บทที่ 2.2 - เคลือบแคลง (แท้จริงแล้วคนวางยาคือ...) (จบตอน)

1613 คำ
“แม่งเอ๊ย! พลาดได้ไงวะ” ธนาคิมไม่กลับบ้านเพราะไม่อยากไปเผชิญหน้ากับบิดาจอมเนี๊ยบ เขาขับรถมาพักกายพักใจที่คอนโดฯ ส่วนตัว ชายหนุ่มเหวี่ยงกุญแจรถไปที่โซฟาอย่างหงุดหงิด เปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ออกมานั่งดื่มย้อมใจสองกระป๋อง “มะลิลา” สมองไม่รักดีเอาแต่คิดถึงผู้หญิงคนนั้น กลิ่นกายหอมหวานที่เขาได้สูดดมเมื่อคืนยังติดอยู่ที่ปลายจมูก “ไม่ๆ หยุดคิดเดี๋ยวนี้ไอ้คิม หยุด!” ธนาคิมขยี้เส้นผมบอกตัวเองให้หยุดคิดเรื่องของเธอคนนั้น แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่สามารถสลัดความรู้สึกวาบหวามที่กัดกินหัวใจอยู่ในขณะนี้ได้ “เหอะ” เขากระดกเบียร์ดื่มรวดเดียวหมดสองกระป๋องอย่างรวดเร็ว ไม่หนำใจก็เปิดตู้เย็นหยิบออกมานั่งดื่มอีกสามกระป๋องหมดติดๆ กัน ดวงตาเข้มจัดเริ่มแดงก่ำ ปรือปรอยมองเพดานห้อง สมองเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น ความเครียดเริ่มจางลง นัยน์ตาใกล้ปิดคล้อยลงไปทุกที จู่ๆ เสียงกระชากประตูเปิดอย่างรุนแรงก็ดังกังวานไปทั่วห้อง ปริญกับภูเบศยืนจังก้ามองหน้าเขา “ไอ้เหี้ยคิม! เมื่อคืนมึงเอาอะไรให้พวกกูแดก” ปริญเหวี่ยงอารมณ์เดือดใส่เพื่อนรักทันที “อะไรวะ” คนกรึ่มฤทธิ์สุราขยี้ตามองเพื่อนงุนงง “เมื่อคืนพวกมึงก็กินเหล้าอยู่กับกูที่บ้านไง” “กูรู้ว่าเหล้า แต่มึงใส่ยาปลุกเซ็กส์ลงไปในเหล้าทำไม” ปริญตะคอกถาม ภูเบศต้องรีบห้ามให้ใจเย็นๆ “กูก็อยากใจเย็นนะไอ้ภู แต่เมื่อคืนกูเกือบทนไม่ไหวจนต้องลากผู้หญิงอื่นขึ้นเตียง มึงก็รู้ว่าตอนนี้กูกับเอื้องฟ้ากำลังเตรียมงานแต่งกันอยู่ ถ้าเขารู้เรื่องนี้กูจะทำยังไง” ปริญโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เมื่อคืนดีแค่ไหนที่เขาดึงสติรับผิดชอบชั่วดีกลับมาได้เลยไล่ตะเพิดคู่ขาเก่ากลับไป ลองคิดดูว่าถ้าเขาพลาดมีอะไรกับหล่อนขึ้นมาจริงๆ เอื้องฟ้าจะเสียใจแค่ไหน “กูเข้าใจ แต่มึงก็สงบสติอารมณ์หน่อยดิวะ ยังไงซะเมื่อคืนมึงก็ไม่ได้พลาดท่าเสียทีให้ใครนี่น่า” ภูเบศที่ได้รับผลกระทบจากการดื่มเหล้าผสมยาพิศวาสตบบ่าเพื่อนรัก ที่เขาดูใจเย็นมากกว่าใครเป็นเพราะเมื่อคืนโชคดีที่วราลีมาหาเขาที่บ้านตอนที่ยาออกฤทธิ์พอดี เลยถือเป็นโอกาสทองให้เขาได้กระชับความสัมพันธ์กับแฟนสาว ตื่นมาวันนี้เลยค่อนข้างกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ ต่างกับปริญที่เอื้องฟ้าอยู่กับตายายที่บ้านต่างจังหวัด เมื่อคืนมันทนไม่ไหวจนต้องโทร. เรียกคู่ขาเก่ามาหาที่บ้าน พอได้สติว่าไม่ควรนอกกายว่าที่เจ้าสาวก็รีบไล่สาวเซ็กซี่กลับไป จึงไม่แปลกที่ปริญจะโกรธธนาคิมมากขนาดนี้ “แต่กูไม่ได้ใส่ยาอะไรลงไปในเหล้าเลยนะ กูก็เพิ่งเปิดขวดเหล้าพร้อมๆ กับพวกมึง พวกมึงก็เห็น” ธนาคิมยืนกรานเสียงแข็ง เขาสร่างเมาในบัดดล “ถ้าไม่ได้ใส่แล้วอาการที่พวกกูเป็นมันหมายความว่ายังไงวะ” ปริญย้อนถามตาขวาง อารมณ์ยังคุกรุ่น ภูเบศเห็นท่าไม่ดีจึงดึงตัวปริญออกห่างจากธนาคิมแล้วยืนคั่นกลางระหว่างทั้งคู่ “แล้วมึงมีอาการปะ” คำถามของภูเบศส่งผลให้ธนาคิมชะงักไป เพียงเท่านี้สองเพื่อนซี้ก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร “แต่กูไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ นะเว้ย เมื่อคืนกูก็สงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวกู” “ใจเย็นๆ” ภูเบศตบบ่าเพื่อนสองสามที หันมาสบตากับปริญ “กูว่ามันไม่ได้ทำหรอกว่ะ” “ถ้าไม่ใช่มันแล้วจะเป็นใครวะ เหล้าก็เหล้าของบ้านมัน” ปริญยังไม่อยากเชื่อ “หรือกูจะโดนวางยา” ธนาคิมพูดขึ้น ทั้งสามหนุ่มมองหน้ากัน “ใครจะวางยามึง” ภูเบศเกิดความสงสัย ถ้าเมื่อคืนพวกเขาสามคนไปดื่มกันที่อื่นก็อาจมีสิทธิ์เป็นไปได้อย่างที่ธนาคิมตั้งข้อสันนิษฐาน แต่พวกเขาดื่มกันที่บ้านของธนาคิม ดังนั้นการถูกวางยาจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากที่สุด “กูไม่รู้ แต่กูกล้าสาบานว่ากูไม่ได้เป็นคนใส่ยาลงไปในเหล้า” เขาจะไม่มีวันรับผิดในสิ่งที่เขาไม่ได้ก่อเด็ดขาด “งั้นคนที่วางยามึงก็คือคนที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้มากที่สุด” ปริญพูดส่งๆ ไป ทว่าคำพูดนั้นกลับไปสะกิดใจตัวต้นเรื่องเข้าอย่างจัง หรือว่า… “กูต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนทำ!” ธนาคิมเรียกเด็กในบ้านมาสอบถามเกี่ยวกับคืนนั้นอย่างละเอียด เขาไล่ถามทีละคนตั้งแต่แม่ครัวที่เตรียมอาหารต้อนรับสองเพื่อนซี้ไล่ไปจนถึงสาวใช้ที่ทำความสะอาดบ้านเป็นกลุ่มสุดท้ายก่อนที่เขาจะออกคำสั่งให้ทุกคนออกไปจากตึกใหญ่ พวกหล่อนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีใครเข้าไปยุ่มย่ามในห้องเก็บเครื่องดื่ม ห้องที่เขาหวงแหนและยินยอมให้คนขึ้นไปทำความสะอาดบนห้องนั้นได้ก็ต่อเมื่อมีเขาอยู่ด้วยเท่านั้น “แน่ใจนะว่าไม่มีใครเข้าห้องนั้นตอนที่ฉันไม่อยู่” น้ำเสียงเคร่งเครียดเค้นถามอีกครั้ง สายตาดุดันไล่เรียงมองทีละคน ไม่มีใครกล้าสบตาเจ้านายหนุ่มตรงๆ ได้แต่เหลือบมองอย่างกล้าๆ กลัวๆ เป็นระยะๆ ธนาคิมเป็นเจ้านายที่ใจดีมากก็จริง แต่เวลาเขาโกรธอารมณ์ของเขารุนแรงยิ่งกว่าพายุถล่ม ทุกคนต่างรู้นิสัยของเขาดี จึงไม่มีใครกล้าขัดใจหรือทำให้ชายหนุ่มเกิดบันดาลโทสะ “แน่ใจค่ะ ป้ายืนยันว่านังพวกนี้ไม่มีใครกล้าเข้าไปในห้องนั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตแน่นอนค่ะ” ป้าแมวหัวหน้าแม่บ้านที่ทำงานอยู่กับตระกูลของเขามานานออกปากรับรอง ธนาคิมพยักหน้าเชื่อใจ “โอเคครับ ผมก็แค่สงสัยอะไรบางอย่าง” “เป็นเรื่องร้ายแรงหรือเปล่าคะ ป้าเห็นคุณคิมดูเครียดๆ” ป้าแมวอดเป็นห่วงไม่ได้ เธอเลี้ยงดูธนาคิมมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ย่อมรักและหวังดีต่อชายหนุ่มเสมอ “นิดหน่อยครับ” นิสัยเขาไม่ชอบบอกเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง ธนาคิมบอกให้ทุกคนแยกย้ายไปทำงานหลังการสอบสวนไม่มีความคืบหน้าอะไร เขาได้แต่ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงลำพังในห้องทำงาน สองคิ้วหนาขมวดมุ่นตลอดเวลา “แล้วใครเป็นคนวางยาเรา” ตอนแรกที่สงสัยว่าอาจเป็นบิดามาคิดดูอีกทีนั้นตัดออกไปได้เลย เพราะคืนนั้นท่านไปงานเลี้ยงรุ่นกับเพื่อนเก่าที่โรงเรียน กลับมาอีกทีก็ช่วงสายของอีกวันตอนที่เกิดเรื่องเขากับมะลิ คิดถึงตรงนี้ธนาคิมก็ยิ่งหัวเสีย ทุบกำปั้นอัดกับโต๊ะทำงานระบายความหงุดหงิด เสียงเคาะประตูห้องทำให้เขาหลุดจากภวังค์ความคิด ชายหนุ่มลูบใบหน้าเรียกสติ “เชิญ” น้ำเสียงเบื่อหน่ายบอกออกไป ร่างท้วมของป้าแมวเปิดประตูเข้ามา ใบหน้าอบอุ่นส่งยิ้มให้เขา ธนาคิมยิ้มตอบอย่างเป็นกันเอง สำหรับชายหนุ่มป้าแมวคือผู้ใหญ่ที่เขารักและเคารพเสมือนแม่คนที่สอง ที่เขาเติบโตได้ดิบได้ดีอย่างทุกวันนี้ก็เพราะได้รับความรักและการเลี้ยงดูอย่างอบอุ่นจากป้าแมวทั้งสิ้น หากไม่มีหญิงวัยกลางคนท่านนี้ ชีวิตของเขาคงแหลกเหลวตั้งแต่วันที่สูญเสียมารดาผู้ให้กำเนิดเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว “ทานของว่างรองท้องสักหน่อยค่ะ จะได้อารมณ์ดีขึ้น” น้ำเสียงหยอกเย้าเอ่ย ธนาคิมส่ายหัวยิ้มๆ “เวลาผมเซ็งผมชอบดื่ม ถ้าอยากให้ผมอารมณ์ดีป้าต้องรินเหล้าหรือไวน์ให้ผมสักแก้วนะครับ” “งดบ้างอะไรบ้างเถอะค่ะ ดื่มบ่อยๆ ใช่ว่าจะดี” ป้าแมวถือเป็นคนเดียวในบ้านที่ต่อต้านเรื่องการดื่มของเขา เธอมักชอบตำหนิเวลาเขาเมากลับบ้านเสมอ “คร้าบ” คนถูกมองค้อนขานรับเป็นเด็กน้อย บุคลิกอ่อนโยนของธนาคิมมีแต่ป้าแมวเท่านั้นที่ได้เห็น เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นชายหนุ่มสวมบทบาทเป็นท่านประธานนิ่งขรึมให้สมกับดีกรีนักธุรกิจผู้มีหน้าที่ดูแลองค์กรให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ “ที่คุณคิมเรียกเด็กในบ้านมาถาม” ป้าแมวเกริ่น ธนาคิมเงยหน้าจากการทานของว่างมองผู้พูดทันที “ทำไมครับ” “ป้าอยากทราบว่าเรื่องมันร้ายแรงไหมคะ” “ทำไมจู่ๆ ป้าถึงถามผมแบบนี้ล่ะครับ” ธนาคิมวางช้อนลง นั่งตัวตรงรอคำตอบจากคนที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็ก “คุณคิมตอบป้ามาคำเดียว” “…” “เรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องที่คุณคิมและคุณหนูมะลิ เอ่อ มีอะไรกันใช่ไหมคะ” ป้าแมวลำบากใจที่จะพูด ความสัมพันธ์ระหว่างธนาคิมและ มะลิลาทุกคนในบ้านต่างรู้ดี “ป้าหมายความว่ายังไง” ตอนนี้ธนาคิมเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้ หัวใจของเขาเต้นแรงแทบทะลุออกจากอก “ป้าต้องการจะบอกอะไรกับผมกันแน่” ป้าแมวสูดลมหายใจเข้าลึก ตัดสินใจแน่วแน่ “เมื่อคืนป้าไม่ได้เป็นคนเตรียมอาหารให้คุณคิมค่ะ แต่เป็น…” “…” “คุณหนูมะลิ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม