“กลางทางแห่งหัวใจ”

1657 คำ
“เปล่าสักหน่อย!” คาริสารีบเถียงเสียงใส พลางเอนตัวไปข้างหน้าอย่างอารมณ์ดี “ก็เฮียคิริวยกเฮียเดย์ให้ริสาแล้วนี่นา เฮียคิริวพูดเองเลยนะ ว่าให้เฮียเดย์มาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้ริสา เพราะงั้น ถ้าริสาไปลำปาง เฮียเดย์ก็ต้องไปด้วยสิ” พูดจบ เธอก็ยันตัวชะโงกหน้าข้ามเบาะพนักหน้า มายื่นหน้าเกือบถึงคิริวกับเดย์ สีหน้าระรื่นจนเดย์ถึงกับเหล่มอง “แล้วใครบอกว่าฉันจะเป็นบอดี้การ์ดให้เธอ ห๊ะ ยัยเด็กบ้า!” เสียงของเดย์ขึ้นสูงอย่างอดไม่อยู่ ดวงตาเรียบเย็นจนเห็นเค้าความหัวเสียชัดเจน คาริสากะพริบตาปริบ ๆ ก่อนแสร้งทำหน้างอน “นี่เฮียเดย์… ว่าริสาเหรอ” “เออ! ก็พูดอยู่นี่ไง!” “หยุด! หยุดทั้งคู่เลย!” เสียงทุ้มต่ำของคิริวดังลั่นจนทั้งรถเงียบกริบในทันที เขาขับรถไปพลาง สูดหายใจแรง ๆ เหมือนต้องรวบรวมสติไม่ให้บีบพวงมาลัยจนหัก “ฉันขับรถอยู่ อย่าทำให้ฉันต้องหักหัวรถลงข้างทางได้ไหม” บรรยากาศเงียบไปอึดใจ ก่อนคาริสาจะหัวเราะแผ่ว ๆ “โอเค ๆ เฮียใจเย็นน่า… ริสาแค่พูดเล่นเอง” เดย์เหลือบมองกระจกหลัง แล้วพึมพำเบา ๆ แต่คิริวได้ยินชัด “พูดเล่นของเธอทีไร ฉันได้ปวดหัวทุกที” “ริสาได้ยินนะ!” คาริสาพูดเสียงแข็ง “ปวดหัวมากหรือไง!” “ใช่สิ!” เดย์สวนทันทีโดยไม่ต้องคิด ดวงตาคมวาบขึ้นมาจากความหงุดหงิดที่สะสมอยู่เต็มอก “อ๋อเหรอ เฮียก็ไม่ต้อง—” ยังไม่ทันที่คาริสาจะพูดจบ เสียงล้อรถบดถนนก็ดังแหลมขึ้นทันที ครืดดด! แรงสะเทือนฉุดให้ทั้งคู่เงียบกริบ เมื่อคิริวบังคับพวงมาลัยหักเข้าข้างทางอย่างกะทันหัน รถรูทสีดำคันใหญ่หยุดนิ่งสนิทกลางข้างทางที่มีแต่ความมืดและเสียงจักจั่นแว่วอยู่ราง ๆ คิริวหันกลับมาทันที ดวงตาเข้มกดต่ำ น้ำเสียงเย็นเฉียบ “ลงไป…” ไม่มีใครขยับ เขาเค้นเสียงต่ำลงกว่าเดิม “ลงไปทั้งคู่” คาริสาเบิกตากว้าง “เฮียคิริว! นี่มันกลางป่า—” “ฉันบอกให้ลง!” เสียงทุ้มตวาดลั่นจนทั้งรถสะเทือน เดย์สบตากับคาริสา รู้ดีว่าไม่ควรเถียงในจังหวะแบบนี้ เขาถอนหายใจหนัก ก่อนเปิดประตูรถออกไปเงียบ ๆ ส่วนคาริสาเม้มปากแน่นอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็จำใจเปิดประตูตาม ลมเย็นเฉียบพัดเข้ามาปะทะหน้าพร้อมเสียงปิดประตู ปัง! ทิ้งไว้เพียงเงาไฟท้ายรถที่ยังสว่างอยู่ในความมืด เสียงเครื่องยนต์คำรามก่อนรถหรูสีดำพุ่งออกไป ทิ้งเพียงกลุ่มควันบาง ๆ และแสงไฟท้ายที่ค่อย ๆ ลับหายไปในความมืด เดย์กับคาริสายืนมองตามรถอย่างอึ้ง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ความเงียบจะถูกทำลายลงด้วยเสียงบ่นของเดย์ “เพราะเธอนั่นแหละ!” เขาหันมาจ้องเธอตาเขม็ง “เห็นไหม ตอนนี้ได้เรื่องเลย เดินกลับเองเถอะ!” คาริสาขมวดคิ้วทันที “เฮียต่างหากล่ะ อย่ามาโทษริสาเลยนะ! ก็ผิดกันทั้งคู่นั่นแหละ” “ฉันผิดตรงไหน!” “ก็ตรงที่ขึ้นเสียงกับริสาไง!” “เพราะเธอน่ะมัน…” เดย์กลั้นคำต่อท้ายไว้ได้ทัน พ่นลมหายใจยาวอย่างระงับอารมณ์ แล้วตวัดสายตาไปทางถนนที่ทอดยาวไร้แสงไฟ “ช่างเถอะ… เดินไปเถอะ ก่อนจะมีรถสวนมา” คาริสาทำหน้ายุ่ง ๆ ก่อนสะบัดผมอย่างหงุดหงิด “ได้! เดินก็เดิน” ทั้งคู่เริ่มก้าวไปตามถนนสายเปลี่ยว เสียงฝีเท้าและเสียงหายใจแผ่วของกันและกันดังแทรกอยู่ในความเงียบของค่ำคืน บรรยากาศระหว่างพวกเขาเต็มไปด้วยแรงตึงเครียดที่ไม่รู้ว่าเป็นความโกรธ… หรือบางอย่างที่เริ่มก่อตัวโดยไม่รู้ตัว ทั้งคู่เดินเทียบกันไปเรื่อย ๆ บนฟุตบาทที่มีเพียงแสงไฟถนนสลัว ๆ ส่องนำทาง เสียงลมกลางคืนพัดผ่านเป็นจังหวะเดียวกับเสียงฝีเท้าที่ดังสลับกันอย่างแผ่วเบา เวลาผ่านไปนานพอให้ความเงียบเริ่มกลืนกินบรรยากาศ คาริสาเริ่มเดินช้าลงทีละนิด ทุกก้าวเหมือนถูกถ่วงด้วยความเมื่อยและรองเท้าส้นสูงปลายแหลมที่เริ่มกัดจนเจ็บ เธอก้มมองเท้าตัวเอง ส้นเท้าแดงช้ำจนรู้สึกแสบร้อน ก่อนจะเม้มปากแน่นแล้วเดินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดย์ที่เดินนำอยู่หันกลับมามอง เห็นอีกฝ่ายชะงักเล็กน้อยก็ขมวดคิ้วถามขึ้นเสียงทุ้ม “เป็นอะไร” คาริสาเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจเล็กน้อย ก่อนรีบส่ายหัว “ปะ…เปล่า ไม่มีอะไร” เดย์จ้องอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาคมนิ่งเหมือนอ่านทะลุถึงความเจ็บที่อีกฝ่ายพยายามปิดบัง แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจเงียบ ๆ แล้วหันกลับไปเดินต่อโดยไม่พูดอะไรอีก ทว่าความหงุดหงิดที่อัดแน่นอยู่ในอกกลับทำให้เดย์หยุดฝีเท้ากะทันหัน เขาหันกลับมาทันทีโดยไม่ทันคิด คาริสาที่กำลังก้มมองเท้าอยู่ไม่ทันตั้งตัว ชนเข้ากับอกแกร่งเต็มแรง “โอ๊ยยย!” เธอร้องเบา ๆ พลางยกมือขึ้นลูบหน้าผาก “หยุดเดินก็ไม่บอก!” เดย์ไม่ตอบอะไรสักคำ เพียงสบตาเธอแวบหนึ่ง ก่อนถอดเสื้อสูทตัวหนาออกจากตัว แล้วคลุมเข้าที่ไหล่ของคาริสาอย่างเงียบ ๆ “อ…อะไร คลุมทำไม” เสียงของเธอสั่นนิด ๆ ทั้งจากลมและความงง “มันดึกแล้ว ลมมันเย็น คลุมไว้ เดี๋ยวไม่สบาย” เขาพูดเสียงเรียบ ก่อนก้มตัวลง นั่งย่อตัวลงตรงหน้าเธออย่างระมัดระวัง คาริสาขมวดคิ้วนิด ๆ “เฮียเดย์… จะทำอะไร…” ยังไม่ทันพูดจบ เดย์ก็ค่อย ๆ เอื้อมมือไปจับข้อเท้าเธออย่างระวัง ก่อนถอดรองเท้าส้นสูงปลายแหลมออกจากเท้าทั้งสองข้าง แล้วถือมันไว้ในมือแน่น จากนั้นเขาหันหลังให้เธอ แล้วพูดเสียงนิ่งเรียบแต่หนักแน่น “ขึ้นมา” คาริสากะพริบตาปริบ ๆ “อะไรนะ?” “ขึ้นมา” เขาย้ำอีกครั้งโดยไม่หันกลับ “รองเท้าเธอมันกัดจนเลือดซิบแล้ว ไม่เห็นหรือไง ทำไมถึงปล่อยให้มันกัดแบบนั้น” น้ำเสียงนั้นไม่ดัง ไม่ดุ แต่กลับแฝงแรงอารมณ์ที่ทำให้คาริสาเงียบลงทันที เธอก้มมองส้นเท้าตัวเองที่แดงช้ำ ก่อนจะเม้มปากแน่นอย่างรู้สึกผิด เธอชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ วางมือบนไหล่กว้างของเขา แล้วปีนขึ้นหลังไปอย่างเงียบ ๆ ลมหายใจอุ่นของเธอแตะต้นคอเขาแผ่ว ๆ จนเดย์รู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองเต้นแรงผิดจังหวะ “เฮียเดย์นี่น่ารักจัง…” เสียงของคาริสาแผ่วเบา แต่แฝงรอยยิ้มในน้ำเสียง เธอแกว่งขาไปมาเบา ๆ เหมือนเด็กที่กำลังเล่น “แต่ริสาหนักนะ เฮียเดย์ไม่หนักเหรอ?” เดย์ถอนหายใจยาวเบา ๆ แต่ปากกลับตอบอย่างเรียบ ๆ “หนักสิ หนักมากด้วย” “เฮีย!” คาริสาโวยขึ้น พร้อมยกมือฟาดไหล่เขาเบา ๆ “นี่เฮียว่าริสาอ้วนเหรอ” “ฉันพูดหรอ?” เดย์ตอบนิ่ง ๆ ไม่แม้แต่จะหันมา “มีแต่เธอนั่นแหละที่พูดเองเออเอง” คาริสาเงียบไปครู่ ก่อนหัวเราะเบา ๆ “ก็จริงของเฮียเนอะ” รอยยิ้มบางแตะริมฝีปาก เธอเอนตัวลงช้า ๆ ซบหน้าลงกับแผ่นหลังของเขา ความอบอุ่นแผ่ซ่านออกมาผ่านผ้าสูทบาง ๆ ที่คลุมอยู่ เดย์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเพียงก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงท่ามกลางลมเย็นของค่ำคืน เสียงรองเท้าแตะพื้นดังก้องเป็นจังหวะเดียวกับลมหายใจของทั้งคู่ และในความเงียบนั้น… ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัวเลย เดย์ยังคงเดินไปเรื่อย ๆ บนถนนสายเปลี่ยวที่ทอดยาวสุดสายตา เสียงฝีเท้าของเขาดังก้องอยู่ใต้แสงไฟถนนที่กระพริบเป็นจังหวะ ลมกลางคืนพัดแผ่ว ๆ ปะทะใบหน้า แต่ความอบอุ่นจากร่างเล็กที่ซบอยู่บนหลังกลับทำให้เขาไม่รู้สึกหนาวเลยแม้แต่น้อย “นี่… ทำไมเงียบ” เดย์เอ่ยถามเสียงเบา พลางเหลือบมองไปข้างหลัง แต่สิ่งที่ได้ยินมีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอแผ่วเบาแนบต้นคอ เขาเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจยาวเบา ๆ ราวกับยอมแพ้ให้ความดื้อรั้นของหญิงสาวที่ตอนนี้หลับอย่างไร้เดียงสาอยู่บนหลังเขา เดย์เดินต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งแสงไฟหน้ารถส่องวาบเข้ามาใส่ดวงตา รถหรูสีดำเงาพุ่งเข้ามาจอดเทียบช้า ๆ เสียงเบรกดัง ครืดดด อย่างนุ่มนวล ก่อนที่กระจกหน้ารถจะเลื่อนลง คิริวนั่งอยู่หลังพวงมาลัย ดวงตาคมมองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ขึ้นรถ” เสียงทุ้มของเขาดังสั้น ๆ แต่ชัดเจน เดย์ปรายตามอง ก่อนหัวเราะในลำคอเบา ๆ “กูนึกว่าจะปล่อยให้กูเดินถึงคฤหาสน์ซะอีก” คิริวแค่นเสียง “อยากให้เดินจริง ๆ ด้วยซ้ำ แต่เห็นแบกยัยนั่นอยู่เลยสงสารหลังมึงมากกว่า” เดย์หัวเราะในลำคออีกครั้ง ก่อนค่อย ๆ ก้มลงอุ้มคาริสาไว้ในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง แล้วก้าวขึ้นรถไปอย่างเงียบ ๆ ไฟท้ายรถหรูเคลื่อนห่างออกไปในความมืด ทิ้งไว้เพียงลมกลางคืนที่ยังพัดเอื่อยและถนนสายยาวที่เงียบสงบอีกครั้ง…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม