เด็กขึ้ฟ้องประจำจวน

1967 คำ
“ก็ยามรับสำรับเช้าคุณหนูรองขอเข้าไปทานกับคุณหนูใหญ่น่ะสิเจ้าคะมีลี่เอ๋ออยู่ด้วยแล้วข้าก็เลยเดินมาหาท่านแม่แล้วท่านพ่อก็ไม่อยู่ข้าก็เลยนั่งทานกับท่านแม่แค่สองคน” “พ่อไปดูสินค้าของนายท่านที่เข้ามาใหม่เพิ่งกลับมาถึงยามนี้นี่เอง” “อ่อ..เป็นเช่นนั้น” จนมาถึงโรงครัวจินเมี่ยวก็หยิบตะกร้าสานใบใหญ่ออกมา “เจ้าเอาตะกร้าไปทำไม จะไปไหนรึ?” ป้าแม่ครัวเอ่ยถามจินเมี่ยว ไจ่ซื่อที่เดินมาหาสำรับอาหารที่เหลือเพื่อจะเอาไปกินเพราะเมื่อเช้าเขาทำ ‘ธุระ’ จึงยังมิมีสิ่งใดตกถึงท้องหันหน้ามองบุตรสาว “ไปเยี่ยมกวนมี่หลิวน่ะสิท่านป้า ไปกับคุณหนูใหญ่นางให้ข้ามาหาของไปเยี่ยมเยียน ขอสำรับอาหารมากๆ หน่อยเผื่อป้ากวนด้วย” “เช่นนั้นรึ..มาๆ ป้าช่วย” ทั้งสองช่วยกันตักอาหารใส่ชามและเอาฝาครอบไว้มากมายหลายอย่างไจ่ซื่อมองภาพนั้นนิ่งๆ และนั่งทานอาหารคนเดียวต่อ “จะว่าไปมี่หลิวก็น่าสงสารนะป้า..ดีแล้วที่บุรุษวิปริตผู้นั้นถูกตัดส่วนนั้นทิ้งไป..หึ..ข้าละสมน้ำหน้า” จินเมี่ยวจับผลไม้ใส่ตะกร้าอีกใบอย่างแรงเพราะโมโห “เจ้าก็พูดน่าเกลียด ท่านพ่อเจ้าก็นั่งอยู่ด้วยเป็นสตรีพูดจาสิ่งใดไม่คิด” ป้าแม่ครัวเอ่ยเตือนพร้อมส่ายหัว “มิเป็นไรหรอก นั่นเป็นท่านพ่อข้าหาใช่บุรุษวิปริตผู้นั้นไม่ข้าพูดความจริงมีสิ่งใดให้ต้องคิดมาก” หันมองไจ่ซื่อที่นั่งทานข้าวคนเดียว “ใช่หรือไม่เจ้าคะท่านพ่อ” “ใช่แล้วลูกรัก” ไจ่ซื่อยิ้มกับคำพูดของบุตรสาว ‘บุรุษผู้นั้นถูกตัดส่วนนั้นไปก็ดีแล้ว’ บ้านท่านหมอหญิงว่าน “ป้าขอบคุณคุณหนูมากนะเจ้าคะ” ป้ากวนที่นั่งเฝ้าบุตรสาวอยู่ข้างๆ เตียงเอ่ยขอบคุณจากใจจริงกับของเยี่ยมสองตะกร้าใบใหญ่ “มิเป็นไรเจ้าค่ะท่านป้า หากขาดเหลือสิ่งใดท่านไปหาข้าที่บ้านได้ตลอดนะเจ้าคะ” ฟางซินยิ้ม “ข้าอยากจะเห็นยามบุรุษชั่วผู้นั้นถูกตัดของสงวนยิ่งนัก..หึ” ฟางอินที่ขอติดตามพี่สาวมาด้วยเอ่ยแบบสะใจ “เขาบอกว่าเลือดสาดอยู่เต็มพื้นที่เลยนะ เจ้ากล้ามองรึฟางอิน” ฟางซินที่ยามนี้เริ่มที่จะให้ความสนิทสนมกับน้องสาวผู้นี้มากขึ้นเอ่ยเย้า “กล้าสิเจ้าคะ” ฟางอินยืดอกรับ “เช่นนั้นยามนี้คุณหนูรองเดินไปที่หน้าบ้านป้าก็ได้นะเจ้าคะ กองเลือดกองใหญ่ยังมีให้เห็นอยู่ ในห้องโถงก็มีคราบเลือดเหมือนรอยลากเป็นทางยาวป้ายังมิได้ทำความสะอาดเลย..ป่ะไปกันเถิด” ป้ากวนลุกขึ้นแล้วเดินมาจับแขนฟางอินพร้อมทำท่าจะเดินออกไป “อ้ะ..เดี๋ยวๆ อะโอ๊ยยย..ข้าปวดขา.โอยยยป้ากวน” แกล้งทรุดนั่งลงบีบนวด “ข้าปวดขาเดินไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ” ฟางอินทำหน้าบิดเบี้ยว 556/555/555 ทุกคนในห้องร่วมกันหัวเราะฟางอินจนเสียงดังเล่นไม่เว้นแม้แต่มี่หลิวที่นอนป่วยอยู่บนเตียง “มี่หลิวจะกลับบ้านได้ยามใดเจ้าคะท่านหมอ” ฟางซินถามหมอหญิงว่าน “ถ้าหากนางมิมีไข้น่าจะวันพรุ่งนี้ค่ะคุณหนู” หมอหญิงว่านเอ่ยบอก “ค่ารัษาของนางข้าจะเป็นผู้ชำระให้แทนนะเจ้าคะ ทั้งหมดรวมแล้วเท่าไหร่เจ้าคะ” ฟางซินอาสาชำระแทน “ข้าขอเพียงค่ายาก็พอแล้ว พวกเราเป็นชาวบ้านยากจนเช่นเดียวกันมีสิ่งใดก็ช่วยๆ กันไป” หมอหญิงยิ้ม “เช่นนั้น..อืมม” ฟางซินหยิบถุงเงินที่ผูกไว้ข้างเอวใกล้ๆ ป้ายหยกสีขาวออกมาแล้วยื่นตั๋วแลกเงินให้ท่านหมอหนึ่งใบ “นี่เจ้าค่ะ..เอาไว้ให้ท่านหมอซื้อยามารักษาชาวบ้าน” “มิได้เจ้าค่ะคุณหนู..มิได้นี่มันมากเกินไป” คุณหนูฟางอินและทุกคนต่างพากันมองตัวเงินหนึ่งพันตำลึงที่คุณหนูหยิบยื่นให้พร้อมทำตาโต “รับไว้เถิดเจ้าค่ะ..ข้าบอกแล้วว่าให้ท่านหมอเอาไว้ซื้อยามารักษาชาวบ้านอย่าทำลายความตั้งใจของข้าเลยเจ้าค่ะ” ฟางซินยัดตั๋วแลกเงินใส่มือหมอหญิง “ขอบคุณแทนชาวบ้านด้วยเจ้าค่ะคุณหนู” มี่หลิวที่นอนดูอยู่พูดขึ้นมา “ส่วนเจ้า” หันไปพูดกับมี่หลิว “หากทางบ้านคุณชายฝู่คิดฟ้องร้องเจ้า กลับดำเป็นขาวกลายเป็นเจ้าคือคนผิดก็ให้เจ้ามาบอกข้า ข้าจะช่วยเหลือเจ้าเอง” ฟางซินยืนยันหนักแน่นทางบ้านของป้ากวนมิได้มีทรัพย์สินมากมายอะไรเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่ถูกทำร้ายจะมีสิ่งใดไปสู้ได้หากเรื่องนี้เป็นอย่างที่นางคิดจริงๆ “ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหนู” มี่หลิวมองฟางซินอย่างซาบซึ้ง ในใจรู้สึกผิดนักที่เมื่อก่อนเคยคิดชิงชังฟางซินเรื่องที่คุณชายฝู่คิดจะขอหมั้นหมายกับอีกฝ่าย “มิเป็นไร” ทั้งหมดยิ้มและพูดคุยกันยาวไปจนถึงครึ่งชั่วยามฟางซินก็ขอตัวกลับก่อนเพราะนางมีร้านอีกมากมายต้องแวะไปดูบัญชีสินค้า ตลอดทางที่เดินก็มีเสียงของฟางอินคอยถามเสยงเจื้อยเจี้ยวมิหยุดปาก ‘บางครั้งมีน้องสาวคนสนิทก็ดีเหมือนกัน’ ----++++----++++++++------- หลังจากวันนั้นก็มีข่าวคราวเรื่องของคุณชายฝู่เซี่ยยี่ที่ยามนี้กลายไปคนวิกลจริตไปเสียแล้วเข้าหูตู้ฟางซิน ส่วนลับตรงกลางกายถูกตัดหายไป ยามปวดเบาเมื่อใดร่างกายก็ขับของเหลวให้ไหลออกมาทันทีเปรอะเปื้อนกางเกงไปหมดทุกครั้ง อีกทั้งพูดจาก็มิรู้ความพบเจอผู้ใดรูปร่างสูงใหญ่จะต้องมีท่าทีหวาดกลัววิ่งหลบลี้หนีหายไปจนบ่าวชายต้องวิ่งตามหาอยู่ได้มิเว้นวัน ข่าวลือโด่งดังแพร่กระจายทั่วทั้งเมืองหลวงสร้างความอับอายให้แก่สกุลฝู่เป็นอย่างยิ่ง เรื่องคดีความ บ้านสกุลตู้คอยหนุนหลังกวนมี่หลิวอยู่ตลอดในยามที่นางต้องเข้าไปรับฟังข้อกล่าวหาที่บ้านสกุลฝู่ใส่ร้ายว่าตัวนางเป็นผู้ตัดสิ่งสงวนของคุณชายฝู่จนทำให้เขากลายเป็นผู้พิการ ทุกครั้งจะมีพ่อบ้านสกุลตู้ร่วมเข้าฟังความด้วย ยังมีชาวบ้านอีกมากมายมาร่วมเป็นพยานว่าฝู่เซี่ยยี่เข้ามาทำร้ายกวนมี่หลิวจนนางสลบไป แต่มีชายผู้หนึ่งเป็นผู้ลากคุณชายสกุลฝู่เดินออกมาจากในบ้านในสภาพเปลือยเปล่า สอบถามผู้คนละแวกนั้นต่างก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘โจรป่า’ เป็นผู้ทำร้ายฝู่เซี่ยยี่จนเขาพิการแต่ผู้ตรวจการเหยาก็ไม่สามารถตามจับตัวคนร้ายได้เพราะโจรป่ามิทื้งหลักฐานใดไว้เลย เรื่องราวจึงยืดเยื้อไปนานกว่าจะหาข้อสรุปได้ว่า ‘เป็นเพราะโจรป่า’ สุดท้ายแล้วสกุลฝู่ก็ต้องจ่ายค่าเสียหายให้แก่กวนมี่หลิวหากฝู่เซี่ยยี่มิคิดจะตบแต่งนางเป็นฮูหยินซึ่งสกุลฝู่ก็ยินยอมเพื่อให้จบเรื่องไป ----++++++-------------+----- สองปีผ่านไป “พี่ใหญ่” ฟางอินเรียกพี่สาวอยู่หน้าห้องเสียงไม่ดังนัก “มีสิ่งใดรึ?” ฟางซินที่ยามนี้กำลังนั่งมวยผมขึ้นครึ่งศรษะเตรียมตัวออกจากเรือนไปยังท่าเรือเอ่ยถาม “ข้าอยากไปด้วย ท่านไปขอท่านพ่อให้ข้าสิข้าอยากเห็นเรือ” ฟางอินอ้อนวอน “วันนี้เจ้าต้องเรียนเขียนบัญชีมิใช่รึจะไปได้อย่างไร?” ฟางซินเดินไปเปิดประตูห้อง ก่อนจะก้าวออกมาแล้วเดินนำฟางอินไปทางเรือนใหญ่ ยามนี้ท่านอาจารย์คงมารอน้องสาวนางแล้วกระมัง “ก็ใช่..แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่บ้านเราจะทำการค้ากับต่างแคว้นโดยส่งสินค้ากันทางเรือข้ามิเคยเห็นก็อยากไปดูชม..นะพี่ใหญ่” จับแขนพี่สาวเขย่าเบาๆ “ข้าก็มิเคยเห็น” หันมองน้องสาว “เอาเช่นนี้ดีหรือไม่…วันนี้ข้าจะไปดูก่อนแล้วค่อยมาบอกเรื่องราวแก่เจ้ารอวันใดที่ทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อยแล้วพี่จะพาเจ้าติดตามไปด้วยวันนี้เจ้าก็ร่ำเรียนบัญชีไปก่อน เผื่อวันข้างหน้าพี่ไม่อยู่เจ้าจะได้ทำทุกสิ่งทดแทนพี่ได้” “พูดอย่างไรของพี่น่ะ…พี่ไม่อยู่แล้วพี่จะไปไหน?” “ก็ถ้าพี่ออกเรือนไปอย่างไรเล่า555” “ฮึ..มิได้ออกหรอก” “เจ้าแช่งพี่รึ” ฟางซินหยิกน้องสาวเบาๆ “โอ๊ยๆๆๆ” ลูบแขนตัวเองป้อยๆ และวิ่งไล่กัน “ทำสิ่งใดกันน่ะ!!!” เสียงเรียกดังขึ้นด้านหลังจนเด็กสาววัยสิบสามกับสิบสี่หันไปมอง “พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านใกล้จะถึงวัยปักปิ่นแล้วยังเล่นสิ่งใดเป็นเด็กเล็กอีก..ฮึ น่าขัน” น้องสาม ‘ตู้ชางไห่’ เด็กชายขี้ฟ้องประจำสกุลตู้ทำท่าทีเป็นผู้รู้สั่งสอนพี่สาวต่างมารดาที่นับวันก็ยิ่งจะสนิทกันด้วยความหมั่นไส้ ด้านหลังยังมีน้องๆ อีกสามคนที่ยังวิ่งตามติดไม่เลิก “อ่อ..เจ้ามิชอบเล่นวิ่งไล่กันอย่างนั้นสิ!!” ฟางอินผู้ชอบเถียง กอดอกมองน้องชาย “เมื่อวันก่อนพี่เห็นผู้ใดหกล้มตรงบันไดหน้าเรือนใหญ่กัน เด็กชายคนนั้นร้องไห้ด้วยนะสงสัยจะยังมิเติบโต..วิ่งเล่นกับน้องๆ เสียงดังเชียว” ฟางอินมองชางไห่อย่างเหยียดหยาม “ใคร!! ใครหกล้มกัน!!” ชางไห่วิ่งพุ่งเข้ามาใส่ฟางอินอย่างแรงเพราะโมโหที่ฟางอินล้อเขาเรื่องตกบันไดทั้งๆ ที่เขาคิดว่าจะมิมีผู้ใดมาเห็นนอกจากน้องๆ ที่วิ่งตาม พลั่ก!! พลั่ก!! เด็กสองคนทะเลาะกันผลักกันไปมาฟางซินยืนนวดขมับช้าๆ น้องทั้งสองคนนี้ชอบทะเลาะกันทั้งๆ ที่เกิดมาจากท่านแม่คนเดียวกันแท้ๆ ชางไห่ขี้ฟ้องอารมณ์ร้อนกับฟางอินผู้ไม่ค่อยชอบยอมใคร น้องน้อยอีกสามคนชายหนึ่งหญิงสองยืนหัวเราะตบมือแปะๆ ด้วยความที่ชางไห่เป็นเด็กผู้ชายเข้าสิบเอ็ดหนาวแล้วจึงมีรูปร่างสูงใหญ่พอๆ กับฟางอินที่ยามนี้สิบสามหนาวก่อนที่เรื่องจะบานปลายฟางซินก็ตะคอกใส่คนทั้งคู่ “หยุดเดี๋ยวนะ!มิเช่นนั้นพี่จะไปบอกท่านพ่อให้มาจัดการกับพวกเจ้า” ผลั่ก!! ผลั่ก!! ยังผลักกันอยู่อีกสองสามทีก็หยุดมือ ยังดีที่มิมีใครล้ม “ทำไมจะต้องทำร้ายกันด้วยเล่าพวกเจ้าเป็นพี่น้องกันนะ” “หึ ข้าจะไปบอกท่านแม่ว่าพี่รองทำร้ายข้า” ออกวิ่งตึ่กตักไปฟ้องมารดา น้องอีกสามคนก็วิ่งตามเป็นพรวน “ไปฟ้องเลย!!! ..ท่านแม่ของเจ้าก็คนเดียวกันกับท่านแม่ของข้าไปเลยๆ” ฟางอินตะโกนไล่หลังอย่างรำคาญ “ยุ่งจริงเชียว” ปัดชุดเสื้อผ้าไปมาให้เรียบร้อยก็หันมองพี่สาว “ไปเถิดพี่ใหญ่อย่าไปสนใจเด็กประหลาดนั่นเลย” จับมือพี่สาวที่น่ารักของนางแล้วก็เดินไปด้วยกัน “ชุดสีเหลืองที่พี่ใส่เมื่อวานข้าชอบมากเลย พี่ยกให้ข้านะ” ฟางอินหันมาขอแบบตรงๆ ไม่อ้อมค้อมเหมือนทุกครั้งที่นางอยากได้ “อืม..ใส่ได้ก็เอาไป”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม