“กวางไม่ได้เสกเองหรอกค่ะ..หลวงตาท่านส่งมาให้ ท่านบอกว่าคุณเสือจะได้ทรมานน้อยลง....อ้าปากสิคะอย่ามัวแต่อึ้งอยู่...”
เธอเอ่ยต่อจากนั้น…เหมือนอ่านสายตาเขาออก..ขณะเดียวกันก็ยัดลูกสีดำเข้าปากชายหนุ่มไปด้วย..เพราะเห็นว่าเขาอ้าปากค้างไว้อยู่แล้ว
อะไรวะ!...ถึงขนาดสื่อสารกับหลวงตาได้ นี่เธอมีญาณชั้นไหน...ตัวเท่านี้นี่นะ
หึ่ย!น่ากลัวฉิบหายเลย!...
กลัวแต่ก็ยอมกลืนเข้าไปแต่โดยดี
“คุณเสือจะต้องอ้วก..อ้วกใส่ผ้าขาวนี่เลยนะคะ...มันจะออกมาหลายอย่าง”
เธอบอกตามมาพร้อมกับอธิบาย...ขณะหยิบผ้าขาวที่อยู่บนถาดมาวางไว้ข้างๆ ร่างสูงใหญ่...แล้วเอ่ยเตือนเขาอีกว่า
“เห็นอะไรห้ามทัก...อย่าตกใจนะคะ..”
ได้เหรอวะ!..แค่นี้..หัวใจเขาก็แทบจะวายตายห่าแล้วเหอะ...จะยังไงต่ออีกล่ะทีนี้...
“มากันแล้ว”
เธอเอ่ยลอย ๆ คล้ายกับรำพึงกับตัวเอง...
แล้วหมุนตัวเข้าหาหิ้งพระ นั่งขัดสมาธิพร้อมกับหลับตาลง
ให้ตาย! เขาเห็นกลางหน้าผากของเธอ..มีอักษรคล้ายอุณาโลมเปล่งแสงสีทองสว่างวาบขึ้นมาแค่เสี้ยววิ...
มันพูดไม่ออก..นี่มันอะไรกันวะ..เชี่ย! ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม...แต่อาการปวดภายในช่องท้องที่ทวีความรุนแรงขึ้นมาเรื่อย ๆ มันเป็นพยานได้ว่าเขาไม่ได้ฝัน...ทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นมันคือเรื่องจริง...
ขณะเดียวกันภายนอกหน้าต่างนั่น ก็มีเสียงของลมพัดกรรโชก ฟ้าแลบ นกแสกร้อง เหมือนในหนังเปี๊ยบ...แล้วก็เสียงคล้ายของหนักตกใส่หลังคาบ้านดังลั่นจนรู้สึกได้...
นี่ขนาดบ้านราคาหลักร้อยล้านยังรู้สึกขนาดนี้ ถ้าเป็นบ้านคนธรรมดา คงพังทั้งหลังไปแล้วแน่
หนุมานออกอาการกลัวและตกใจ คนตัวโตเบียดเข้าหามารดา จนมนต์สิงหาต้องขึงตาใส่
ส่วนวาสุกรีนั่งนิ่งเหมือนสงบแต่อัตราการเต้นของหัวใจเกินขีดจำกัดไปแล้ว...แทบจะทะลุออกมานอกอกได้ เพราะไม่เคยเจอ...
คิดผิดหรือเปล่าวะที่ขอมานั่งอยู่ตรงนี้...ถ้าจะลุกหนีออกไปตอนนี้ยังทันไหม...โอ๊ย!เยี่ยวจะแตกอยู่รอมร่อแล้ว...เขาเนี่ย
แค่เสียง...ยังตกใจขนาดนี้ ...ถ้ามาให้เห็นเป็นตัวรับรองได้ว่า...คงช๊อคตาตั้งเลยเหอะ
“อู๊ย...โอ๊ย! แม่”
มนต์พยัคฆ์เอามือกุมท้องสีหน้าแสดงความเจ็บปวดออกมาให้เห็น
มนต์สิงห์อยากจะเข้าไปกอดปลอบลูกชาย แต่ต้องทำใจให้สงบ..มองพระประทานตรงหน้า...ภาวนาขอให้ท่านได้โปรดคุ้มครองลูกชายของเธอด้วย
ภายนอกหน้าต่างเวลานี้ยังมีกลุ่มควันสีดำลักษณะจับตัวเป็นก้อนคล้ายคนร่างสูงใหญ่ราวสามเมตร เหมือนมีดวงตาสีแดงก่ำ...ลอยไปมาจนนับไม่ได้ว่ามีเท่าไหร่กันแน่
หนุมานและวาสุกรีเบิกตากว้าง เบียดกอดมารดาจนมองแทบไม่เห็นว่ามนต์สิงหานั่งอยู่ตรงนั้น
กรรวีลืมตาหมุนตัวหันมาประสานสายตา กับเงาดำที่อยู่นอกหน้าต่างนั่น...พวกมันพยายามจะเข้ามา แต่ถูกหญิงสาวเหวี่ยงของสิ่งหนึ่งที่เป็นวัตถุสีทองในอุ้งมือออกไปจนพวกนั้นแตกกระจาย..และมีเสียงกรีดร้องแหลมประสานกันขึ้นมาจนแสบแก้วหูไปหมด...
เพียงชั่วครู่..เสียงเหล่านั้นก็เงียบหายไป...
ทุกอย่างที่อยู่ภายนอกหน้าต่างสงบนิ่ง...เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน จะมีก็แต่เสียงอาเจียนของมนต์พยัคฆ์ ตามมาหลังจากนั้น
มนต์สิงหารีบเข้ามาดูลูกชาย เพ่งมองไปที่ผ้าขาวในถาด..เห็นสิ่งของที่มนต์พยัคฆ์อาเจียนออกมาแล้วรู้สึกผะอืดผะอม...เธอต้องรีบกลืนน้ำลายลงคอหนัก ๆ เพราะไม่อยากจะอาเจียนตาม
บนผ้าขาวผืนนั้น ประกอบไปด้วยตะปูตอกฝาโลงผีตายโหง ตัวเบ็ดที่ขึ้นสนิมเขรอะ เหรียญเงินปากผีและอะไรต่ออะไรอีกที่มองไม่ออกเลย
กรวีหันไปมองพี่ชายทั้งสองคนที่ยังกอดกันกลมอยู่ข้างฝาแล้วหัวเราะขำ..
.ครั้งแรกก็แบบนี้..ต้องเห็นบ่อย ๆ จะค่อยชินไปเอง...
“พี่งู..พี่ลิง..เลิกกลัวได้แล้วนะคะ มาช่วยพยุงคุณเสือ กินน้ำมนต์ของหลวงตาก่อนเร็วเข้า”
พวกเขารู้แล้วนี่ว่าเธอมีตาที่สาม เดี๋ยวจะต้องมีคำถามอะไรตามมาอีกแน่ ...แต่คงไม่ใช่เวลานี้หรอกนะ
หมดสภาพคาสโนวาตัวพ่อทั้งสามคนเลยนะนั่นน่ะ...สาว ๆ มาเห็นคงพากันหัวเราะขำ
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเป็นปกติ หลังจากหายตกใจกลัวกันแล้ว กรรวีจึงให้ทุกคนมารวมตัวกันในห้องรับแขก รวมไปถึงคนที่โดนของนั่นด้วย ทั้ง ๆ ที่บอกให้พักผ่อนอยู่แต่ในห้อง ก็ไม่ยอมอีกทีนี้
ไม่ใช่เพราะเขากลัวที่จะอยู่คนเดียวหรอกนะ มนต์พยัคฆ์มีจิตแข็งมากกว่าน้องชายทั้งสองคน แต่ที่ออกมานั่งร่วมวงทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็อ่อนแรงไปหมดอยู่นี่ เพราะกลัวพลาดที่จะได้ฟังอะไรเด็ด ๆ ต่างหากล่ะ
นี่เขาไม่เกลียดขี้หน้าเด็กนี่แล้วหรือไง...หยุดแอ็คอีกสักวันคงได้ละมั้ง…แต่ก็ไม่วายถูกไอ้น้องปากดีเสียดสีกลับมาอีกสิ
“อ้าว..พี่เสือ..จะมานั่งหน้ายับอะไรอยู่ตรงนี้ละครับ กลับห้องไปนอนพักดีกว่าครับ..น้อง ๆ เป็นห่วงนะ...”
ไอ้น้องเวรตะไล!...พูดจาแบบนี้...กระโดดถีบยอดหน้าเลยดีไหมนั่นน่ะ
มนต์พยัคฆ์ยังไม่ทันได้โต้อะไรกลับไป...แต่กลับกลายเป็นมารดาที่เอ่ยต่อว่าหนุมานกลับไปให้แทน
“แกสองคนนั่นแหละหุบปากก่อน พูดมากเดี๋ยวแม่จะให้พวกแกเป็นเป้าซ้อมยิงปืน..ไม่ได้เข้าสนามมานานแล้วด้วย”
“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะครับแม่ ไอ้ลิงคนเดียวที่มันพูดมาก”
วาสุกรีเอาตัวรอด เมื่อเห็นสีหน้าของมารดาดูท่าแล้วคงเอาจริง..
เวลาปกติท่านก็ดีใจหาย...แต่อย่าให้โมโหขึ้นมาเชียว โตขนาดนี้ก็ยังถูกตีถ้ายังดื้อและไม่ยอมฟัง...
แม่สิงห์นี่นะ..เจ้าป่า...ใหญ่ที่สุดในบ้านไม่งั้นคงเอาพวกเขาไม่อยู่แน่..
กรรวีหัวเราะคิก นั่งบึนปาก ทำตาโต แก้มป่องอย่างน่ารัก ผิดกับร่างแม่หมอเมื่อกี้ราวคนละคน
มนต์พยัคฆ์เห็นแล้วถึงกับอึ้งไปหน่อยๆ
“เอาละค่ะ...กวางขอให้ทุกคนโปรดใช้วิจารณญาณในการฟัง...แล้ว..อย่างมงายนะคะ...ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ ”
กรรวีเอ่ยขึ้นเพื่อดึงทุกคนให้สนใจหันมาฟังเธอพร้อมกัน ก่อนที่เธอจะกลับเพชรบุรีในวันพรุ่งนี้
ดวงตาคู่สวยกวาดสายตามองทีละคน จนมาหยุดอยู่ที่มนต์พยัคฆ์..
“...อย่างแรก...คุณเสือห้ามออกจากบ้านเป็นเวลาหนึ่งเดือนค่ะ”
“หนึ่งเดือน!”มนต์พยัคฆ์อุทานขึ้นมาดังลั่น
โหย..อดอยากปากแห้ง...ของเขาต้องเฉาตายก่อนเหอะ!