โรงแรมแกรนด์ลิลา — กลางเมือง จังหวัด N
ค่ำคืนในตัวเมืองสว่างไสวด้วยแสงไฟของงานเลี้ยงสุดหรูจากบริษัท DIVA WELLNESS GROUP ที่จัดเพื่อฉลองยอดขายทะลุเป้าไตรมาสล่าสุด
หนึ่งในแขกรับเชิญพิเศษของงานก็คือ มิว อินฟลูเอนเซอร์สายไลฟ์สไตล์สุขภาพ ที่ทำยอดรีวิวพุ่งจนแบรนด์ติดเทรนด์แบบฉุดไม่อยู่ และค่ำคืนนี้ เธอต้องขึ้นเวทีเพื่อรับโล่เกียรติยศจากแบรนด์
และแน่นอน...เธอไม่ได้มาคนเดียว
หนึ่งวันก่อนหน้านั้น...
“ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยน้า~”
มิวอ้อนเสียงหวาน แววตาแพรวพราวเหมือนจะกล่อมให้เพื่อนรักใจอ่อน
“ไม่เอาอะ ขี้เกียจแต่งตัว” ขนมปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
“โห่ยยยย~ ขนมมม~ นะ ๆๆๆ นะน้าาา~”
มิวลากเสียงอ้อนยาว พร้อมกับพุ่งเข้ามากอดรัดฟัดเหวี่ยงไม่ให้หนี
“โอ๊ย! ยัยมิว ปล่อย!!”
ขนมร้องลั่น เมื่อตัวเองโดนเพื่อนสาวซุกหน้าลงกลางอกแน่น ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว
มิวไม่พูดเปล่า ยังแอบไถแก้มกลม ๆ ไปมาแถวเนินอกอวบอิ่มที่โผล่พ้นเสื้อคอวีเซ็กซี่นิด ๆ จนคนโดนแกล้งถึงกับขนลุกซู่
“ไปเป็นเพื่อนฉันแป๊บเดียวเอง เดี๋ยวเลี้ยงชาไข่มุกหนึ่งอาทิตย์เต็ม!”
ไม้ตายถูกงัดออกมา...
ขนมที่ตั้งท่าจะด่า ถึงกับชะงัก
เพราะอะไรน่ะเหรอ?
เพราะเธอ...ไม่ใช่คนที่จะปฏิเสธชาไข่มุกได้ง่าย ๆ ยังไงล่ะ
ภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมแกรนด์ลิลา คืนนี้ตกแต่งด้วยธีม ‘Black & Gold Elegant Night’ โทนสีดำทองหรูหรา
ท่ามกลางแสงไฟระยิบระยับจากแชนเดอเลียร์คริสตัลกลางห้อง เสียงไวโอลินคลอเบา ๆ ท่ามกลางบรรยากาศเฉลิมฉลองสุดพิเศษ แขกภายในงานต่างแต่งกายในชุดราตรีสุดอลังการ แต่เมื่อมิวและขนมเดินเข้ามา ทุกสายตาก็เผลอหยุดมอง
เพราะสองสาวสุดแซ่บปรากฏตัวอย่างสง่างามราวพายุลูกใหม่ที่พัดโหมความเร่าร้อนเข้าสู่งานหรู
มิว มาในลุคสาวมั่นสุดเซ็กซี่กับเดรสเกาะอกกำมะหยี่สีดำสนิท เว้าหลังลึกจนเกือบถึงเอว ผ่าข้างสูงเผยเรียวขาเพรียวสวย ใบหน้าแต่งโทนควันเบา ๆ กับลิปแดงกำมะหยี่ ยิ่งทำให้เธอดูสวยเฉี่ยวแบบหยุดหายใจได้
“คืนนี้ฉันต้องสวย!” มิวกระซิบกับเพื่อนพลางยิ้มอย่างมั่นใจ ขณะที่สายตาหลายคู่ยังจ้องเธอไม่วางตา
ส่วน ขนม...เธอคือละอองน้ำหวานที่ซ่อนเปลวไฟ
เพื่อนสาวที่มักแต่งตัวเรียบง่าย แต่วันนี้กลับสวมชุดเดรสสลิปซาตินสีไวน์แดงเข้ม สายเดี่ยวบางเฉียบพาดบนไหล่เนียน โอบกระชับกับส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างพอดิบพอดี กระโปรงผ่าด้านข้างโชว์ต้นขาขาวเนียน กับส้นสูงสายไขว้สีทองเมทัลลิกที่ขับให้เธอดูหรูหรา...แต่ร้อนแรงในคราวเดียว
ผมลอนอ่อน ๆ สยายลงเคลียแผ่นหลังเปลือย ดวงตากลมโตแต่งโทนชิมเมอร์วาวเบา ๆ ปัดแก้มระเรื่อกับลิปกลอสสีชมพูระเรื่อ...เหมือนจะหวาน แต่กลับยิ่งน่าละลายยิ่งกว่าไวน์รสแรง
“ยัยขนม...แกสวยเกินเบอร์!”
มิวถึงกับอุทานออกมาขณะเดินเคียงกัน
“ขืนเดินเข้างานแบบนี้ มีคนอกหักเป็นแถวแน่ ๆ แม่คุณเอ๊ย~”
ขนมหัวเราะเบา ๆ ดวงตาหวานลอบมองกระจกข้างผนัง ก่อนพูดเสียงนุ่ม
“แกก็เว่อร์เกินไปน่า~”
ขณะเดียวกัน...
กันต์ที่เพิ่งก้าวเท้าเข้าสู่งานพร้อมกับราวินก็กลายเป็นจุดสนใจของแขกสาว ๆ ในห้องจัดเลี้ยงทันที ไม่แพ้ตอนที่สองสาวปรากฏตัว
ทั้งคู่สวมสูทเข้ารูปตัดพิเศษ ที่ขับให้ไหล่กว้างและช่วงเอวสอบดูชัดเจนกว่าใครในงาน
ราวิน มาในลุคหนุ่มเจ้าสำอางเต็มขั้น สูททักซิโด้กำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มลายจาง ๆ แบบเท็กซ์เจอร์หรู เสื้อเชิ้ตสีขาวคอจีนเกลี้ยง พร้อมเข็มกลัดรูปปีกนกสีทองที่กลัดไว้บนอกซ้าย ดวงตาคมใต้กรอบแว่นบางสะท้อนแสงไฟระยิบ
สาว ๆ หลายคนถึงกับกระซิบกระซาบถามกันว่า
“เขาเป็นซีอีโอจากบริษัทไหนนะ?”
แต่แล้ว…สายตาทุกคู่ก็ต้องเบนไปที่กันต์
เพราะผู้ชายที่เดินเคียงข้างมาในชุด สูทดำสนิท แบบโมโนโครม ไม่มีลาย ไม่มีเครื่องประดับ ไม่มีอะไรเลยนอกจาก ‘ความเรียบ...ที่โคตรจะร้อนแรง’
สูทคัตติ้งเฉียบ เผยสัดส่วนแผ่นหลังกว้างและช่วงอกแน่นพอดีราวกับวัดตัวมาเป๊ะ เสื้อเชิ้ตสีดำเนื้อซาตินแง้มกระดุมบนไว้เพียงเม็ดเดียว ทำให้เห็นกระดูกไหปลาร้าและผิวเข้มกร้านแดดที่ตัดกับแสงไฟได้อย่างเหลือร้าย
ผมถูกเซ็ตขึ้นแบบเซอร์ ๆ เล็กน้อยไม่เนี้ยบจ๋า แต่กลับยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์แบบผู้ชายอันตราย
และที่อันตรายที่สุด...คือดวงตาคู่นั้น แววตาเรียบนิ่ง...แต่ลึกซึ้งราวกับมีเปลวเพลิงอยู่ข้างใน
เขาถึงกับชะงัก และหยุดยืนเพียงครู่เดียวหลังเดินเข้าห้องจัดเลี้ยง เพราะสายตาของเขาดันเห็นเด็กข้างบ้านท่ามกลางวงล้อมของผู้ชายในงาน
เขามองเธอจากหัวจรดเท้า ตั้งแต่สายเดี่ยวเส้นเล็กที่พาดบนไหล่เนียน ไปจนถึงชายกระโปรงที่ผ่าข้างสูงเผยเรียวขาจนน่าหวาดเสียว และริมฝีปากชมพูชุ่มวาวที่เคยยิ้มให้เขาอย่างไร้เดียงสา แต่คืนนี้...มันไม่ไร้เดียงสาอีกต่อไป
ริมฝีปากหยักเม้มแน่นอย่างห้ามไม่อยู่
‘…เด็กคนนี้...คิดจะฆ่ากันหรือไงวะ’
“ใจเย็น เพื่อน…”
เสียงของราวินดังขึ้นเบา ๆ พลางตบไหล่กันต์เบา ๆ
“นายช่วยเช็ดน้ำลายมุมปากก่อนได้มั้ย?”
กันต์ไม่ขำ
เขายังยืนนิ่ง มองเด็กข้างบ้านของเขาในลุคที่ไม่คุ้นตา...แต่กลับตราตรึงเสียจนต้องกลืนน้ำลาย
‘แม่งเอ๊ย!! แต่งแบบนี้...กูจะคุมตัวเองไหวมั้ยวะ!’
...
ขนมยืนพิงเสาโครเมียมสีทอง มือข้างหนึ่งถือแก้วแชมเปญที่ยังไม่ได้แตะ ขณะที่มิวถูกดึงตัวไปเตรียมตัวด้านหลังเวที เธอเหลือบมองรอบห้องอีกครั้ง สายตาแวบไปสะดุดกับกันต์ที่ยืนอยู่ไกล ๆ กับราวิน สองคนนั้นกำลังคุยกัน แต่สายตาของกันต์...เหมือนจะจับจ้องเธอไม่วาง
“สวัสดีครับ คุณ...”
เสียงทุ้มนุ่มแต่แฝงความเจ้าชู้ลอยมาใกล้ ๆ ขนมหันขวับ เจอผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งในสูทสีเทาเงินยืนยิ้มกว้าง ผมเซ็ตเป๊ะ หน้าตาคมเข้มแบบพระเอกซีรีส์ แต่สายตาที่มองเธอนั้น...มันลึกเกินไปจนเธอรู้สึกไม่สบายใจทันที
“เอ่อ...สวัสดีค่ะ” เธอยิ้มบาง ๆ พยายามรักษามารยาท แต่ยกแก้วขึ้นมาปิดปากเล็กน้อยเหมือนจะกั้นระยะ
“ผมธันน์ จาก DIVA WELLNESS ฝ่ายการตลาดครับ”
เขายื่นมือมา แต่แทนที่จะจับมือ เขากลับแตะข้อศอกของเธอแทน
“เห็นคุณยืนคนเดียวเลยอยากมาทักทายหน่อยครับ คุณมากับคุณมิวใช่ไหม? สวยขนาดนี้ ผมว่าคุณน่าจะขึ้นเวทีแทนเธอได้เลยนะ”
ขนมยิ้มฝืด ๆ ถอยหลังครึ่งก้าว
“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันแค่มาช่วยเพื่อนเฉย ๆ ไม่ได้ทำงานด้านนี้”
“อ้อ? งั้นคุณทำอะไรอยู่ล่ะครับ?”
เขาไม่ลดละ ก้าวเข้ามาใกล้อีกนิด กลิ่นน้ำหอมผู้ชายแรง ๆ ลอยมาแตะจมูก
“ผมว่าคุณเหมาะกับงานโมเดลลิ่งมากกว่านะ หรือถ้าสนใจ ผมมีโปรเจกต์ใหม่ ๆ ที่กำลังหาคนหน้าตาดีแบบคุณอยู่พอดี”
‘เจ้าชู้ชัด ๆ’
ขนมคิดในใจ สายตาเธอเหลือบไปมองหาทางหนี แต่คนรอบข้างกำลังคุยกันสนุก ไม่มีใครสนใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมีงานประจำอยู่แล้ว” เธอพูดเร็ว ๆ พยายามหันหลังจะเดินหนี
แต่ธันน์ยื่นแก้วเครื่องดื่มสีฟ้าอมม่วงที่เพิ่งรับมาจากพนักงานเสิร์ฟ
“เดี๋ยวก่อนสิครับ อย่างน้อย...ดื่มด้วยกันสักแก้วไหม? ค็อกเทลสูตรพิเศษของงานนี้เลย หวาน ๆ ไม่เมาแน่นอน”
เขายื่นแก้วมาใกล้จนเธอต้องยกมือขึ้นรับโดยอัตโนมัติ เพื่อไม่ให้ดูหยาบคายเกินไป
“เอ่อ...ค่ะ ขอบคุณ”
ขนมรับแก้วมาแบบเสียไม่ได้ ยกขึ้นจิบเล็กน้อยเพื่อให้จบเรื่อง รสชาติหวานอมเปรี้ยว แต่มีกลิ่นแอลกอฮอล์แฝงอยู่ เธอขมวดคิ้วนิด ๆ แต่ก็กลืนลงไป
“อร่อยไหมครับ?” ธันน์ยิ้มกว้าง ก้าวเข้ามาใกล้อีก
“ถ้าชอบ ผมสั่งให้เพิ่มได้นะ หรือจะให้ผมพาไปดูบาร์ส่วนตัวด้านหลังก็ได้...”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ขนมรีบปฏิเสธ หันหลังจะเดินหนี แต่เธอกลับรู้สึกเวียนหัวแปลก ๆ
‘แปลก...ทำไมรู้สึกมึนหัวจัง’
เธอไม่รู้ตัวว่า...ธันน์แอบหยดอะไรบางอย่างลงในแก้วก่อนยื่นให้
“เดี๋ยวสิครับ ผมยังไม่ได้...”
คำพูดของธันน์ถูกตัดบทด้วยเสียงทุ้มเย็นเฉียบที่ดังขึ้นข้างหลัง
“มือออกจากเธอเดี๋ยวนี้”
กันต์ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว สูงโปร่งในสูทดำสนิท ดวงตาคมกริบจ้องธันน์ด้วยความโกรธจัด ขณะที่มือข้างหนึ่งคว้าแก้วค็อกเทลจากมือขนมโยนทิ้งลงพื้นทันที เสียงแก้วแตกดังกึก
“พี่กันต์!?” ขนมสะดุ้ง แต่ร่างกายเริ่มโงนเงนเล็กน้อย
กันต์ไม่พูดอะไร เขาโอบเอวเธอไว้แน่น พาเดินออกจากตรงนั้นทันที โดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง
“พี่...ทำอะไร...” ขนมพยายามถาม แต่เสียงอ่อนลงเรื่อย ๆ
“เงียบก่อน” เขากระซิบข้างหู มือโอบเอวเธอแน่น
“เธอโดนวางยา”
ธันน์ยืนอึ้ง มองตามหลังทั้งคู่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ