📚 ห้องพักวายุ 𓂃 𓈒𓏸𑁍

1733 คำ
📚𓂃 𓈒𓏸𑁍 🌒 เย็นวันนั้นหลังพรีเซนต์เสร็จ อาจารย์ชมสั้น ๆ ว่า “โครงดี คลิปชัด” ทุกคนโล่ง ทุกกลุ่มแยกย้ายกันกลับอย่างเร็ว “มินตรา” ขี่รถไปส่งเพื่อนอีกคน ส่วน “สายธาร” รอ “วายุ” อยู่หน้าตึกเรียน เพราะลืมแฟลชไดรฟ์ไว้ที่ห้องเขา “ขึ้นไปเอาแฟลชไดรฟ์เลยไหม” วายุถาม “ไปสิ จะได้ไม่ลืมอีก” เธอตอบ สองคนขี่รถกลับคอนโดด้วยกัน ลิฟต์ขึ้นเสียงเงียบ ๆ ถึงชั้นห้องที่วายุอยู่ วายุแตะคีย์การ์ด เปิดห้อง 1207 ให้เธอเข้ามาสิ เธอก้าวเข้าไปห้องวายุโดยไม่รังเล ห้องเย็นเฉียบ กลิ่นหอมดูสะอาด ผิดคลาดจากที่เธอคิดไว้ แต่สายตาของสายธารกวาดมองไปรอบห้อง สายตาเธอไปสะดุดเข้ากับตรงชั้นบนติดผนัง มีขวดเหล้าหลายขวด ทั้งวิสกี้ เหล้าใส และเบียร์คราฟต์ ขวดเปล่า ข้าง ๆ มีกองหนังสือดนตรี โน้ตกีตาร์ คอร์ด เปียโน สมุดจดเนื้อเพลงภาษาอังกฤษ บนตู้เย็น มีกระดาษแม่เหล็กตัวอักษรติดกรอบรูปหนึ่ง กระจกแตกเป็นรอยยาว รูปนั้นเป็นครอบครัวสี่คน พ่อ แม่ วายุตอนเด็ก ๆ และน้องสาวคนเล็ก รอยแตกพาดตรงกลาง แบ่งกั้นพ่อกับแม่ออกจากกัน สายธารยืนนิ่ง มองไปรอบห้อง ไม่ใช่แค่ภาพ Bad Boy แต่เหมือนเห็นอีกมุมที่เก็บทั้งเสียงดังและความเงียบ “แฟลชไดรฟ์อยู่บนโต๊ะ ฝาสีฟ้า” วายุบอก “อืม” เธอหยิบ แล้วเห็นโพสต์อิทที่เธอแปะไว้เมื่อวานยังอยู่ครบ วายุถอดแจ็กเก็ตพาดเก้าอี้ เปิดตู้เย็นหยิบน้ำสองขวด แล้วยื่นให้เธอ “กินน้ำก่อน เดี๋ยวปวดหัว” “ขอบใจ” เธอรับ แต่สายตาเหลือบไปทางขวดเหล้า เขาเห็นทันที ยิ้มมุมปาก “ของสะสมนะ” “สะสมความเมา?” เธอแซะ “สะสมฝาขวด ไว้ทำที่วางกระถาง” เขาชี้แคคตัสต้นเล็ก ๆ “ฐานมันคือฝาเหล้านั่นแหละ” “รีไซเคิลเก่งดีนี่” “ก็ดีกว่าทิ้ง มันยังใช้ประโยชน์ได้นิ” สายธารเลื่อนสายตามองไปยังกองหนังสือดนตรี “เล่นกีตาร์ด้วย?” “ก็พอได้” เขาหยิบกีตาร์มาดีดคอร์ด เสียงใสจังหวะเรียบ ก่อนวางลง “จบโชว์” “ไม่ดีดต่อละ?” เธอถาม “ไม่ได้หาฟังฟรีได้ง่าย ๆ ทุกเพลงนะคร๊าบบบบอกเลย” เขากวน สายธารหัวเราะ “ฮ่า ๆ ๆ งั้นก็เก็บไว้ให้เสร็จงานก่อน ค่อยคิดราคา” “โอเค ดีล” สายธารเดินไปใกล้ชั้นหนังสือ เห็นสมุดเปิดค้างไว้ เขียนว่า “What I Believe in Love & Trust – personal draft” (“สิ่งที่ฉันเชื่อในความรักและความไว้วางใจ – ฉบับร่างส่วนตัว”) มีประโยคถูกขีดทิ้งหลายบรรทัด “อันนั้นของฉันเอง” วายุขยับเข้ามา เหมือนจะหยิบ แต่หยุด “มันยังไม่เสร็จ” “ฉันไม่อ่านหรอนะ” เธอปิดสมุดวางที่เดิม “ของส่วนตัวก็คือของส่วนตัว” เขาพยักหน้า “ขอบคุณที่เข้าใจ” สายธารเงียบ แล้วมองกรอบรูปแตกบนตู้เย็นอีกครั้ง เธอแตะแม่เหล็กตัวอักษรที่ปิดรอยแตกไว้ มันสะกดว่า STAY (อยู่) ตัว Y เอียงเล็กน้อย วายุเห็น แล้วหยิบแม่เหล็กมาต่อท้าย OK กลายเป็น STAY OK (อยู่ให้…โอเค) “มันช่วยอะไรนายได้ไหม” เธอถามเบา ๆ “ไม่ได้ช่วยอะไร แต่ทำแล้วรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย” เขาตอบเรียบ ๆ “อ่อ อืม ๆ ๆ” เธอมองไหล่เขา “ยังตึง ๆ เกร็ง ๆ?” “ไม่ต้องมองมันดีขึ้นแล้ว ครูที่ค่ายมวยดุเอาเรื่อง” เขาหมุนไหล หมุนแขนช้า ๆ “ดีแล้ว” เธอหยิบเจลเย็นจากตู้เย็น “ประคบอีกสิบห้านาที” “ครับ” เขายอมง่าย ๆ เธอหาผ้าขนหนูพันเจล วางบนไหล่เขา มือแตะผ่านผ้าแบบตั้งใจทำหน้าที่ ไม่ได้คิดอะไรเกินเลย วายุหันมองหน้าต่าง ไม่สบตา แค่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยเหมือนชินกับความเงียบ “เมื่อวานพ่อบอกอะไรนายบ้าง” สายธารถาม “พ่อเธอนะหรอ?” เขาเหลือบตามอง “บอกให้พูดความจริงทุกครั้ง แล้วต้องฟังคนอื่นให้ครบทุกด้าน ก็เลยพูดเท่าที่พูดได้” “แล้วไงต่อ” “ตอนแรกแก่พูดยังไม่จบ เรียกไปพูดด้วยอีก ฉันก็ไปทุกครั้ง ไม่ได้หนีไปไหน” “ดี ไม่หนีคือเป็นการเริ่มต้นเข้าหาผู้ใหญ่ที่ดี” เขายิ้มนิด ๆ “ครูใช้คำนี้บ่อยจัง” “เพราะมันจริง” เธอตอบสั้น ๆ สายธารกวาดสายตามองรอบห้อง โต๊ะเล็กมีแก้วกาแฟ ถุงชูโรส ใบเสร็จร้านยา ยาแก้อักเสบกับยาทายา ข้าง ๆ มีตั๋วคอนเสิร์ตขาดครึ่งทับซองจดหมายบริษัทพ่อ มุมซองถูกฉีกไว้ เธอไม่ถามต่อ รอให้เขาเล่าออกมาเอง วายุนั่งนิ่งก่อนพูด “เธออยากรู้ใช่ไหม ฉันโตมายังไง” สายธารหันไป “ถ้าอยากเล่า ฉันก็พร้อมที่จะรับฟังนาย” เขาก้มหน้า “แม่ฉันชอบในเพลง กล่อมฉันด้วยกีตาร์ พ่อชอบเงียบ แต่เงียบแบบกดดัน” เธอพยักหน้าเบา ๆ “เข้าใจ เงียบที่ทำให้เกร็งใช่ไหม” “ใช่” เขาหัวเราะสั้น ๆ “ตอนฉันมอหนึ่ง เขาทะเลาะกันหนักมาก แล้วบ้านฉันก็ไม่มีเพลง มีแต่คะแนน ประชุม และความเงียบที่ดังเกินไป” เขาชี้กรอบรูปแตก “รูปนี้ถ่ายก่อนวันสุดท้าย ปีถัดมา กระจกแตก คนก็แตกตาม” เธอนั่งฟัง ไม่พูดแทรก เพราะรู้ว่าบางทีการฟังคือสิ่งที่เขาต้องการ “เพราะงี้ฉันเลยไม่ค่อยเชื่อเรื่องรักแท้” วายุพูดต่อ “แต่ก็ไม่ได้ไม่เชื่อทั้งหมด มันเหมือนเครื่องที่เคยพังแล้วซ่อมกลับมา บางวันติด บางวันดับ” เขามองมือตัวเอง “วันไหนติดฉันก็หัวเราะเก่ง วันไหนดับกูก็หายหัวเก่ง” “เมื่อคืนเลยหายหัวไปว่างั้น?” เธอถามเบา ๆ เขาหัวเราะ “เมื่อคืนนอนหลับจริง ๆ ซ้อมหลายรอบ” แล้วชี้กองขวด “อันนั้นไม่ได้กินเมื่อคืน ไม่ได้ตั้งใจจะเมา” “ฉันไม่ได้จะจับผิดนาย” เธอพูดตรง ๆ “แค่เริ่มจะพยายามเข้าใจนายมากขึ้น ว่าทำไมนายเป็นแบบนี้” ห้องเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนวายุเอ่ยเสียงต่ำ “อย่ามองเหมือนฉันน่าสงสารสิ” คำพูดเหมือนฟาดตรงกลางอากาศ สายธารเงียบ เงยหน้าสบตาเขาตรง ๆ “ฉันไม่ได้สงสาร” เธอตอบชัด “ฉันแค่เห็น” ห้องยิ่งเงียบลง เสียงแอร์เบาเหมือนหายไป วายุจ้องเธอแค่สองวินาที จากสีหน้าตึง ๆ เครียด ๆ คลายตัวสีหน้าดูอ่อนลงทันที “เธอมองฉันเหมือนเห็นอะไร” เขาถาม “เห็นว่าชีวิตนายมันไม่ง่าย” เธอพูดออกมาตรง ๆ “เห็นว่านายพยายามที่จะควบคุมตัวเอง” “เห็นว่าถ้านายทำงานแบบจริงจัง นายก็ทำได้” “เห็นว่านายอยากหายไปบ้าง แต่กลับมาเพราะสัญญา” เธอหยุดนิดหนึ่ง “เห็นว่าข้างในไม่ได้แข็งเท่าไร” เขานิ่ง กระพริบตาหนึ่งทีเหมือนคิดอะไรในหัว “โอเค” เขาพูดเบา ๆ “ถ้าเธอเห็นแค่นั้น ฉันโอเค” “แค่นั้นก็พอแล้ว” เธอยิ้มบาง “ฉันไม่อยากรู้ทุกอย่าง นายไม่ต้องเล่าหมดทุกอย่างก็ได้ แค่เวลานายอยากให้มีใครอยู่ด้วย ฉันนี่แหละจะอยู่” วายุหัวเราะเบา ๆ “โหมดผู้ใหญ่จัด ๆ” “ฉันพูดจริง ๆ จ๊ะ” เธอยักไหล่ เขาพยักหน้า “ขอบใจนะ” “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” “ได้สิ” เขายืนยัน “เธอทำให้คำว่า ‘เห็น’ มันไม่เจ็บ” เธอไม่เถียง แค่เอาเจลออกจากไหล่เขา “ครบสิบห้านาทีแล้ว” “ครับ” เขาหมุนแขนเบา ๆ “ดีขึ้นเลยแฮร่ ๆ” สายธารเดินไปล้างมือ เห็นบะหมี่ซองในตู้กับผักกาดครึ่งหัว “นายหิวไหม” เธอถาม “นิดหน่อย แขนขวายังใช้ได้ เดี๋ยวฉันทำเองก็ได้” “ฉันทำให้เร็วกว่านะ” เธอต้มน้ำ ใส่ผักกับไข่ ทำเสร็จแล้วตักใส่ชาม วายุนั่งดีดกีตาร์คอร์ดง่าย ๆ เบา ๆ เหมือนเพลงกล่อมเด็ก “ใส่ผักหมดเลยนะ” เธอบอกตอนยกมาวาง “ได้หัวหน้า” เขายิ้ม เธอวางชามตรงหน้า “ระวังร้อน” วายุยกมือไหว้เล่น ๆ “ขอบคุณครับ” แล้วตักบะหมี่เข้าปาก “อร่อยกว่ากินคนเดียว” เขาว่า “ของง่าย ๆ ก็อร่อยได้ ถ้ามีคนกินด้วย” เธอตอบ วายุยิ้ม “ครูสปอยล์คำคมอีกแล้ว” “ไม่ใช่คำคม” เธอส่ายหัว “เป็นเรื่องจริง” พอกินเสร็จ เธอลุกเก็บจาน เขารีบตามมาช่วย “เดี๋ยว ฉันยอมล้างเองก็ได้” “ครึ่งครึ่ง” เธอว่า “ฉันล้าง นายเช็ด” “ครับหัวหน้า” เขาหยิบผ้าเช็ดจาน สองคนทำงานเล็ก ๆ ด้วยกันเร็วมาก ห้องสะอาด โต๊ะโล่ง สายธารหยิบแฟลชไดรฟ์ใส่กระเป๋า “ฉันกลับละ พรุ่งนี้มีเช้า” “เดี๋ยวฉันลงไปส่ง” เขาคว้ากุญแจ “ไม่ต้อง แค่ไปส่งถึงลิฟต์ก็พอ แล้วเปิดประตูไว้ครึ่งด้วย” “รับทราบ” เขาหัวเราะ ทั้งคู่เดินมาหน้าห้อง วายุมองกรอบรูปแตกแวบหนึ่ง ก่อนหันมายิ้มแบบปกติ ลิฟต์ติ๊งเปิด สายธารชูแฟลชไดรฟ์ให้ดู “ของครบ” “อย่าลืมกินข้าวเย็น” เขาว่า “เหมือนกัน” เธอตอบ “ประคบไหล่ด้วย” “ครับครู” ก่อนประตูลิฟต์ปิด เธอพูดสั้น ๆ “ฉันไม่ได้สงสาร แค่กำลังมองนายอยู่” วายุพยักหน้าช้า ๆ เหมือนยอมรับเต็มที่ ลิฟต์พาลงถึงชั้นล่าง ลมเย็นตีหน้า เธอยืนเงียบ หัวใจไม่วุ่นเหมือนตอนทะเลาะ แต่กลับนิ่งและอุ่น เหมือนเครื่องเดินรอบสม่ำเสมอ เธอมองฟ้าเย็นสีส้มหม่น หยิบมือถือพิมพ์บันทึก “ห้องเขามีความจริงมากกว่าข่าวลือ มีขวดเหล้าที่เอามารีไซเคิล มีหนังสือเพลงที่ถูกเปิดบ่อย มีกรอบรูปแตกที่ยังวางไว้ มีคำว่า STAY OK ติดบนรอยร้าว วันนี้ฉันไม่ได้ทำอะไรใหญ่ๆ เลย แค่รับฟัง แค่ต้มบะหมี่ แค่ประคบไหล่ แต่เขามองมาด้วยสายตาแบบใหม่ ไม่ใช่ให้สงสารแต่ให้เขาต้องการให้ฉัน…เห็น” เธอกดเซฟ เก็บโทรศัพท์สตาร์ทรถกลับบ้าน ในหัวมีประโยคสั้น ๆ ซ้ำไปซ้ำมา “ฉันไม่ได้สงสาร…ฉันแค่เห็น” คืนนี้ แค่นี้ก็พอแล้ว 🫠 ⋆ ♡̷ .゚𓂃⋆。 ˚◞♡ ◟✦✩‧₊˚
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม