม่ยอมพูดอะไรเกี่ยวกับตัวหญิงสาวแม้แต่นิดพลางคิดในใจว่า...
เอาไว้เจอเองแล้วกัน