สองวันต่อมา...
ช่วงเย็น ขนมที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านหลังสีพีชสองชั้นที่ตอนนี้เธออาศัยอยู่คนเดียว เดิมทีบ้านหลังนี้เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของครอบครัว
แต่เมื่อพ่อกับแม่ของเธอตัดสินใจย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นอย่างถาวรหลังจากธุรกิจลงทุนของคุณพ่อ ดันเกิดปังปุริเย่ระเบิดเถิดเทิงแบบไม่ตั้งใจ ชีวิตของขนมจึงพลิกผันกลายเป็นสาวโสดในบ้านหลังใหญ่โดยสมบูรณ์
แม้ใครจะมองว่าน่าเหงา...แต่ไม่ใช่สำหรับเธอ
ก็แหม...อยู่ตัวคนเดียว มีบ้าน มีรถ แถมยังมีอิสระให้ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องมีคุณพ่อคุณแม่คอยสแกนชุดก่อนออกจากบ้าน ใครจะไม่ชอบล่ะ?
ส่วนบ้านข้าง ๆ ที่แทบจะแชร์รั้วเดียวกัน ก็เป็นของมิวเพื่อนสนิทที่กลายเป็นเหมือนฝาแฝดคนละบ้าน และพี่กันต์ พี่ชายสุดฮอตเจ้าของฉายา ‘คาสโนว่า’ ที่ทำเอาเธอแอบเขินทุกครั้งเวลาเผลอเดินสวนกัน
ครอบครัวของมิวกับพี่กันต์ก็ไม่ได้ต่างจากครอบครัวของขนมเท่าไหร่นัก หลังจากประสบความสำเร็จในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับอินเตอร์ พ่อแม่ของพวกเขาก็บินไปบริหารงานสาขาต่างประเทศอยู่บ่อย ๆ ทิ้งสองพี่น้องไว้ในเมืองไทยอย่างอิสระเสรีไม่แพ้กัน
และนั่นเอง...คือจุดเริ่มต้นของความสนิทที่กลายเป็นความคุ้นเคยและสุดท้าย...เหมือนจะกลายเป็นความหวั่นไหวข้างเดียวมานานแสนนาน
จนวันนี้...ขนมไม่ได้ตั้งใจจะหวั่นไหวอยู่ข้างเดียวอีกต่อไปแล้ว
“ยัยขนม!!”
เสียงแหลมปรี๊ดดังมาจากหน้าต่างจนหญิงสาวที่กำลังจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ แทบสำลัก มือไม้ปัดไปทั่วโต๊ะ
“อุ๊ย แม่ร่วง! หกหมด!!”
ขนมแทบทำแก้วหล่นใส่ตัก เมื่อใบหน้าของเพื่อนสนิทอย่างมิวโผล่พรวดมาจ๊ะเอ๋อยู่ตรงหน้าต่างพอดิบพอดี
“อะไรหกอะ? นมหกรึไง?”
มิวหัวเราะคิกคัก ขณะที่ยื่นมือเรียวเข้ามาแล้วเอานิ้วจิ้มหน้าอกของเพื่อนแรง ๆ อย่างหมั่นไส้
“ย่ะ! เดี๋ยวเหอะ นมตัวเองก็ใช่ย่อย ยังจะมาเล่นอีก”
ขนมรีบเบี่ยงตัวหนี แก้มใสขึ้นสีระเรื่อ
“ของฉันน่ะเหรอ!? โอ๊ยยยย ยัยขนม แบนขนาดนี้ เอาที่ไหนมาเด้งดึ๋งวะ!? มองทีไรเหมือนหน้าอกกำลังงอนฉันอยู่เลยอะ!”
มิวทำหน้าตาเว้าวอนพลางปีนข้ามหน้าต่างเข้ามานั่งบนโซฟาอย่างคุ้นเคย
“กลิ่นหอมเชียว เพิ่งอาบน้ำเสร็จละสิ นี่แน่ะ!”
เธอพุ่งเข้าไปฟัดหน้าอกเพื่อนสาวราวกับแมวตัวน้อย ก่อนจะถามเสียงอ้อน ๆ
“คืนนี้ว่างมั้ยเพื่อนรัก?”
“หืม?” ขนมขมวดคิ้ว ขณะจัดเสื้อให้เข้าที่
“อย่าบอกนะว่าจะลากฉันไปเป็นแขกรับเชิญรายการไลฟ์ของแกอีกอะ ไม่เอานะ ขนมยังไม่ได้แต่งหน้าเลย!”
“ไม่ได้ชวนไปไลฟ์!” มิวรีบโบกมือ
“จะมาชวนไปปาร์ตี้เลี้ยงรุ่น!”
“ห๊ะ! เลี้ยงรุ่น!?”
ขนมเบิกตากว้างทันที
“ใช่แล้วจ้าาา~ รุ่นเรานัดกันไปเจอที่ ‘Glow Room’ ผับใหม่ที่เพิ่งเปิดในเมือง บรรยากาศดีมาก! แอร์เย็น! แสงสวย! ผู้หล่อ!”
มิวขายงานเต็มที่ พร้อมยื่นโทรศัพท์ให้ดูรูปสถานที่เป็นหลักฐาน
“แล้วแกจะให้ฉันแต่งตัวยังไงไปงานนี้?”
“ธีมสบาย ๆ สายแฟ ชิคได้ แซ่บได้ ไม่ต้องเป๊ะเว่อร์มาก แต่...ถ้าแกใส่เสื้อเชิ้ตครอป กับยีนส์เอวต่ำแบบที่ฉันเคยเห็นนะ โอ้โห~ หนุ่ม ๆ ในรุ่นต้องตาค้างแน่!”
ขนมหลุดหัวเราะ
“ไปปาร์ตี้รุ่น หรือจะไปหาคู่ให้ฉันเนี่ย”
“ไปหว่านเสน่ห์ให้พี่กันต์จ้องแกทั้งคืนตังหาก!”
“ยัยมิว!!!”
ขนมร้องเสียงหลง แต่ใบหน้าแดงระเรื่อ และปฏิเสธไม่ได้ว่า...เธอกำลังคิดถึงแววตาคู่นั้นอยู่จริง ๆ
ลึกลงไปในใจ เธอก็อยากรู้เหมือนกัน...ถ้าเธอดูโตขึ้น สวยขึ้น และมั่นใจขึ้นอีกนิด...
‘พี่กันต์จะมองเธอยังไงนะ?’
“ว่าไง ไปมั้ย?” มิวถามย้ำพร้อมทำตาปิ๊ง ๆ ยั่ว ๆ ใส่เพื่อน
“พี่กันต์ไปด้วยเหรอ?”
“อือ~ ได้ยินว่าไอ้พี่กันต์กับพี่วินก็นัดกันที่ Glow Room เหมือนกัน” มิวขยิบตาให้เพื่อนอย่างรู้ใจ
“งั้นไป!” ขนมตัดสินใจทันที
ในขณะที่มิวตบมือเสียงดัง “แปะ!” แล้วหัวเราะร่าอย่างตื่นเต้น
“คืนนี้...ลุยกัน!”
...
Glow Room เป็นผับสุดฮิตประจำเมือง ตั้งอยู่บนดาดฟ้าชั้นสูงของโรงแรมหรู ด้วยคอนเซ็ปต์ ‘Glow in the Dark with Class’ ทำให้สถานที่แห่งนี้มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ยากจะเลียนแบบ
บรรยากาศภายในถูกออกแบบด้วยโทน ม่วงหม่นไล่ระดับกับทองแดงและน้ำเงินเข้ม ให้ความรู้สึกทั้ง หรูหรา ลึกลับ และน่าหลงใหล ในทุกมุมแสง
หลอด LED ที่ซ่อนไว้ตามเพดานและพื้นกระจก ทำให้แสงไฟสาดส่องเป็นประกายต่อทุกการเคลื่อนไหว เสียงเพลงอิเล็กโทรป๊อปคลอเบา ๆ สลับกับบีทที่ชวนโยกอย่างเป็นจังหวะ ไม่น่ารำคาญแต่พอทำให้เหล่าบรรดาลูกค้าเต้นตามอย่างสนุกสนาน
บริเวณโซน VIP ด้านในเป็นมุมกึ่งเปิดล้อมด้วยกระจกใสบานสูง มองเห็นวิวเมืองยามค่ำคืนพร่างพราว ไฟตามโต๊ะเป็นโคมไฟดีไซน์เกลียวแก้วตัดกับโต๊ะไม้สีเข้ม ดึงอารมณ์หรูมีคลาสแบบล้ำสมัย
ขนมก้าวเข้าสู่ตัวร้านพร้อมมิว
ทันทีที่ประตูเปิดออก แสงไฟสีม่วงอมทองทอดผ่านผิวขาวนวลของเธอราวกับไลท์ติ้งจัดฉากให้เธอโดยเฉพาะ
ขนมสวมเสื้อครอปแขนยาวสีขาวไข่มุก ตัวเสื้อฟิตแนบจนหน้าอกที่ใหญ่เกินตัวแทบจะทำให้ผ้าปริ กระดุมสองเม็ดบนถูกปลดออกเหมือนไม่ได้ตั้งใจ เผยร่องอกลึกชวนให้คนกลืนน้ำลาย
แถมผ้ายังบางพอให้เห็น เอวคอด-สะโพกผาย ชัดเจนเมื่ออยู่ในกางเกงยีนส์เอวต่ำสีซีดที่ขับผิวของเธอให้ขาวจนเหมือนเรืองแสง
ผมลอนนุ่มปล่อยยาวเคลียไหล่ แต่งหน้าโทนชมพูนัว ๆ หวานละมุนแต่ซ่อนเปลวไฟไว้ที่ดวงตา
มิวหันมามองเพื่อนแล้วหรี่ตา
“แกจะฆ่าใครคืนนี้เหรอ?”
“แกก็เว่อร์ไปปะ”
ขนมตอบพร้อมยิ้มมุมปาก ทั้งสองเดินไปยังโซน VIP ที่จองไว้ล่วงหน้า
ที่มุม VIP ด้านในสุดของ Glow Room ราวินกับกันต์นั่งเอนกายบนโซฟาหนังนุ่ม จิบวิสกี้เย็น ๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของกลุ่มเพื่อนเก่าสมัยมัธยมที่นัดกันมาสังสรรค์
บรรยากาศเต็มไปด้วยความเป็นกันเอง เสียงดนตรีเร้าใจแต่ไม่กลบเสียงพูดคุย เพลงเปลี่ยนจังหวะเบา ๆ ไปเรื่อย ๆ แสงไฟหมุนช้า ๆ พาดผ่านโต๊ะและใบหน้าของคนในกลุ่มเป็นจังหวะ
จู่ ๆ เพื่อนคนหนึ่งที่นั่งหันหน้าออกไปทางประตูร้านก็เบิกตากว้าง
“เห้ยยย...นั่นน้องขนมนี่หว่า! โตแล้วสวยขนาดนี้เลยเหรอ?”
กันต์ที่ตอนแรกนั่งหันหลังให้ฝั่งประตูหูผึ่งทันทีที่ได้ยินชื่อ เขารีบหันไปตามสายตาเพื่อน...แล้วก็เห็นขนมกำลังก้าวเข้ามาในผับ
ร่างบางที่เดินเยื้องกรายภายใต้สปอร์ตไลต์ ประกอบกับแสงไฟสีม่วงอมทองก็สาดส่องบนร่างระหงนั้นพอดี
กันต์ถึงกับสตั๊นราวกับโดนสาปให้กลายเป็นหิน ดวงตาคมใต้คิ้วเข้มจ้องมองทุกท่วงท่าของเธอ
เสื้อเชิ้ตครอปสีขาวไข่มุกแนบเนื้อแนบใจ หน้าอกอวบอิ่ม กางเกงยีนส์เอวต่ำขับผิวขาวเนียนจนอยากยื่นมือไปสัมผัสร่างบาง ผมลอนนุ่มแกว่งไปตามการก้าวเดิน
ริมฝีปากเคลือบกลอสสีชมพูอ่อนที่ตอนนี้กำลังยิ้มกับเพื่อนอย่างเป็นธรรมชาติ
‘แม่งเอ๊ย! อยากกดให้จมเตียง!!’
กันต์ได้แต่ขบกรามแน่น เข่นเขี้ยวในใจ มือกำแก้ววิสกี้แน่น
ในขณะราวินยกแก้ววิสกี้ขึ้นจิบอย่างใจเย็น ก่อนจะหันไปมองเพื่อนรักที่นั่งนิ่งเหมือนโดนแช่แข็งทั้งตัว
“มองแรงขนาดนั้น...” เขาแกล้งเอ่ยเสียงเบา
“ไม่ลุกไปอุ้มน้องกลับบ้านเลยล่ะ”
กันต์เหมือนได้สติหันหน้ากลับมาทันที
“มองอะไร ไม่มี๊” น้ำเสียงพยายามเรียบ แต่หูแดงอย่างน่าจับผิด
ราวินหัวเราะในลำคอ ยักไหล่
“ยังจะแถอีกนะ เมื่อกี้ มึงมองเธอตาไม่กะพริบเลยนะ”
“กูเปล่า”
กันต์ทำทีหันกลับไปคุยกับเพื่อนอีกคน แต่หางตายังเผลอเหลือบไปมอง เขาเห็นขนมหัวเราะ เธอสะบัดผมเบา ๆ ขยับยกแก้วดื่มกับมิว และเขาก็เห็นหนุ่ม ๆ มองไปที่เธอแทบจะทุกโต๊ะ
หัวใจเขาเต้นแรงเหมือนผิดจังหวะเล็กน้อย ไม่รู้ว่า รู้สึกหวง หรือรู้สึกหึง...หรือทั้งคู่
‘แต่งตัวแบบนั้นมาทำไมวะ!’
เขาคิดในใจ ขณะที่สายตายังคงจับจ้องเธออย่างเงียบ ๆ เหมือนเสือที่จ้องล่าเหยื่อตัวน้อย
เวลาผ่านไปพักใหญ่ ค็อกเทลหวานที่ขนมจิบไปหลายแก้วเริ่มออกฤทธิ์ ยิ่งทำให้เธอกลายเป็นคนขี้เล่น มีเสน่ห์น่ามองมากยิ่งขึ้น
“แก ๆ เดี๋ยวฉันขอออกไปขยับแข้งขยับขาก่อนนะ” เธอบอกมิว ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะร่า
“เฮ้ย ๆ ฉันไปด้วยดิ” มิวรีบลุกตามทันที
ทั้งสองตรงไปยังฟลอร์กลางร้าน ท่ามกลางแสงไฟสีชมพูและสีม่วงที่หมุนวนสลับไปกับดนตรีอิเล็กทรอนิกส์เบสแน่น เสียงหัวเราะใส ๆ ของขนมและมิวคลอไปกับจังหวะของเพลง
ร่างระหงขยับไปตามจังหวะเพลง สะโพกส่ายเบา ๆ ลำตัวเอียงนิด ๆ แววตาฉ่ำแสงสะท้อนกับลูกบอลไฟด้านบน ยิ่งทำให้เธอดูร้อนแรงกว่าปกติ ดึงดูดสายตาของทุกคนในบริเวณนั้น
แล้วชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาหา พร้อมรอยยิ้ม
“ขอเต้นด้วยคนได้มั้ยครับ?” เขายิ้มพลางยื่นมือให้ขนม
“เอ้า~ มีหนุ่มมาขอแกเต้นแน่ะ” มิวหัวเราะคิกคัก ก่อนผลักร่างเพื่อนรักเข้าไปหาชายหนุ่มคนนั้น
“คะ ค่า” ขนมหัวเราะ จับมือของอีกฝ่ายโดยไม่คิดอะไร
ปึก!!
เสียงแก้ววิสกี้กระแทกโต๊ะที่มุม VIP ทำให้ทั้งโต๊ะสะดุ้ง เพื่อน ๆ ที่นั่งล้อมวงอยู่พร้อมใจกันหันไปมองเจ้าของมือที่วางแก้วอย่างแรง
“ใจเย็นมึง...” ราวินหัวเราะเบา ๆ มองเพื่อนรักที่ขมวดคิ้วแน่น
“เดี๋ยวกูมา”
พูดจบกันต์ก็ลุกขึ้น เดินลุยฝ่าผู้คนที่แน่นขนัดตรงไปยังฟลอร์กลางร้านทันที
จังหวะที่ชายแปลกหน้ากำลังโน้มตัวมากระซิบอะไรบางอย่างข้างหูขนม มือหนาของกันต์ก็คว้าไหล่เธอไว้ แล้วดึงออกห่างอย่างแรงจนร่างบางเซเข้าหาอกของเขา
“อ้าว~ พี่กันต์ มาด้วยเหรอค้า~” ขนมเงยหน้าถามด้วยรอยยิ้มฉ่ำ ๆ แววตาเริ่มมึน ๆ อย่างคนกำลังเมานิด ๆ
ชายหนุ่มที่ยืนงงอยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้วถามเสียงห้วน
“คุณเป็นใครครับ?”
กันต์หรี่ตามอง แสยะยิ้มมุมปาก แล้วกระซิบเสียงเข้ม
“ผัวในอนาคตของน้องเขา”
คำตอบนั้นทำเอาหนุ่มคนนั้นอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือยอมแพ้และถอยห่างไปอย่างรู้สถานการณ์
ขนมหันมามองเขา ตาโต ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา
“พี่กันต์! ทำไมพูดแบบนั้นล่ะคะ~” เธอเอียงตัวผลักอกเขาเบา ๆ
“ผู้ชายหนีหนูหมดเลยนะ~”
“ดีแล้ว” กันต์พูดนิ่ง ๆ ก่อนจะรวบเอวเธอไว้แน่นโดยไม่ให้ขยับหนี มือของเขาจับแขนเธอขึ้นมาคล้องรอบคอของเขาเอาไว้ ก่อนจังหวะเพลงจะเปลี่ยนเป็นช้าลง
“เต้นกับพี่” เสียงทุ้มกระซิบใกล้ใบหู
“หื้ม?” เธอย่นคิ้วเล็กน้อย มองเขาด้วยสายตาไม่เข้าใจ แต่หัวใจกลับเต้นแรงอย่างน่าประหลาด
กันต์โน้มหน้าลงมาใกล้ จนปลายจมูกเกือบแตะกัน เขากระซิบเสียงต่ำ
“อย่ายั่วมากนัก...พี่ไม่อยากใจร้ายกับเด็ก”
“หึ~ หนูไม่กลัวหรอกค่ะ” เธอยิ้มหวานเจ้าเล่ห์
“ก็พี่บอกเองว่าไม่กินเด็กนี่นา~”
กันต์หรี่ตามองอย่างมีเลศนัย ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์
“ก็ไม่แน่...ถ้าเด็กคนนั้นถูกใจพี่”