หลังจากได้เห็นร่างกำยำล่ำสันนั้นเต็มไปด้วยร่องรอยของเท้าและหมัดจนแทบไม่เหลือพื้นที่ว่าง เมฆาก็ดูเหมือนจะพึงพอใจไม่น้อย เขาพยักพเยิดหน้าส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่ยืนล้อมร่างของพลพัชร์อยู่ทราบว่าควรจัดการกับร่างปวกเปียกนั่นอย่างไร
“ฉันจะกลับคอนโดฯ เอริค ติดต่อไปหาเพลงขวัญ บอกเธอว่าให้มาหาฉันที่ทีอาร์เอดรีมด้วย” เมฆาพูดเสียงเรียบ ๆ ขณะที่เดินออกจากบาร์นำหน้าลูกน้อง เอริคที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบเดินสับเท้าก้าวตามให้ทันพร้อมกับเปิดดูตารางงานของเพลงขวัญที่ตนใช้อำนาจของเจ้านายสืบเสาะหามาจนได้แล้วเอ่ยรายงาน
“แต่ว่า…คืนนี้คุณเพลงขวัญมีถ่ายทำละครเรื่องใหม่ที่กำลังจะออนแอร์ในเร็ว ๆ นี้นะครับเจ้านาย เกรงว่าคุณเพลงขวัญเธอคงจะไม่สะดวก…” ในท้ายประโยคเอริคเบาเสียงลงอย่างอัตโนมัติ เมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีความหงุดหงิดที่แผ่ออกมาจากแผ่นหลังกว้างของผู้เป็นนายตน
“ถ้าไม่สะดวกก็ไปทำให้สะดวกซะ เอริค อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ" เมฆาออกคำสั่งทางอ้อมโดยไม่หันกลับมามองใบหน้าซีดเผือดของบอดีการ์ดคู่ใจตน
“ครับเจ้านาย” เอริครีบรับคำทันทีด้วยกลัวว่าหากยังฝืนอธิบายต่อไปว่าละครเรื่องดังกล่าวสำคัญกับเพลงขวัญอย่างไรอีกแม้แต่คำเดียว ซองขาวอาจถูกยื่นมาให้แทนที่จะเป็นซองเงินเดือนอย่างแน่นอน
…
กองถ่ายละคร “ดอกรักริมรั้ว”
“คัต! ซีนเมื่อกี้เรญ่าเล่นดีมาก ผมนี่ขนลุกไปทั้งตัวเลย” ผู้กำกับวัยกลางคนพูดขึ้นพร้อมทั้งปรบมือเสียงดังชื่นชมอย่างออกนอกหน้า เรือนกายเพรียวระหงในเสื้อคอจีนสีงาช้างและผ้าถุงสีชมพูอ่อนตามเซตติงในเรื่องรีบลุกขึ้นยืนยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อมทันที
“ขอบคุณมากนะคะคุณทิศ ญ่ายังต้องพัฒนาอีกมากค่ะ ซีนอารมณ์เมื่อกี้ต้องชมอิงด้วยนะคะ ส่งมาให้ญ่าดีมาก ๆ เลย” เพลงขวัญผายมือไปยังหญิงสาวร่างอ้อนแอ้นในเครื่องแต่งกายคล้ายคลึงกัน ต่างที่เพียงผ้าถุงของผู้ที่นั่งอยู่นั้นเป็นสีใบตอง
“…ญ่าก็ชมเราเกินไปแล้ว” อิงดาวยิ้มรับ เธอคือนางร้ายหน้าหวานประจำกองถ่ายเรื่องนี้ ในจอนั้นร้ายระดับที่หากเผลอไปเดินตลาดตัวคนเดียวอาจโดนแม่ค้าขว้างด้วยเปลือกทุเรียนได้ แต่นอกจอกลับเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยอ่อนหวาน สมกับใบหน้ารูปหัวใจที่ล้อมไว้ด้วยเส้นผมเรียบตรงตัดสั้นประบ่า ท่าทางดูไร้พิษสงราวกับเป็นคนละคนกับที่ปรากฏในละคร
เพลงขวัญเจอกับอิงดาวครั้งแรกในวิชาเรียนรวมของคณะนิเทศศาสตร์ ทั้งคู่สนิทสนมกันตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ แต่เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว อิงดาวก็เลือกมุ่งมั่นกับสายงานด้านเบื้องหลัง ก่อนจะตัดสินใจแคสติงเป็นนางร้ายเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทำให้เพลงขวัญที่เดินสายการแสดงก่อนหน้าไม่ค่อยได้พบกัน และละครเรื่องดอกรักริมรั้วนี้เป็นครั้งแรกที่สองเพื่อนสาวได้โคจรกลับมาเจอกันอีกครั้ง
“อิงดาวก็เก่งเหมือนกัน” ผู้กำกับยกนิ้วโป้งให้กับอิงดาว ซึ่งเธอก็ยกมือไหว้ขอบคุณด้วยท่าทีนอบน้อมไม่ต่างจากที่เพลงขวัญทำไปเมื่อครู่ “เดี๋ยวยังไงเราพักกองกันก่อนเนอะ ให้ทีมฉากเข้ามาเซต เราจะถ่ายทำฉากเล่นของกัน”
ทุกคนในกองถ่ายส่งเสียงตอบรับคำสั่ง แล้วร่างล่ำ ๆ ของผู้กำกับก็เดินเข้ามาหาเพลงขวัญและอิงดาวที่ยังยืนอยู่กับที่เพราะตั้งใจจะคุยกันต่ออีกสักหน่อย “เป็นยังไงบ้างครับสองสาว วันนี้ถ่ายกันหลายคิวเลย พี่โหดเกินไปหรือเปล่า”
เพลงขวัญตากระตุกกับสรรพนามแทนตัวเองว่า “พี่” ที่ผู้กำกับรุ่นพ่อกำลังใช้กับตนและเพื่อน แต่หญิงสาวก็พยายามควบคุมสีหน้าไม่ให้แสดงออกว่าเคลือบแคลงใจมากแค่ไหน
“เอ่อ…ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ ญ่าโอเค ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”
ผู้กำกับทิศยิ้มอย่างพึงพอใจ พร้อมกับยกสองแขนขึ้นเหมือนกับยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะวางลงบนลาดไหล่ของอิงดาวจนคนโดนสัมผัสอย่างไม่เต็มใจสะดุ้งเฮือก
“โอ๊ะ ขอโทษที น้องอิง พอดีพี่เมื่อย ๆ น่ะ เป็นผู้กำกับก็ไม่ใช่ว่าจะสบาย” เขาพูดพร้อมกับยกแขนตนออกจากไหล่ของนักแสดงสาว “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วจ้ะน้องอิง ส่วนน้องเรญ่า ช่วยไปคุยกับคนเขียนบทที่ห้องเก็บพร็อปหน่อยนะ พอดีฉากทำของเขามีเปลี่ยนแปลงบทนิดหน่อยจ้ะ”
อิงดาวพยักหน้ารับ ใบหน้าซีดเผือดลงจนเพลงขวัญจับสังเกตได้ เมื่อเห็นว่าผู้กำกับเฒ่าเดินห่างออกไปแล้วจึงคว้ามือเพื่อนของตนมากุมไว้ แล้วบีบเบา ๆ เพื่อเป็นการให้กำลังใจ
“หาเศษหาเลยกับนักแสดงอยู่เรื่อยเลยไหมเนี่ย ผู้กำกับคนนี้แก่จนใกล้จะลงโลงอยู่แล้ว...” เพลงขวัญพึมพำเสียงเบาพอให้ได้ยินกันแค่สองคน “อิงโอเคหรือเปล่า อยากให้เราไปที่ห้องแต่งตัวเป็นเพื่อนไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกเรญ่า ขอบคุณมาก ๆ เลยนะ ที่ห้องแต่งตัวคนเยอะแยะ คุณทิศเขาคงไม่กล้าเข้ามาวุ่นวายเราหรอก ญ่านั่นแหละ ไปหาคนเขียนบทที่ห้องพร็อป จะมีคนอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ระวังตัวด้วยนะ ให้พี่ซานิไปเป็นเพื่อนก็ได้”
เพลงขวัญยิ้มรับ พร้อมกับชะเง้อคอมองหาผู้จัดการของตน และแล้วก็เห็นร่างสูงโปร่งของซานิยืนคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ไกล ๆ “อืม…พี่ซานิน่าจะกำลังยุ่ง คงไม่มีอะไรหรอก คุณคนเขียนบทก็เป็นผู้หญิงนี่นา อิงไม่ต้องเป็นห่วงเรานะ ไว้เจอกันในคิวถัดไปจ้ะ”
หญิงสาวโบกมือลาเพื่อน แล้วรีบก้าวเร็ว ๆ ไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ประกอบฉาก โดยมีสายตาของอิงดาวมองตามด้วยความเป็นห่วง…ลางสังหรณ์ในตัวของนางร้ายสาวทำนายได้ว่าอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเพลงขวัญก็เป็นได้...
…
ในห้องเก็บพร็อปร้างผู้คนผิดกับที่เพลงขวัญคิดไว้ตั้งแต่แรก เรือนกายระหงเดินเข้าไปอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกตัวหนึ่ง รอเวลาให้คนเขียนบทมาหาตามที่ผู้กำกับบอก แต่ผ่านไปเกือบสิบนาทีแล้วก็ยังไร้วี่แวว
“อีกเดี๋ยวก็ต้องเข้าคิวต่อไปแล้วนี่นา…” เพลงขวัญเปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตนเพื่อตรวจดูว่าเป็นเวลากี่โมงแล้ว แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อพบว่าคนที่เดินเข้ามาในห้องเก็บอุปกรณ์นี้ไม่ใช่คนเขียนบทอย่างที่ได้รับข้อมูลมา แต่เป็นผู้กำกับทิศเสียเอง
“น้องเรญ่านี่ตรงต่อเวลาดีจริง ๆ นะคะ พี่ช้อบชอบคนแบบนี้จริง ๆ” ตาเ*******ูแสดงความต้องการที่แท้จริงของตัวเองออกมาผ่านทางสายตาอย่างไม่ปิดบัง เพลงขวัญพยายามทำใจดีสู้เสือ ไม่กระโตกกระตากวิ่งออกไปในตอนนี้ เพราะร่างของเขายืนขวางประตูเอาไว้อยู่
“คุณทิศไม่ควรใช้สรรพนามแบบนี้กับญ่านะคะ…ไหนจะคำลงท้ายอีก ใครผ่านมาได้ยินเข้าจะมองไม่ดีได้” เพลงขวัญพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ข่มความกลัวทั้งหมดไม่ให้ปรากฏออกมา “แล้วไหนคุณทิศบอกญ่าว่าคนเขียนบทนัดเจอญ่าที่นี่เพื่อแก้บทไงคะ...”
“ก่อนจะแก้บท พี่ว่าน้องญ่าแก้ผ้าให้พี่ดูก่อนดีกว่านะคะ ถ้าญ่ายอมพี่ละก็ อยากได้เงินเท่าไร อยากได้ละครออนแอร์กี่เรื่อง บอกพี่ได้เลยค่ะ พี่จะจัดการให้น้องญ่าสมความปรารถนาทุกอย่างเลย”
เพลงขวัญแทบจะเก็บซ่อนสีหน้าสะอิดสะเอียนไม่อยู่เมื่อได้ยินคำพูดน่าเกลียดเหล่านั้นจากปากของผู้กำกับละครรุ่นราวคราวพ่อที่เธอเคยเคารพนับถือฝีมือ มาถึงตอนนี้คนตรงหน้าไม่เหลือคุณค่าอะไรให้เธอต้องเกรงใจอีกต่อไปแล้ว
“ญ่าไม่รู้หรอกนะคะ ว่าจะมีใครเคยรับข้อเสนอน่ารังเกียจของคุณหรือเปล่า แต่ญ่าบอกเอาไว้เลยนะคะ ว่าญ่าไม่ใช่คนที่เงินจะซื้อได้ ต่อให้คุณทิศเอาเงินมากองตรงหน้า หรือหางานมาให้ญ่าเป็นร้อย ๆ คิว ญ่าก็ไม่รับข้อเสนอนี้หรอกค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” เมื่อพูดจบเพลงขวัญก็รีบเดินผ่านเขาไปหมายจะบิดกลอนประตูให้เปิดออก แต่ก็ถูกมือที่เริ่มมีร่องรอยของความชราคว้าเอาไว้แล้วเหวี่ยงร่างของเธอให้เซล้มไปนั่งบนเก้าอี้
“อย่าคิดว่าจะหนีพี่ได้ง่าย ๆ ซิจ๊ะน้องเรญ่า...” ผู้กำกับใจทรามเคลื่อนกายเข้ามาหมายจะโถมทับร่างของเพลงขวัญเพื่อสนองความต้องการของตน ทว่าเสียงเคาะประตูกลับดังขึ้นเสียก่อน
ก๊อก ก๊อก
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเรญ่าอยู่ในที่นี่หรือเปล่าครับ”