จบสิ้นกันเสียที!

1927 คำ
“ฮึ่ก..ฮืออ..ฮืออ เหตุใดข้าต้องมาเจอบุรุษเช่นนี้” ยกป้ายหยกสีขาวที่ได้มาจากท่านยายคนนั้น “ยังจะมีผู้ใดที่ข้าจะมอบป้ายหยกนี้ให้ได้อีกเล่า” เช็ดน้ำตาอย่างหักใจหมดสิ้นกับความเชื่อที่ว่าความรักแท้ยังมีอยู่จริง ดียิ่งที่นางไม่ถลำลึกลงไปมากกว่านี้ ดียิ่งนักและวันพรุ่งนี้คือวันที่นางจะต้องตัดสินใจ ----++++++----++++---------+++++++ ยามซื่อ บนรถม้าคันใหญ่สกุลตู้ ด้านในประกอบไปด้วยสองคุณหนูตู้ฟางซิน ตู้ฟางอินและสองสาวใช้จินเมี่ยวกับลี่เอ๋อ ผ่านไปเพียงหนึ่งเค่อรถม้าก็เดินทางไปจอดลงหน้าบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งไม่ไกลจากตลาด ตามคำบอกของลี่เอ๋อ สี่คนบนรถม้าลงจากรถไปที่บ้านหลังนั้น “มีผู้ใดอยู่บ้านบ้างเจ้าคะ?” ลี่เอ๋อเป็นผู้ตะโกนเรียกด้านหน้าเอ่ยเรียกสองสามครั้งจน แอ้ดดด!!! เสียงประตูบ้านกลางเก่ากลางใหม่ถูกเปิดออก “มีเรื่องใดกันรึ..อ้อลี่เอ๋อ เจ้ามีเรื่องใดหรือว่าจะมาซื้อปลาวันนี้ข้าไม่ขายหรอกนะไม่ค่อยสบาย” ป้ากวนทำหน้าป่วยไม่มีแรง “มิใช่เจ้าค่ะป้ากวน ข้ามาหามี่หลิวป้าช่วยเรียกนางมาหาข้าได้หรือไม่เจ้าคะ” ลี่เอ๋อยังถามหาบุตรสาวของป้ากวน “นางยังมิกลับบ้านเลย บ่าวของคุณชายฝู่มาเรียกไปตั้งแต่เมื่อวานจนป่านนี้แล้วมิรู้ว่าจะกลับยามใด หากเจ้ามีสิ่งใดก็ฝากข้าไว้ก่อน” ป้ากวนมิได้รู้เลยว่าคุณหนูอีกสองคนเป็นผู้ใด นางรู้จักเพียงแค่ลี่เอ๋อและรู้ว่านางเป็นสาวใช้เพียงเท่านั้น “ท่านป้า ข้ามีเรื่องจะสอบถามท่านเจ้าค่ะ” ฟางซินหมดความอดทน ในเมื่อบุตรสาวยังไม่มาและมารดาก็กล่าวออกมาแล้วว่า บ่าวของคุณชายฝู่เป็นผู้มาตามบุตรสาวของนางไปตั้งแต่เมื่อวาน เช่นนั้นเรื่องที่ฟางอินพูดไว้ก็เป็นเรื่องจริงทั้งหมดแม้นางจะใจหาย แต่ความจริงก็คือความจริง “สอบถามอันใด” ป้ากวนมองเด็กสาวหน้ารักดูมีชาติสกุลอายุรุ่นราวคราวเดียวกับบุตรของนาง “ข้าอยากทราบว่า ท่านรู้รึไม่ว่าคุณชายฝู่ให้บ่าวมาเรียกหาบุตรสาวของท่านเพื่อไปทำสิ่งใด?” ฟางซินถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้ว สีหน้าของป้ากวนดูไม่ดีนัก “เหตุใดข้าจะมิรู้เล่านังหนู แต่ถึงจะรู้แล้วข้าจะทำสิ่งใดได้ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว เมื่อวันก่อนบุตรสาวของข้าลงมาจากรถม้าสกุลฝู่ร่างกายบอบช้ำมีแต่รอยรักเต็มไปหมด ข้าทำได้เพียงแต่ร้องไห้และบอกกล่าวกับนางว่าให้คุณชายฝู่มาสู่ขอนางเสียมิเช่นนั้นวันข้างหน้านางจะออกเรือนได้ยาก ทุกครั้งที่นางกลับมาคุณชายจะมอบถุงเงินมาให้เสมอแต่ข้าก็มิได้ดีใจ มี่หลิวยังมิถึงวัยปักปิ่นด้วยซ้ำแต่กลับถูกบุรุษผู้นั้นล่อลวง ข้า..าา” ป้ากวนน้ำตาไหลอย่างน่าสงสาร ความจริงทุกอย่างพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสายความเจ็บช้ำจากผู้เป็นมารดาทำให้ฟางซินอดไม่ได้ที่จะน้ำตาซึม “ข้าบอกท่านแล้วพี่ใหญ่ เห็นหรือยังเล่าว่าคุณชายผู้นั้น..” ฟางอินยังพูดมิทันจบเสียงรถม้าก็ดังมาไม่ไกล สตรีทั้งห้าคนพากันหันมอง บ่าวชายที่ขับรถม้าสกุลฝู่สะดุ้งอย่างแรงจนล้อรถกระตุก เบรกลงตรงหน้าสตรีทั้งห้าในระยะกระชั้นชิด “เจ้าขับรถอย่างไรอาป้าน!!!!” เสียงตวาดของคุณชายจากในรถม้าดังขึ้นเมื่อรถหยุดลง กุบๆๆๆ ไร้เสียงตอบรับจากคนด้านนอกฝู่เซี่ยยี่ก็ไม่ได้สนใจยังคงใช้มือขยำโนมเนื้อจากเต้าน้อยๆ ของมี่หลิวไม่หยุด ด้านนอกรถม้า สตรีทั้งห้าพากันเดินเข้ามาที่รถม้าอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจอาป้านที่ถูกบ่าวขับรถม้าของฟางซินกระชากลงจากรถไปจับไว้ด้านล่าง เสียงหอบกระเส่ายังดังเล็ดลอดออกมาเป็นระยะๆ จิตใจคนทั้งห้าเต้นกระหน่ำ ตู้ฟางซินยืนอยู่ข้างๆ ผ้าม่านหนาทึบตรงประตูทางขึ้นรถม้ามือน้อยสั่นเทายามที่เอื้อมมือไปเปิดผ้านั้นออก พรึ่บ!!!!! “กรี๊ดดดดดด” 4.ตัดขาด “กรี๊ดดด” เสียงกรีดร้องจากเด็กสาวด้านในรถม้าดังขึ้นเมื่อผ้าทึบสามชั้นถูกเปิดกว้างออก ฟางซินมองภาพของสองคนนั้นนิ่งอย่างไร้ความรู้สึก ทั้งๆ ที่ภายในใจเต้นกระหน่ำ ผิดหวัง เสียใจแต่ก็มิอาจแสดงออกมาได้ ฝู่เซี่ยยี่ได้แต่อ้าปากค้างทำสิ่งใดไม่ถูก มือใหญ่ยังคงกอบกุมเต้าน้อยๆ สองข้าง ชุดเสื้อผ้าสตรีหลุดลุ่ยไปหมดยังดีที่ทั้งคู่ยังไม่ถึงขั้นร่วมรักกันตอนนี้ แต่ถ้านางไม่มาเปิดดูมันก็ไม่แน่ในเมื่อผ้าคาดเอวของฝ่ายชายก็ถูกปลดออกไปแล้ว “ไม่ใช่อย่างที่เจ้าเห็นนะฟางซิน!!” ฝู่เซี่ยยี่ยังคงโป้ปด “เด็กสาวผู้นี้ล่อลวงพี่” รีบจัดชุดเสื่อผ้าตัวเองและผลักกวนมี่หลิวล้มลงข้างๆ “ล่อลวงพี่งั้นรึ?” มี่หลิวตวาดเสียงดัง “ท่านร่วมรักกับข้ามาแรมเดือนหากข้าพ้นวัยปักปิ่นและมีระดูข้าคงตั้งครรภ์ไปนานแล้วกระมัง!!!” “หากเจ้ามิล่อลวงคิดว่าข้าจะสนใจเจ้ารึ?” เซี่ยยี่ยังคงพยายามปัดความรับผิดชอบแม้ว่าหลักฐานนั้นมัดตัวอย่างแน่นหนา “หยุดเถิดเจ้าค่ะคุณชายฝู่” ฟางซินหมดความนับถือต่อบุรุษตรงหน้ามิมีแล้วคำว่า ‘พี่เซี่ยยี่’ ที่นางเคยกล่าว “สองตาของข้ามิได้มืดบอด หูข้าก็มิได้หนวก ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นข้าตู้ฟางซินนั้นรับรู้แล้วทุกอย่าง นับจากนี้ข้าขอประกาศว่าห้ามบุคคลใดในสกุลของท่านมาเหยียบย่ำบ้านของข้าอีก ข้ามิยินดีต้อนรับ” “ไม่..ไม่ๆๆๆ ฟางซิน” ฝู่เซี่ยยี่รีบลนลานลงจากรถม้าพยายามเข้ามาจะจับตัวนางแต่บ่าวชายที่ติดตามมาด้วยรีบมายืนขวางไว้ “เจ้าต้องฟังพี่?!” ท่ามกลางสายตาผู้คนละแวกนั้นที่ได้ยินเสียงเอะอะก็พากันมายืนแอบดู “นางเป็นเพียงที่ระบายความใคร่ของบุรุษหาใช่สำคัญอันใดไม่ ในวันข้างหน้าหากเจ้ามิพอใจพี่จะมิยุ่งเกี่ยวกับนางอีก พี่รักเจ้า!!” “หน้าหนาหน้าทนเสียจริงคุณชายฝู่!!! ทำเรื่องน่าละอายกับเด็กสาวที่ยังมิพ้นวัยปักปิ่นเช่นนี้แถมยังกล่าวหาว่านางเป็นเพียงที่ระบายความใคร่ แล้วยังกล้ามาเอ่ยคำรักกับพี่ใหญ่เช่นนั้นรึบุรุษน่ารังเกียจ!!” ฟางอินที่ทนไม่ไหว ด่าทอฝู่เซี่ยยี่อย่างไม่ไว้หน้า “เจ้าเป็นผู้ใดถึงได้กล้ามาด่าทอข้า!!! ..มิรู้รึว่าข้าอายุมากกว่าเจ้าตั้งเท่าใด?” ฝู่เซี่ยยี่หันกลับไปตวาดฟางอิน “นางเป็นน้องสาวของข้า ‘ตู้ฟางอิน’ ท่านคงมิเคยเห็นนาง ก็อย่างที่นางบอกท่านช่างหน้าทนเสียจริงแทนที่ท่านจะกล่าวว่ายอมรับนางไปเป็นฮูหยิน ไปเป็นอนุ กลับมาบอกคำรักข้าช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก” “แต่เจ้าควรคิดบ้างว่าเรื่องระบายความใคร่เป็นเรื่องสามัญของบุรุษเจ้ามิควรตัดเยื่อใยจากพี่เช่นนี้” “เรื่องสามัญของบุรุษ ต้องกระทำกับสตรีที่มิพ้นวัยปักปิ่นเช่นนั้นรึ?” ฟางซินส่ายหน้าไปมา “นี่มันเป็นการกระทำของบุรุษที่ผิดปกติเช่นท่านน่ะสิ..ข้ามิอาจยอมรับได้เชิญท่านไปรับผิดชอบต่อนางเถิด เรื่องราวของท่านนับจากวันนี้ข้ามิมีส่วนเกี่ยวข้องอีก..ขอลา” ฟางซินจับมือฟางอินเดินไปขึ้นรถม้าของนางตามด้วยสาวใช้อีกสองคนปล่อยทิ้งฝู่เซี่ยยี่ กวนมี่หลิวและป้ากวนไว้เบื้องหลัง แล้วรถม้าสกุลตู้ก็เคลื่อนตัวจากไป เพี้ยะ!!! เพี้ยะ!!! เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าสตรีสุดแรงดังขึ้น “อย่านะเจ้าคะคุณชาย!!” ป้ากวนวิ่งไปประคองบุตรสาวของตนที่ถูกชายหนุ่มสะบัดตบหน้าจนล้มลงกับพื้น “มันเป็นเพราะเจ้านังตัวขัดขวางความก้าวหน้า!!! เพราะเจ้า!!” เดินไปจะยกเท้าขึ้นถีบอีกครั้งแต่ก็ถูกชาวบ้านห้ามไว้ “อย่านะเจ้าคะ หากท่านยังมิยอมหยุดข้าจะไปฟ้องร้องแก่ผู้ตรวจการ” ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ เริ่มเดินเข้ามาล้อมรอบมากกว่าสิบคน ฝู่เซี่ยยี่จึงหยุดการกระทำที่ชั่วช้า “หากข้างอนง้อฟางซินไม่ได้!! เจ้าตายแน่มี่หลิว” กล่าวอาฆาตแล้วเดินขึ้นรถมาจากไป คล้อยหลังรถม้าสกุลฝู่ “ข้าจะไปแจ้งเรื่องไว้กับผู้ตรวจการเหยา มิเช่นนั้นหากเกิดสิ่งใดขึ้นกับมี่หลิวข้าจะทำเช่นใด” ป้ากวนมองบุตรสาวที่นางกอดไว้อย่างสงสาร มี่หลิวนั่งร้องไห้มิว่ากล่าวอันใด แต่เรื่องที่บุรุษผู้นั้นล่อลวงนางเป็นเรื่องจริง หาใช่นางเป็นผู้ไปล่อลวงเขา หากมารดานางจะไปแจ้งเรื่องแก่ผู้ตรวจการ นางก็จะขอไปด้วยเพราะหลังจากวันนี้นางก็มิอาจรู้ได้ว่าฝู่เซี่ยยี่จะทำอย่างไรกับนาง “ข้าจะไปกับท่านด้วยท่านแม่” มี่หลิวบอกมารดาด้วยสายตาจริงจัง “เผื่อการณ์ข้างหน้าเกิดสิ่งใดขึ้นกับข้าผู้คนทั้งเมืองหลวงจะได้รู้ไว้ว่าเป็นเพราะเขา” มี่หลิวหยิบถุงเงินใบใหญ่ส่งให้มารดา “เบี้ยนี่ท่านเก็บไว้เถิด” สองแม่ลูกนั่งกอดกันจนรถม้าที่คนข้างบ้านอาสาจะไปส่งยังป้อมผู้ตรวจการมาถึง “มาเถิด ขึ้นรถข้าจะไปส่ง” ลุงเช่า ท่านลุงข้างบ้างเอ่ยเรียกสองแม่ลูกและพาพวกนางไปแจ้งเหตุยังป้อมตรวจการ -----±++++-------+++++++------ บ้านสกุลตู้ “เจ้าว่าอย่างไรนะ คุณชายฝู่น่ะรึเป็นบุรุษวิปริตร่วมรักกับเด็ก?” ตู้ชงไห่เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ จากข่าวที่รับรู้มาคุณชายฝู่เป็นบุรุษที่ใฝ่การศึกษามิใช่รึ? “เจ้าค่ะ ท่านพ่อเรื่องนี้ลูกเห็นด้วยตาตนเองจนกระจ่างแก่ใจแล้ว ยามนี้ลูกได้ขอตัดขาดจากสกุลฝู่มิขอพบเจอพูดคุยและมิต้อนรับพวกเขาเข้ามาในบ้านอีก” ฟางซินบอก “แน่ใจแล้วใช่หรือไม่?” ตู้ชงไห่ถามบุตรสาวด้วยความเห็นใจ เขารับรู้มาบ้างว่านางก็มีใจเอนเอียงไปทางฝู่เซี่ยยี่อยู่มากให้หักใจง่ายๆ คงยาก แต่จะให้มานั่งพูดคุยพบปะเช่นเดิมเขาผู้เป็นบิดาย่อมมิยินยอมถึงแม้เขาจะมีฮูหยินหลายคนแต่เขาก็มิใช่บุรุษที่นิยมร่วมรักกับเด็ก สกุลฝู่หยามหน้าเขาถึงเพียงนี้ “ลูกแน่ใจเจ้าค่ะ..นับจากนี้จะมิขอพบเจอพวกเขาอีก” “ข้าได้ยินมาว่าคุณชายฝู่คิดจะมาหลอกลวงพี่ใหญ่พร้อมกับต้องการกิจการร้านค้าของเราด้วยนะเจ้าคะท่านพ่อ..บุรุษน่ารังเกียจ” ฟางอินรีบฟ้องบิดาในสิ่งที่นางได้ยิน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม