Chapter 13

1039 คำ
ที่ผมสนใจคือความเป็นเธอ ตอนแข่งรถ เธอบ้าบิ่นได้สุดดี ตอนทำตัวขี้อ่อยปากดีก็ทำได้น่ารักดี ตอนแรกที่ไม่ได้เข้าไปข้องแวะไม่ใช่เพราะคิดว่าเธอเป็นเด็กไอ้ศิลป์ เพียงแต่บางเรื่อง มันมีจังหวะของมัน ความรีบร้อนไม่ใช่จะเป็นผลดีเสมอไป ตอนนี้ผมคิดว่าจังหวะของผมมาถึงแล้ว “ถ้าจะร้ายไม่เบานะ” สองเปรยยิ้ม ๆ ผมเลยหัวเราะในลำคอเบา ๆ “ร้ายก็ดี” “...” “กูชอบผู้หญิงสู้มือ” End Talk. โรงอาหารคหกรรม “เห็นใกล้ ๆ หล่อมากเลยเธอ” “นั่นดิ หล่อทั้งกลุ่มเลย อ๊าย... ไมวันนี้หนุ่มหล่อมากินข้าวที่นี่ได้” “อยากให้มาทุกวันเลย ไปเรา รีบไปหาที่นั่ง เผื่อจะได้ที่นั่งใกล้พวกเค้า” การสะกิดกันไปมา ท่าทางกระดี๊กระด๊าของกลุ่มสาว ๆ ที่เดินผ่านโต๊ะไปทำให้ฉันนิ่วหน้าแปลกใจ รู้สึกว่าโรงอาหารในวันนี้ดูจะมีเรื่องครึกครื้น “มีอะไรกัน” “นั่นดิ ปกติคณะเล็ก ๆ แทบไม่มีเรื่องอะไรให้ตื่นเต้น เมื่อกี้ได้ยินหนุ่มหล่อ หนุ่มที่ไหนวะ คณะเรามีคนหล่อด้วยเหรอ” คณะนี้ไม่ใช่จะมีแค่ผู้หญิง ผู้ชายก็มาเรียนไม่น้อย เนื่องด้วยอาชีพเชฟทุกวันนี้ได้รับความนิยมกว้างขวาง และที่หน้าตาดีก็มี แค่ไม่หล่อในนิยามของชมพูแค่นั้นเอง ชมพูชะเง้อชะแง้คอยืดคอยาวมองไปรอบโรงอาหาร วันนี้เธอมากินข้าวกับฉัน พอดีเจอเพื่อนที่เรียนคณะเดียวกับเธอเดินผ่านมาจึงกวักมือแวะคุย ข้อดีของชมพูคือเธอเข้ากับคนง่าย คุยได้หมดทุกคน ส่วนฉันไม่ชอบคบค้ากับใครจึงสนใจไก่กระเทียมมากกว่า กระทั่งถูกสะกิดยิก ๆ “อะไรชมพู” “แก ฉันปวดท้องอะ แยกตรงนี้เลยนะไปเข้าห้องน้ำก่อน” “อ้าว แกยังไม่ได้กินข้าวเลย” เพื่อนรักปุบปับลุก เดินแทบจะเป็นวิ่งจนฉันขำออกไปอีกด้าน พอหันมาจะกินข้าวต่อเสียงเย้าเสียงแซวที่ดังขึ้นทำให้ต้องหันไปมอง พบกลุ่มหนุ่มหล่อสามคนสามสไตล์ เพียงแค่พวกเขาเดินเข้ามาในโรงอาหาร ทำเอาสาว ๆ หลายคนตาลอยตาม คนที่อยู่ในสายตาฉันคือผู้ชายหน้าตาเย็นชา คนที่ใคร ๆ แอบปลื้มแต่ไม่กล้าเข้าใกล้ ดูเหมือนว่าพวกเขาเดินตรงมาทางโต๊ะที่ฉันนั่ง “หวัดดีนาเนียร์” คนทักคือพี่สอง หนุ่มอารมณ์ดี “หวัดดีค่ะพี่ ๆ ลมอะไรหอบมาที่นี่” “ไม่เคยมาคณะนี้เลย เลยว่าจะมาหาข้าวอร่อย ๆ กินหน่อย เออ เมื่อกี้พี่เห็นเพื่อนเราแวบ ๆ ไปไหนแล้วล่ะ” “ขึ้นห้องเรียนไปแล้วค่ะพี่ธีม” จะบอกว่าเพื่อนปวดท้องกับหนุ่มหล่อก็กลัวน่าเกลียดไปหน่อย ขณะคนอื่นยืนคุย คนหน้าตายกลับนั่งลงตรงข้ามฉัน “งั้นพวกพี่ไปหาข้าวกินก่อน ไอ้กาย มึงเอาไร” “ไรก็ได้ กูกินง่าย” เสียงห้าวเรียบตอบ แต่ฉันที่ฟังนึกหมั่นไส้ อีกทั้งใครต่อใครต่างมองมาที่เรา ฉันเลยฉีกยิ้มกว้าง จีบปากถาม “กินง่ายจริงเหรอคะ” พี่กายเลิกคิ้วเข้มของเขานิดหน่อย โดยที่ฉันไม่คาดคิด มือหนายื่นมาจับช้อนบนจานข้าวฉัน ตักข้าวกินหน้าตาเฉย และไม่ใช่แค่คำเดียว “ถ้าอยากกินก็กินง่าย” เขามันร้าย นั่นคือที่ฉันรู้สึก ร้ายหน้าตายเสียด้วย ดูเอาเถอะ อยู่ดี ๆ ข้ามคณะมาเพิ่มประเด็นให้ฉันซะงั้น “ตอนนี้พี่แย่งข้าวเราแล้วนะ” “เดี๋ยวซื้อให้ใหม่ ร้านไหน” พอฉันบอกร้าน ร่างสูงก็ผุดลุก เดินออกไปจากโต๊ะ ตรงไปยังร้านข้าวแกง “กินอะไรผิดมาหรือเปล่าตาคนนี้” ฉันนึกขำ ๆ ดึงสายตาจากร่างสูงกลับมาก็พบว่ามีดวงตาอีกหลายคู่กำลังมองมา ทำเอายิ้มปลง รู้เลยว่าไม่เกินชั่วโมง คงมีเรื่องเมาท์กันสนุกปากอีก ใช่ฉันจะสนใจ “คนเรานี่แปลกดีนะ ทำตัวหยิ่ง ๆ ไม่คบใคร แต่พอเป็นเรื่องผู้ชายระริกระรี้น่าดู” แว่วเสียงที่ดังมาจากด้านหนึ่งทำให้ฉันเอี้ยวตัวไปมอง เป็นรุ่นพี่ปีสอง “คงกะฟาดทั้งมอล่ะมั้ง” ฉันยักไหล่ จะคิดซะว่าเป็นเสียงนกเสียงกาเสียงหมาเห่าแม้รู้ทันทีว่าพวกนั้นกำลังว่ากระทบฉัน ทำไมน่ะเหรอ ฉันจำได้ผู้หญิงหนึ่งในนั้น แฟนนางเคยมาเต๊าะฉันตอนประชุมเชียร์ พวกนางคงแค้นฝังใจ แต่ฉันหรือจะสน ใครอยากดิ้นก็ดิ้นไป หยิบมือถือขึ้นมาเล่น ไม่นาน ข้าวไก่กระเทียมจานใหม่ที่มีไก่ล้น ๆ ก็วางลงตรงหน้า พร้อมด้วยชาไข่มุก “สั่งพิเศษให้เราเหรอ” “อืม กินไม่หมด เดี๋ยวกินเอง” “อะไรเข้าสิง มาทำตัวสนิทสนมแบบนี้” ฉันถามตรง ๆ อย่างอดใจไม่ไหว “ไม่ใช่ว่าเราสนิทกันแล้ว” ตอนไหน? “อ้าว ไอ้กาย นี่มึงแย่งข้าวน้องเหรอวะ” พี่สองที่ซื้อข้าวกลับมาร้องทัก เพราะเห็นจานข้าวไก่กระเทียมที่พร่องไปเกินครึ่งตรงหน้าเพื่อน ตรงหน้าฉันก็มีอีกจาน “อือ” “ไอ้ห่า หิวไรขนาดนั้น อะ นี่ข้าวมึงไก่กระเทียมอีกจาน” พี่ธีมวางจานข้าวตรงหน้าเขา พี่กายตวัดตานิ่วหน้าใส่เพื่อน ทำให้ฉันหลุดหัวเราะ “เห็นมึงมองจานนาเนียร์ คิดว่ามึงอยากกินเหมือนน้องไง” “ไม่ใช่แค่อยากว่ะธีม มันคงอยากกินมากถึงขนาดแย่งน้องด้วยเห็นปะ” “เออ ตะกละฉิบหาย” “จะกินไหมข้าว” พี่กายไม่แก้ตัวอะไร กดเสียงถามเพื่อนกลับ “กินดิ หิวจะแย่ละ” สองหนุ่มลงมือตักข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็ว ฉันเองก็เหมือนกัน กินไปพูดคุยกันไปจนข้าวหมดจาน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม