ชีครามัส นามา ยืนรอรถจากโรงแรมโรเพิร์ลมารับที่สนามบิน วันนี้หัสดินมีประชุมกระทันหันจึงมารับด้วยตัวเองไม่ได้ โชคยังดีที่ ชีครามัส มาพักผ่อนเป็นการส่วนตัวจึงไม่จำเป็นต้องให้มารับด้วยตัวเองแค่มีรถมารับก็พอแล้ว
“ท่านชีคครับ รถมาแล้วครับ” นามากระซิบบอกชีคหนุ่มเมื่อเห็นรถมาจอดเทียบ จากนั้นก็มีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาพร้อมชูป้ายสีขาวขนาดใหญ่เขียนชื่อองครักษ์หนุ่มเอาไว้ ชีครามัสเดินตามหลังก้าวขึ้นนั่งในรถบีเอ็มดับบลิวสีดำมันวาว
“นามา ถ้าอยู่ต่อหน้าคนอื่น เรียกฉันเหมือนคนปกติ เพราะฉันไม่อยากให้ใครรู้ฐานะที่แท้จริง” ชีครามัส กระซิบสั่งองครักษ์หนุ่มถึงนามาจะไม่ได้พูดดังมากนักแต่เขาก็ไม่อยากให้พูดออกมาแบบนี้
“ครับ ท่านชี.... เอ๊ย ท่านรามัส” นามารับพยักหน้ารับ
รถยนต์บีเอ็มดับบลิวแล่นบนทางด่วนอย่างรวดเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดบนถนนที่อยู่เบื้องล่าง
ชีครามัส มองนอกหน้าต่างเห็นตึกรามบ้านช่องสูงเทียมฟ้าเรียงรายสลับกัน ก่อนจะเลื่อนสายตามองรถแล่นที่สวนไปมา พลันนึกถึงเมื่อครั้งที่เขามาเที่ยวประเทศไทยกับผู้หญิงคนที่เขาเคยรักมากที่สุด
กระทั่งรถบีเอ็มดับบลิวขับเคลื่อนเข้ามาในลานจอดรถส่วนตัวของโรงแรมโรเพิร์ล ชายคนขับรถลงมายกกระเป๋าจากท้ายรถลงมาวางเอาไว้
พนักงานของโรงแรมเข้ามายกกระเป๋าพร้อมเดินนำร่างสูงทั้งสองคนตรงไปยังห้องพักหรู ตามคำสั่งของหัสดินที่สั่งเอาไว้ก่อนล่วงหน้า
พอมาถึงห้องพัก ชีครามัสควักเงินยื่นให้พนักงานแทนคำขอบคุณ พนักงานก้มศีรษะลงเล็กน้อยแล้วรับเงินพร้อมเดินออกจากห้องไป
“นามา วันนี้ฉันจะไปร้านอาหารเรือนไทยสี่ภาคนะ” น้ำเสียงเรียบพูดขึ้น
“เอ่อ ท่านจะไปที่นั่นจริงๆเหรอครับ ผมเกรงว่า......”
“ฉันบอกให้นายรู้ ไม่ใช่มาแย้งฉัน นามา” น้ำเสียงแกมดุแทรกขึ้นไม่ปล่อยให้องครักษ์หนุ่มพูดจบ นามารีบรับทราบคำสั่ง
“ผมขอโทษครับท่าน” นามากล่าวขอโทษที่บังอาจเสนอแนะท่านชีคแม้ว่าเขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากท่านชีคไปที่นั่น
“ไปพักผ่อนเถอะ ส่วนเรื่องโต๊ะฉันจะโทรจองเอง นายเตรียมตัวให้พร้อมก็แล้วกันนะ นามา” ชีครามัสกล่าวขึ้นก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว
ทางด้านร้านอาหารเรือนไทยสี่ภาค หลังจากต้อนรับกรุ๊ปทัวร์ช่วงเที่ยงเสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว พนักงานต่างรีบมาทำความสะอาดบนโต๊ะ เพื่อจะได้มีเวลาพักผ่อนรอทำงานอีกรอบในตอนเย็น
ดารินจัดการเก็บโต๊ะ ทำความสะอาด อย่างขะมักเขม้น
“ริน วันนี้เราไปตลาดนัดข้างๆกันนะ” กิ่งแก้วเดินเข้ามาช่วยทำความสะอาดโต๊ะเดียวกับหญิงสาวรีบออกปากชวน
“ไปทำไมละ แก้ว คนเยอะจะตาย” ดารินเอ่ยถาม ดูทีท่าไม่อยากไปสักนิด เพราะเธอไม่อยากไปเดินเบียดเสียดกับผู้คนมากมายในตลาดนัดนั่น
“ก็ฉันอยากกินขนมนี่ นะๆ” น้ำเสียงแกมขอร้องเอ่ยขึ้นแล้วทำตาปริบๆ
“ในร้านนี่ก็มี” หญิงสาวหาข้ออ้าง
“โธ่ ริน ไปเป็นเพื่อนฉันก็ได้ นะๆ ไปแปปเดียวเอง” สีหน้าขอร้องเว้าวอนกระพริบตาปริบๆอีกครั้ง ดารินนึกขำ ใจอ่อนพยักหน้ายอมตกลง
“เย้ รักรินที่สุดเลย” เสียงร้องดีใจเหมือนเด็กเล็ก ดังเจื้อยแจ้ว
“เบาๆสิ ไปทำงานได้แล้ว โต๊ะนู้นยังไม่ได้ไปเก็บเลย” ดารินรีบสั่งเสียงเข้ม ขืนคุณนายวจีมาเห็นเข้ามีหวังโดนเทศจนหูชาแน่ๆเสียงกิ่งแก้วดังออกขนาดนั้น
“ได้เลย ไปเดี๋ยวนี้แหละจ๊ะ” กิ่งแก้วเดินยิ้มร่าทำความสะอาดโต๊ะอีกตัวตามที่ดารินบอกไว้
ในตอนเย็น วันนี้จะมีกรุ๊ปทัวร์มาลงมากกว่าปกติ คุณนายวจีจึงเรียกพนักงานมานั่งประชุมบริเวณลานเวทีการแสดง ก่อนจะนำแผ่นกระดาษขนาดยาวเกือบหางว่าวขึ้นมาอ่านทบทวนจำนวนคนและเลขหมายบนโต๊ะ
“วันนี้ กรุ๊ปทัวร์มาลงเยอะหน่อยนะจ๊ะ เดี๋ยวแม่จะอ่านย้ำอีกรอบ เพื่อให้ทุกคนจดรายละเอียดแล้วทำยังไงก็ได้ไม่ให้การทำงานติดขัด” แผ่นกระดาษสีขาวชูขึ้นอยู่ในมืออวบ
“เรือนไทยหลังที่ 1 โต๊ะ 1-10 มีจำนวน 40 คน อาหารตามปกติ” น้ำเสียงดังฟังชัดเอ่ยขึ้น พนักงานที่รับผิดชอบในเรือนไทยหลังที่1 รีบจดลงในกระดาษแผ่นเล็กยิกๆ
“เรือนไทยหลังที่ 1 โต๊ะ 11- 30 มีจำนวน 50 คน อาหารตามปกติ” เมื่อสายตาสังเกตเห็นพนักงานตัวเองจดได้ทัน น้ำเสียงดังจึงเอ่ยขึ้นอีก ตามลำดับ ล่วงเลยมาถึงเรือนไทยหลังที่ 4 ซึ่งเป็นส่วนที่ ดารินกับกิ่งแก้วรับผิดชอบ
“เรือนไทยหลังที่ 4 โต๊ะ 1 มีจำนวน 2 คน อาหารตามปกติ เครื่องดื่มไม่จำกัด” คุณนายวจีหันมองพนักงานสาวแวบหนึ่งกล่าวเสียงดัง
ดารินกับกิ่งแก้วรีบช่วยกันจดยิกๆ หญิงเจ้าของร้านอ่านตามแผ่นกระดาษไปเรื่อยๆมาถึงโต๊ะสุดท้าย
“เรือนไทยหลังที่ 4 โต๊ะ 20 จำนวน 2 คน ขออาหารพิเศษเครื่องดื่มปกติ” หญิงเจ้าของร้านขมวดคิ้วอ่านนึกสงสัย ถ้าหากเป็นอาหารพิเศษจะต้องมีอาหารมากกว่าปกติ ผิดกับจำนวนที่มีมาเพียงแค่สองคน
“เอ๊ะ คุณแม่วจี อ่านผิดโต๊ะหรือเปล่าคะ มาแค่สองคน แต่สั่งอาหารอย่างกับมาเป็น10คนเลย” เสียงใสของกิ่งแก้วแย้งขึ้น ก็แหงละสิ สั่งมาอาหารมาเยอะขนาดนี้มีหวังได้เหนื่อยตายกันพอดี
“ก็คงตามนั่นแหละจ๊ะ กิ่งแก้ว ลูกค้าสั่งมา เราทำงานบริการก็ต้องจัดตาม” คุณนายวจีกล่าวอธิบายเสียงช้าเนิบนาบ
“ช่างเถอะแก้ว เราก็ทำเหมือนตามปกตินั่นแหละ” ดารินพูดให้กำลังใจเพื่อนสาว กิ่งแก้วพยักหน้ารับอย่างจำนน
“เอาละ แยกย้ายไปพักผ่อนกันได้แล้ว สี่โมงค่อยมาเตรียมจัดโต๊ะ ส่วนใครหิวข้าวก็ไปกินได้ที่ห้องอาหารนะจ๊ะ” คุณนายวจีสั่งเสร็จ พนักงานก็แยกย้ายไปพักผ่อนรอทำงานอีกทีในตอนเย็น
กิ่งแก้วรีบดึงมือของดารินเดินออกไปข้างนอกมุ่งสู่ตลาดนัด
“ว้าว ของกินเยอะแยะเลย มาสิ ริน” กิ่งแก้วรีบดึงมือบางของดาริน เดินข้างกัน สายตาของกิ่งแก้วจดจ้องมองแต่ขนมหวานวางเรียงรายหลากหลายชนิด
“รีบๆซื้อเถอะแก้ว เราจะได้มีเวลาพักกันนะ วันนี้ลูกค้าเยอะด้วย” ดารินเตือนเพื่อนสาวที่เอาแต่เดินมองขนมไม่ยอมเลือกซื้อสักที
“จ้า ฉันกำลังจะซื้ออยู่นี่ไง” ว่าแล้วร่างเพรียวบางรีบเดินจ้ำอ้าวตรงไปยังร้านขนมไทย
“เอานี่จ๊ะ นี่ด้วย นี่อีก อย่างละ 20 บาทนะจ๊ะ” นิ้วชี้เรียวบางชี้บอกแม่ค้าตักขนมหวานตามที่ตัวเองต้องการ
“เฮ้ย....แก้ว สั่งเยอะจัง จะกินหมดเหรอ”
“หมดสิ แค่นี่ยังไม่ถึงครึ่งท้องของฉันเลย” กิ่งแก้วบอกทำมือลูบท้องท่าทางไม่สะทกสะท้าน ยืนยิ้มร่ารอขนมหวานจากแม่ค้า พอได้ขนมมาแล้ว กิ่งแก้วกึ่งลากกึ่งเดินพาเพื่อนสาวตรงมายังร้านขนมปัง ยืนชี้นิ้วสั่งขนมที่ชื่นชอบ
เมื่อได้ของกินมาครบหมดแล้ว ดารินคะยั้นคะยอเพื่อนสาวกลับร้านอาหารเรือนไทยสี่ภาค อีกด้านหนึ่งทันทีที่รถยนต์บีเอ็มดับ บลิวสีดำมันวาวเข้ามาจอดภายในร้านอาหารเรือนไทยสี่ภาค
ชีคหนุ่มมาก่อนเวลาเปิดบริการเพื่อจะได้มาสัมผัสบรรยากาศเก่าๆก่อนที่ผู้คนจะพลุกพล่านเดินไปมา นามารีบลงจากรถในตำแหน่งคนขับเดินอ้อมมาเปิดประตูรถ
ชีครามัสยืนเต็มตัวสูง ดวงตาคมกวาดมองบรรยากาศรอบๆตัว แม้เวลาจะผ่านไปแล้วถึงห้าปี ที่นี้ยังไม่เปลี่ยนแปลงเลย มีแต่ตัวเขาเองที่เปลี่ยนไปเพราะไม่มีคนรักมาที่แห่งนี้ด้วย
“นามา ฉันจะเดินเล่นแถวนี้นะ นายรอฉันตรงนี้แล้วกัน”
“ท่านชีคจะไปไหนครับ” นามาเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“แถวนี้แหละ ไว้ใกล้ถึงเวลาฉันจะเดินมาหานายเอง” พูดเสร็จร่างสูงใหญ่ก้าวเท้าเดินจากไปทิ้งให้องครักษ์หนุ่มมองตามหลังอย่างนึกเห็นใจ
ท่านชีคของเขาคงรักผู้หญิงคนนั้นมากสินะ แม้จะผ่านไปแล้วตั้งห้าปี ท่านชีคก็ยังมาที่นี้ มาเพื่อสัมผัสบรรยากาศเก่าๆ
ร่างสูงใหญ่เดินมองรอบบริเวณร้านเรือนไทยสี่ภาค ครั้งหนึ่งเขาเคยมาที่นี้มากับผู้หญิงคนรัก ตลอดเวลาที่เขามาอยู่ในประเทศไทยหนึ่งเดือน ผู้หญิงที่เขารักมักจะพาเขามากินข้าวที่แห่งนี้เกือบทุกวัน
อีกด้านหนึ่ง
“นี่แก้ว จะกินหมดเหรอ” ดารินเอ่ยปากถามเมื่อเห็นถุงขนมเต็มมือทั้งสองข้าง
“กินหมดสิ ไม่เชื่อคอยดูเถอะ” ริมฝีปากบางสีชมพูเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ
ชีครามัสยืนมองรอบๆ พลันสายตาสะดุดเห็นพนักงานสาวสองคนสวมใส่ชุดยูนิฟอร์มอันคุ้นตาเดินมาแต่ไกล ทว่าว่าสายตาเขากลับสนใจร่างบางของดาริน ผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยหวานชวนหลงใหลและอยากค้นหา
ดวงตาคมมองใบหน้าหวานของเธอคนนั้น อยู่ๆก็มีใบหน้าผู้หญิงอีกคนในหัวใจล่องลอยเข้ามาแทนที่
“ดารากานท์” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เผลอครางชื่อผู้หญิงในอดีตออกมา เขารีบสะบัดหัวแรงๆ ไม่ใช่ เป็นไปไม่ได้ ชีครามัสเพ่งมองอีกครั้ง ใบหน้าของผู้หญิงในอดีตนั้นหายออกไป มีเพียงแต่ดวงหน้าหวานของเธอที่ยังชวนให้เขาจับจ้องมองอยู่อย่างนั้น
ดวงตาเรียวสวย มีเสน่ห์เย้ายวนความต้องการบางอย่าง จมูกเล็กรับเข้ากับริมฝีปากบางสวยจนอยากสัมผัสว่ามันจะหวานนุ่มมากแค่ไหน เพียงแค่นั้นหัวใจของเขาก็กระตุกวูบหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก ยามได้สบตามองแววตาคู่นั้นมันช่างเหมือน เหมือนดารากานท์เหลือเกิน
ตลอดระยะเวลาห้าปีเขาไม่เคยมองผู้หญิงไหนแล้วนึกถึงดารากานท์มาก่อน แล้วทำไมครั้งนี้ใบหน้าของดารากานท์กลับล่องลอยเข้ามาในหัวสมองของเขาจนเห็นคนอื่นเป็นดารากานท์ไปได้
ร่างสูงใหญ่ยังยืนจ้องมองพนักงานสาวที่ทำให้หัวใจหวั่นไหวจนเดินผ่านเขาไป ชีครามัสยังคงมองตามจนลับสายตา
กิ่งแก้วพาดารินมานั่งกินขนมตรงโต๊ะไม้ที่จัดไว้ให้สำหรับพนักงาน ดารินนั่งลงพลันนึกถึงสายตาคมคู่นั้น ถึงแม้จะไม่ได้สบตามองโดยตรงก็จริง แต่รับรู้บางอย่างจากดวงตาคมคู่นั้นของเขาได้
ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงยืนจ้องมองอย่างนั้นนะ หรือว่ามีอะไรแปลกไปหรือเปล่า มือบางยกลูบหน้าตัวเองหาสิ่งผิดปกติก็ไม่เห็นมีอะไรนี่ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น เวลาที่สายตานั่นมองมาถึงจะไม่นานก็จริง ทำไมหัวใจดวงน้อยเต้นรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คิดดูแล้วผู้ชายคนนั้นดูดีจัง ทั้งรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลาคมเข้มอย่างกับชาวตะวันออกกลางที่เคยอ่านในนิยายมาไม่ผิดเพี้ยน......บ้า...คิดอะไรนี่ พอเถอะอย่าคิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้นสิ
หญิงสาวนั่งสับสนต่อความรู้สึกบางอย่างในหัวใจ ก่อนจะรีบสลัดความคิดบ้าๆนั่นออก หันมาสนใจกิ่งแก้วนั่งกินขนมแทน
เพียงแค่สายคู่นั้นของเขาและเธอก็นำพาให้ทั้งสองหวั่นไหวถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่ มันเกิดอะไรกับหัวใจกันนะ