ที่ผมสนใจคือความเป็นเธอ ตอนแข่งรถ เธอบ้าบิ่นได้สุดดี ตอนทำตัวขี้อ่อยปากดีก็ทำได้น่ารักดี
ตอนแรกที่ไม่ได้เข้าไปข้องแวะไม่ใช่เพราะคิดว่าเธอเป็นเด็กไอ้ศิลป์ เพียงแต่บางเรื่อง มันมีจังหวะของมัน ความรีบร้อนไม่ใช่จะเป็นผลดีเสมอไป ตอนนี้ผมคิดว่าจังหวะของผมมาถึงแล้ว
“ถ้าจะร้ายไม่เบานะ” สองเปรยยิ้ม ๆ
ผมเลยหัวเราะในลำคอเบา ๆ
“ร้ายก็ดี”
“...”
“กูชอบผู้หญิงสู้มือ”
End Talk.
โรงอาหารคหกรรม
“เห็นใกล้ ๆ หล่อมากเลยเธอ”
“นั่นดิ หล่อทั้งกลุ่มเลย อ๊าย... ไมวันนี้หนุ่มหล่อมากินข้าวที่นี่ได้”
“อยากให้มาทุกวันเลย ไปเรา รีบไปหาที่นั่ง เผื่อจะได้ที่นั่งใกล้พวกเค้า”
การสะกิดกันไปมา ท่าทางกระดี๊กระด๊าของกลุ่มสาว ๆ ที่เดินผ่านโต๊ะไปทำให้ฉันนิ่วหน้าแปลกใจ รู้สึกว่าโรงอาหารในวันนี้ดูจะมีเรื่องครึกครื้น
“มีอะไรกัน”
“นั่นดิ ปกติคณะเล็ก ๆ แทบไม่มีเรื่องอะไรให้ตื่นเต้น เมื่อกี้ได้ยินหนุ่มหล่อ หนุ่มที่ไหนวะ คณะเรามีคนหล่อด้วยเหรอ”
คณะนี้ไม่ใช่จะมีแค่ผู้หญิง ผู้ชายก็มาเรียนไม่น้อย เนื่องด้วยอาชีพเชฟทุกวันนี้ได้รับความนิยมกว้างขวาง และที่หน้าตาดีก็มี แค่ไม่หล่อในนิยามของชมพูแค่นั้นเอง
ชมพูชะเง้อชะแง้คอยืดคอยาวมองไปรอบโรงอาหาร วันนี้เธอมากินข้าวกับฉัน พอดีเจอเพื่อนที่เรียนคณะเดียวกับเธอเดินผ่านมาจึงกวักมือแวะคุย ข้อดีของชมพูคือเธอเข้ากับคนง่าย คุยได้หมดทุกคน ส่วนฉันไม่ชอบคบค้ากับใครจึงสนใจไก่กระเทียมมากกว่า กระทั่งถูกสะกิดยิก ๆ
“อะไรชมพู”
“แก ฉันปวดท้องอะ แยกตรงนี้เลยนะไปเข้าห้องน้ำก่อน”
“อ้าว แกยังไม่ได้กินข้าวเลย”
เพื่อนรักปุบปับลุก เดินแทบจะเป็นวิ่งจนฉันขำออกไปอีกด้าน พอหันมาจะกินข้าวต่อเสียงเย้าเสียงแซวที่ดังขึ้นทำให้ต้องหันไปมอง
พบกลุ่มหนุ่มหล่อสามคนสามสไตล์ เพียงแค่พวกเขาเดินเข้ามาในโรงอาหาร ทำเอาสาว ๆ หลายคนตาลอยตาม
คนที่อยู่ในสายตาฉันคือผู้ชายหน้าตาเย็นชา คนที่ใคร ๆ แอบปลื้มแต่ไม่กล้าเข้าใกล้ ดูเหมือนว่าพวกเขาเดินตรงมาทางโต๊ะที่ฉันนั่ง
“หวัดดีนาเนียร์” คนทักคือพี่สอง หนุ่มอารมณ์ดี
“หวัดดีค่ะพี่ ๆ ลมอะไรหอบมาที่นี่”
“ไม่เคยมาคณะนี้เลย เลยว่าจะมาหาข้าวอร่อย ๆ กินหน่อย เออ เมื่อกี้พี่เห็นเพื่อนเราแวบ ๆ ไปไหนแล้วล่ะ”
“ขึ้นห้องเรียนไปแล้วค่ะพี่ธีม” จะบอกว่าเพื่อนปวดท้องกับหนุ่มหล่อก็กลัวน่าเกลียดไปหน่อย
ขณะคนอื่นยืนคุย คนหน้าตายกลับนั่งลงตรงข้ามฉัน
“งั้นพวกพี่ไปหาข้าวกินก่อน ไอ้กาย มึงเอาไร”
“ไรก็ได้ กูกินง่าย”
เสียงห้าวเรียบตอบ แต่ฉันที่ฟังนึกหมั่นไส้ อีกทั้งใครต่อใครต่างมองมาที่เรา ฉันเลยฉีกยิ้มกว้าง จีบปากถาม
“กินง่ายจริงเหรอคะ”
พี่กายเลิกคิ้วเข้มของเขานิดหน่อย โดยที่ฉันไม่คาดคิด มือหนายื่นมาจับช้อนบนจานข้าวฉัน ตักข้าวกินหน้าตาเฉย และไม่ใช่แค่คำเดียว
“ถ้าอยากกินก็กินง่าย”
เขามันร้าย นั่นคือที่ฉันรู้สึก ร้ายหน้าตายเสียด้วย ดูเอาเถอะ อยู่ดี ๆ ข้ามคณะมาเพิ่มประเด็นให้ฉันซะงั้น
“ตอนนี้พี่แย่งข้าวเราแล้วนะ”
“เดี๋ยวซื้อให้ใหม่ ร้านไหน”
พอฉันบอกร้าน ร่างสูงก็ผุดลุก เดินออกไปจากโต๊ะ ตรงไปยังร้านข้าวแกง
“กินอะไรผิดมาหรือเปล่าตาคนนี้”
ฉันนึกขำ ๆ ดึงสายตาจากร่างสูงกลับมาก็พบว่ามีดวงตาอีกหลายคู่กำลังมองมา ทำเอายิ้มปลง รู้เลยว่าไม่เกินชั่วโมง คงมีเรื่องเมาท์กันสนุกปากอีก ใช่ฉันจะสนใจ
“คนเรานี่แปลกดีนะ ทำตัวหยิ่ง ๆ ไม่คบใคร แต่พอเป็นเรื่องผู้ชายระริกระรี้น่าดู”
แว่วเสียงที่ดังมาจากด้านหนึ่งทำให้ฉันเอี้ยวตัวไปมอง เป็นรุ่นพี่ปีสอง
“คงกะฟาดทั้งมอล่ะมั้ง”
ฉันยักไหล่ จะคิดซะว่าเป็นเสียงนกเสียงกาเสียงหมาเห่าแม้รู้ทันทีว่าพวกนั้นกำลังว่ากระทบฉัน ทำไมน่ะเหรอ ฉันจำได้ผู้หญิงหนึ่งในนั้น แฟนนางเคยมาเต๊าะฉันตอนประชุมเชียร์ พวกนางคงแค้นฝังใจ แต่ฉันหรือจะสน ใครอยากดิ้นก็ดิ้นไป หยิบมือถือขึ้นมาเล่น ไม่นาน ข้าวไก่กระเทียมจานใหม่ที่มีไก่ล้น ๆ ก็วางลงตรงหน้า พร้อมด้วยชาไข่มุก
“สั่งพิเศษให้เราเหรอ”
“อืม กินไม่หมด เดี๋ยวกินเอง”
“อะไรเข้าสิง มาทำตัวสนิทสนมแบบนี้” ฉันถามตรง ๆ อย่างอดใจไม่ไหว
“ไม่ใช่ว่าเราสนิทกันแล้ว”
ตอนไหน?
“อ้าว ไอ้กาย นี่มึงแย่งข้าวน้องเหรอวะ” พี่สองที่ซื้อข้าวกลับมาร้องทัก เพราะเห็นจานข้าวไก่กระเทียมที่พร่องไปเกินครึ่งตรงหน้าเพื่อน ตรงหน้าฉันก็มีอีกจาน
“อือ”
“ไอ้ห่า หิวไรขนาดนั้น อะ นี่ข้าวมึงไก่กระเทียมอีกจาน”
พี่ธีมวางจานข้าวตรงหน้าเขา พี่กายตวัดตานิ่วหน้าใส่เพื่อน ทำให้ฉันหลุดหัวเราะ
“เห็นมึงมองจานนาเนียร์ คิดว่ามึงอยากกินเหมือนน้องไง”
“ไม่ใช่แค่อยากว่ะธีม มันคงอยากกินมากถึงขนาดแย่งน้องด้วยเห็นปะ”
“เออ ตะกละฉิบหาย”
“จะกินไหมข้าว”
พี่กายไม่แก้ตัวอะไร กดเสียงถามเพื่อนกลับ
“กินดิ หิวจะแย่ละ”
สองหนุ่มลงมือตักข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็ว ฉันเองก็เหมือนกัน กินไปพูดคุยกันไปจนข้าวหมดจาน