บทที่ 4 - ลองใจเมีย [3]

1189 คำ
“คุณดิน” ฟ้าพราวเรียกเขาเสียงเบาอย่างเกรงใจ “ว่า...?” “คุณแม่คุณไม่ได้เอาอาหารแมวของที่รักมาให้ด้วย กระบะทรายก็ไม่ได้เอามา ที่นอนก็ไม่มี คุณพาฉันออกไปซื้อหน่อยได้มั้ย” ภูริดลถอนหายใจพรืด กลอกตามองเพดาน เขาไม่ถูกชะตากับเจ้าแมวอ้วนนั่นอย่างแรง แล้วทำไมต้องพาเธอไปซื้อของให้มันด้วย “เหนื่อย ขี้เกียจขับรถ” “ถ้างั้นฉันขอยืมรถคุณขับไปเองก็ได้” “รู้ทางเหรอ” ฟ้าพราวส่ายหน้าจ๋อยๆ แล้ววางที่รักไว้บนพื้นข้างหน้าต่างก่อนจะขึ้นมานั่งบนเตียง เขย่าแขนออดอ้อนสามีด้วยความลืมตัว ซึ่งเป็นกิริยาที่เธอมักจะทำกับท่านพ่อเป็นประจำเวลาที่ต้องการอะไรสักอย่างจากท่าน “คุณดินพาหญิงไปซื้อของให้ที่รักหน่อยนะคะ นะๆๆ ที่รักกินอาหารคนไม่ได้” ชายหนุ่มมองหน้าใสๆ ของภรรยาที่โน้มอยู่เหนือใบหน้าเขาแล้วกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “จูบผมก่อนแล้วจะพาไป” “แกล้งอีกแล้วนะ” ฟ้าพราวทำท่าจะไม่ยอม “งั้นก็ปล่อยให้ที่รักของคุณหญิงหิวไปก็แล้วกัน” “ใจร้าย” หญิงสาวต่อว่าหน้ามุ่ย “ผมก็ไม่เคยบอกว่าผมใจดีหรือรักสัตว์ โดยเฉพาะไอ้แมวอ้วนตัวนี้ บอกตรงๆ ไม่ถูกชะตาอย่างแรง” ว่าพลางจะดีดตัวลุกขึ้นนั่งแต่ถูกฟ้าพราวใช้มือกดหน้าอกเอาไว้ “เพื่อที่รักของฉัน ฉันยอมจูบคุณก็ได้” ความสัมพันธ์ของเธอกับเขานับว่าไปไกลกว่าจูบหลายขั้นแล้ว ยอมจูบเขานิดหน่อยเพื่อแมวสุดที่รักคงไม่เป็นไร “เหอะ! รักมันมากขนาดนั้นเชียว” ภูริดลแค่นยิ้ม จะว่าเขาหมั่นไส้แมวหรืออิจฉาแมวก็คงไม่ผิด “ถามหน่อย แมวกับผัว รักใครมากกว่ากัน” “ถ้าให้ตอบตามตรง ตอนนี้ฉันรักที่รักมากกว่าคุณ แต่ฉันก็แน่ใจว่าสักวันฉันจะรักคุณได้ เพราะตอนนี้ฉันไม่มีใคร แล้วฉันก็ตั้งใจไว้แล้วว่าชีวิตนี้จะมีสามีแค่คนเดียว ก็คือคุณ แล้วคุณล่ะ จะรักฉันได้หรือเปล่า” หนุ่มชาวไร่ถึงกับอึ้งไปเลย ราชนิกุลสาวผู้สูงศักดิ์หน้าหวานคนนี้พูดจาตรงไปตรงมาเป็นบ้า “คุณลืมคนในอดีตของคุณได้หรือยัง” ฟ้าพราวถามเมื่อเห็นว่าเขาเงียบไปนาน “หมายถึงใคร” “หม่อมก้อย” “คุณหญิงรู้เรื่องก้อยด้วยเหรอ” เสียงของเขาแผ่วเบาคล้ายจะติดอยู่แค่ในลำคอ ฟ้าพราวพยักหน้ารับ “คุณจะลืมผู้หญิงคนนั้นแล้วรักฉันได้หรือเปล่า” “ทำไมถามแบบนี้” “คงไม่แฟร์ ถ้าในขณะที่ฉันพยายามรักคุณ แต่คุณยังรักคนอื่นอยู่” “มันก็ขึ้นอยู่กับคุณหญิง ว่าจะทำให้ผมลืมก้อยได้หรือเปล่า” “ฉันจะทำให้คุณลืมผู้หญิงทุกคนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต” ฟ้าพราวบอกมุ่งมั่นพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเข้มของสามีแล้วโน้มใบหน้าลงไปแนบริมฝีปากลงบนริมฝีปากที่มีหนวดเครารกรุงรังน่ารำคาญ จากตอนแรกที่ตั้งใจจะจูบอย่างอ่อนหวานก็กลายเป็นหยุดชะงัก “ไหนบอกจะจูบ จูบสิ” ภูริดลขยับปากคลอเคลียอยู่กับเรียวปากนุ่มของภรรรยา “หนวดคุณทิ่มจมูกฉันอ่ะ” “เรื่องมาก จูบเร็ว จะได้ไปซื้อของกัน” ฟ้าพราวกลั้นหายใจแล้วจะจูบเขาให้เสร็จๆ ไป แต่แล้วก็ทนไหวต้องดีดตัวขึ้นมา “ฮะ...ฮะ...ฮัดชิ้ว!” ภูริดลยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองดังแปะ โมเมนท์โรมานซ์พังยับเยิน เขาอุตส่าห์แอบวางแผนไว้ในใจว่า พอเธอจูบเขา แล้วเขาจะตลบหลังทำอะไรที่มากกว่านั้น แต่เขาจะปล่อยเธอไปก่อนก็ได้ เพราะถึงยังไงวันนี้เธอไม่รอดแน่ รถเอสยูวีสีดำแล่นมาตามถนนคุณเส้นเล็กที่ราบเรียบผ่านประตูไร่ ‘ภูสรวง’ ออกไป สองข้างทางมองเห็นไร่ชากว้างใหญ่ “ไร่คุณชื่อภูสรวงเหรอ” ฟ้าพราวถามพลางหันหลังกลับไปมองป้ายชื่อไร่ขนาดใหญ่ให้ชัดๆ อีกที “คุณตั้งเองหรือเปล่า” “ใช่ ถามทำไม” เจ้าของไร่ที่ขับรถอยู่ถามเสียงกระด้าง “ชื่อเพราะ ความหมายก็ดี” “รู้เหรอว่าแปลว่าอะไร” “ภูแปลว่า ‘ดิน’ ส่วนสรวงก็แปลว่า ‘ฟ้า’ ตรงกับชื่อของเราสองคนพอดีเลย ดินกับฟ้า” “สองคำนี้แปลได้หลายความหาย” ภูริดลแย้งหน้าตึง ไม่ชอบใจที่เธอทึกทักแปลความหมายเข้าข้างตัวเอง “ไม่รู้แหละ ฉันชอบความหมายนี้ เหมาะแล้วที่เป็นชื่อไร่ของเรา” “ของเรา” ชายหนุ่มกระตุกหัวคิ้วเข้าหากันอย่างข้องใจ “ก็คุณบอกเองว่าสามีภรรยาก็เหมือนคนคนเดียวกัน เพราะฉะนั้นไร่ของคุณ ก็ต้องเป็นไร่ของฉันด้วยสิ” “กะจะมาฮุบสมบัติผมหรือไง” “ถ้าจะฮุบ ฉันไม่เอาแค่ไร่ชานี่หรอก ฉันจะเอาโรงแรมของคุณด้วย โรงแรมหรูระดับหกดาว ใหญ่ที่สุดในประเทศอีกต่างหาก” ฟ้าพราวแกล้งพูดเล่นไปอย่างนั้นเอง แต่ดูเหมือนคนฟังจะแยกแยะไม่ออก เพราะเขาของขึ้นอีกแล้ว “ฝันไปเถอะ อย่างคุณหญิงเป็นแค่คุณนายไร่ชากระจอกๆ ก็ดีถมไปแล้ว” ฟ้าพราวเริ่มปรับตัวเข้ากับคนอารมณ์ฉุนเฉียวได้บ้างแล้วจึงไม่สะทกสะท้าน เธอรู้แล้วว่า ต่อให้เขาอาละวาดฟาดงวงฟาดงามากแค่ไหน เขาก็ไม่ทำร้ายเธอ อย่างมากก็แค่พูดจาหยาบคายกวนโมโหเท่านั้นเอง หญิงสาวเบื่อจะเถียงกับเขาแล้ว เธอเลิกชวนคุยแล้วมองทิวทัศน์สองข้างทางไปเรื่อยเปื่อย แล้วเอะใจเพราะถนนเส้นนี้ราบเรียบ ไม่เป็นหลุมเป็นบ่อเหมือนถนนเส้นที่เขาพาเธอมาเมื่อคืนนี้เลยสักนิด “นี่ไม่ใช่ทางที่เรามาเมื่อคืนนี้นี่” “เมื่อคืนเราเข้าทางหลังไร่ เส้นนี้เป็นถนนหน้าไร่” “เมื่อคืนคุณแกล้งพาฉันไปทางที่มันลำบากเหรอ” เธอทำเสียงกระเง้ากระงอดทว่าน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกินในความรู้สึกของคนมอง “ผมไม่ทำเรื่องไร้สาระแบบนั้นหรอก” เมื่อวานเขาขับรถไปกลับ กรุงเทพ-เชียงราย เหนื่อยจะตาย ไม่มีเวลาไปคิดแกล้งใครหรอก “เข้าทางหลังไร่มันเร็วกว่า” “อ๋อเหรอ” ฟ้าพราวพยักหน้ารับแล้วนั่งเงียบไปพักใหญ่เพราะไม่รู้จะชวนเขาคุยเรื่องอะไรแล้ว เธอเอนหลังพิงเบาะแล้วมองท้องฟ้าสีน้ำเงินสดใสที่มีก้อนเมฆรูปทรงแปลกตากระจายตัวอยู่ประปรายเบื้องหน้าอย่างสบายใจ “ฟ้าสวยจัง” ภูริดลหันมามองหญิงสาวข้างตัวที่กำลังจ้องมองท้องฟ้าด้วยรอยยิ้มน่ารักแล้วเผลอพูดกับตัวเองเบาๆ “สวยมาก” ภรรยาของเขาสวยมากจริงๆ ยิ่งมองก็ยิ่งสวย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม