เมื่อเดินลงมาด้านล่างลูคัสก็นั่งขอบโต๊ะกอดอก มองคนน้องทำกับข้าวโดยที่ไม่พูดไม่จากับเขาเลยสักคำ
“เธอเป็นอะไรมิลด้า”
“…”
“มาทิลด้า” เรียกเสียงอ่อนลง
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร”
“แล้วทำไมไม่คุย”
“เตรียมอาหารเช้าอยู่”
“เตรียมก็คุยได้”
“นายเคยแอบชอบใครในวัยเรียนบ้างหรือเปล่า”
“ถามทำไม”
“ก็นายบอกให้คุย”
“…”
“ฉันเล่าเรื่องรักแรกให้ฟังเอาไหม”
“…”
“ตอนที่ที่ฉันเจอกับพ่อของลู...” ยังไม่ทันได้เริ่มเข้าเนื้อเรื่องคนที่นั่งกอดอก ก็ลุกออกไปดื้อ ๆ
“จะไปไหน”
“…” ไม่มีเสียงตอบกลับแต่อย่างใด
“แล้วบอกให้ชวนคุย พอชวนคุยก็เดินหนี” บ่นอุบอิบก่อนจะหันกลับมาสนใจอาหารตรงหน้าต่อ
ผ่านไปราว ๆ สิบนาทีมื้อเช้าควบมื้อบ่ายก็เสร็จเรียบร้อย เมื่อมาทิลด้าจัดโต๊ะอาหารเสร็จก็เดินไปตามคนที่นอนมือก่ายหน้าผากอยู่ในห้องรับแขก
“อาหารเสร็จแล้วจะกินพร้อมกันไหม”
“กินก่อนเลย ยังไม่หิว” รับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ผิดปกติ
“เป็นอะไร” เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาแล้วเอ่ยถาม
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าคิดถึงคนอื่นเวลาอยู่กับฉัน”
“ก็ไม่ได้คิดถึงคนอื่น”
“แต่พูดถึงคนอื่น”
“โกรธเหรอ” นั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ เขาแล้วจับมือที่ก่ายหน้าผากลง
“ถ้าฉันพูดถึงผู้หญิงคนอื่นบ้าง?”
“ฉันโกรธ” สายตาที่มองทีวีอยู่เลื่อนมามองฉันแทน โดยไม่พูดอะไรต่อ
“…”
“ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวกับข้าวเย็นหมด”
“เธอไปกินก่อนเถอะ ฉันยังไม่หิว”
“งั้นก็ตามใจ” พูดจบ มาทิลด้าก็ลุกเดินออกไปดื้อ ๆ ลูคัสได้แต่มองตามเรียวขาเนียนสวยที่ก้าวออกไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่ขอโทษไม่พอเธอยังไม่ง้อเขาอีกต่างหาก
ครืด!! เสียงลากเก้าอี้ออก ก่อนคนที่บอกว่าไม่หิวจะหย่อนก้นนั่งลงตรงข้ามกับหญิงสาว
“ไหนว่าไม่หิวไง”
“กินตอนกับข้าวเย็น ไม่อร่อย” ทำได้เพียงแค่เบะปากให้กับคนปากแข็ง ก่อนจะตักอาหารกินโดยไม่สนใจเขา
สี่สิบนาทีต่อมา...
เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จลูคัสก็มานั่งที่โซฟาอาบแดดข้างบ้าน โดยที่ยังไม่ยอมคุยกับมาทิลด้า
“ทำไมกับผู้หญิงคนนั้น นายดูอ่อนโยนและอบอุ่นแต่กับฉัน...”
“มิล แทนตัวเองว่ามิล หยุดใช้คำว่าฉันสักที” เหลือบมองคนที่เดินเข้ามา
“ก็เพราะลุคเป็นแบบนั้นไง เพราะลุคใจร้ายแบบนั้น”
“…”
“อยากให้แทนว่ามิล ตัวเองก็แทนตัวว่าพี่ก่อนสิ”
“…” คนตัวสูงลุกขึ้นนั่งก่อนจะดึงตัวคนที่ยืนลงมานั่งตัก
“พี่” มาทิลด้าอมยิ้มขึ้นมาทันที ปลายนิ้วชี้เรียวสวยเคาะริมฝีปากเขาเบา ๆ เป็นจังหวะ เพื่อเก็บอาการดีใจเมื่อได้ยินสรรพนามนี้อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้ยินมานานนับสิบปี
“สรุปทำไมกับผู้หญิงคนนั้น ถึงดูอ่อนโยนและอบอุ่นกับเธอ”
“…”
“หรือเพราะมิลเป็นลูกสาวมาเฟีย? เลยไม่ต้องอ่อนโยนก็ได้อย่างนั้นเหรอ”
“เพราะเธอเป็นเมียต่างหาก”
“ก็เลยทำร้ายจิตใจยังไงก็ได้เหรอ”
“…”
“ฉะ... พี่ไม่อยากทะเลาะ”
“เป็นตัวเองเวลาอยู่กับมิลบ้างได้ไหม มิลขอแค่นี้” ที่จริงลูคัสไม่ได้เป็นคนแบบนี้หรือมีนิสัยแบบนี้เลย ที่เป็นอยู่กับฉันตอนนี้คือลูคัสที่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย เพราะลูคัสที่ฉันเคยรู้จัก เป็นคนมาดกวน ขี้เล่น ทะเล้น แต่แฝงไปด้วยความจริงจัง ไม่ขรึม ตึงเข้มแบบนี้เลยสักนิด ไม่รู้ผีห่าซาตานตัวไหนเข้าสิงเขาถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
“ก็ทำตัวน่ารัก ๆ”
“ก็เคยทำ แต่ไม่เห็นจะรักเลย”
“ตอนนั้นโกรธ”
“หมายถึงตอนไหน”
“ตอนที่เธอตอบตกลงเรื่องจดทะเบียนสมรส”
ย้อนกลับไปวันนัดดูตัว
Duanima Restaurant
เมื่อมาเฟียกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาภายในร้านอาหารอิตาเลียนสุดหรู ที่ถูกตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นกึ่งสมัยเก่าเป็นที่เรียบร้อย บานประตูร้านก็ปิดไม่ต้อนรับลูกค้าอีกต่อไป
ตระกูล ‘อาเซียดิโน’ ลุกขึ้นยืนทันทีเพื่อแสดงการต้อนรับเมื่อเห็นตระกูล ‘มัตชิเตโอ’ เดินเข้ามา ชายวัยกลางคนดูมีภูมิฐานเดินตรงเข้าไปกับลูกสาวอย่างสง่าน่าเกรงขาม ก่อนเรียวขาเล็กหยุดชะงักเมื่อเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนโดดเด่นอยู่ท่ามกลางครอบครัวของอีกฝั่ง ‘นั่นเขาใช่มั้ย’
“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก”
“ปะ เปล่าค่ะป๊า” มาทิลด้ายกมือขึ้นคล้องแขนคนเป็นพ่อแล้วเดินต่อไปยังโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
เมื่อถึงโต๊ะอาหาร ดวงตากลมก็ลอบสังเกตเจ้าของเส้นผมสีควันบุหรี่ที่ยืนมองมาที่พ่อของเธอ บนใบหน้าเขามีจิวสีเงินเจาะอยู่ที่หางคิ้วอย่างมีเอกลักษณ์ ทรงผมท็อปน็อตผสมอันเดอร์คัต ดูมีเสน่ห์รับกับใบหน้าหล่อ ชายหนุ่มร่างสูงได้สัดส่วนปรายตามองเธอเพียงเล็กน้อยก่อนจะทำท่าทีเป็นไม่สนใจ
เมื่อเหล่าอาวุโสทั้งสองตระกูลทักทายกันเป็นที่เรียบร้อย ทุกคนก็นั่งลงประจำที่ของตน ก่อนเชฟห้าคนจะจัดการเสิร์ฟเมนูของว่างลงบนโต๊ะอาหารสุดหรูขณะรออาหารหลัก
“รู้สึกเป็นเกียรติมาก ๆ เลยครับที่คุณอันโตนีมาเยือนซาร์ดิเนีย”
“ผมเองก็รู้สึกเป็นเกียรติเช่นกันครับที่ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากอาเซียดิโน นี่ลูกสาวผมครับ มาทิลด้า”
“สวยสง่า สมกับเป็นลูกสาวเจ้าพ่อมาเฟียภาคเหนือจริง ๆ ครับ นี่ลูกชายคนกลางของผมครับ ลูคัส” สองหนุ่มสาวแสดงความเคารพต่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายอย่างสุภาพ ก่อนจะเหลือบตามองสบกันเพียงเสี้ยววินาที แล้วต่างทำเป็นไม่สนใจกัน
“ผมขอตัวกลับก่อนนะป๊า”
“อย่าเสียมารยาทลูคัส” คนเป็นพ่อโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบกับลูกชายให้ได้ยินกันเพียงสองคน
ลูคัสเหลือบมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจ มาทิลด้าหลบสายตาเขา ทำเป็นไม่สนใจแล้วมองไปยังเชฟที่ทำอาหารอยู่
“หนูมิลด้าชอบที่นี่หรือเปล่าลูก”
“ชอบค่ะ ที่นี่น่าอยู่มาก ๆ เลยค่ะคุณป้า”
“น่าอยู่ งั้นก็มาอยู่ด้วยกันสิลูก”
“…” ชำเลืองมองคนที่นั่งหน้านิ่งเล็กน้อยก่อนจะหันมายิ้มน้อย ๆ ให้กับมารดาของเขา
ไม่นานผู้อาวุโสทั้งสองฝ่ายก็พูดเข้าเรื่องที่ตั้งใจมาพบกันในวันนี้ โดยมาทิลด้าเอาแต่ลอบสังเกตชายหนุ่มที่นั่งโต๊ะตรงข้ามเป็นระยะ ๆ โดยไม่ให้เขารู้ตัว ‘เขาไม่เปลี่ยนไปจากตอนนั้นเลย’
“มิล ลูกโอเคหรือเปล่า” คนเป็นพ่อหันมาถามลูกสาวหลังจากได้พูดถึงข้อเสนอของการมาพบกันครั้งนี้
“หมายความว่ายังไงคะ ให้จดทะเบียนสมรส”
“ทีแรกเรามีความเห็นกันว่าจะให้หมั้นกันไปก่อน แต่พอมาคิดดูอีกที ถ้าหนูมิลตอบตกลงที่จะหมั้น เราอยากจะเปลี่ยนการหมั้นให้เป็นสมรสไปเลยจะดีกว่าเพื่อที่หนูจะได้มีสิทธิ์ทุกอย่างในอัลกราเซียโนและในตัวพี่เขา หนูโอเคไหม เพราะทั้งคู่ก็อายุมากแล้ว ส่วนเรื่องแต่งงานถ้าลูกสองคนเห็นพ้องตรงกันเมื่อไร เราค่อยมาคุยกันอีกที” มารดาฝ่ายชายพูดชี้แจงด้วยน้ำเสียงนุ่มน่าฟัง
“คุณหญิงเสนอมาแบบนี้เพื่อปกป้องชื่อเสียงของลูกไม่ให้ลูกเสียหายน่ะ” คนเป็นบิดาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าไม่เข้าใจของลูกสาว
มาทิลด้ากัดริมฝีปากอย่างใช้ความคิด ‘ฉันควรลองดูดีไหม ถ้าฉันทำให้เขารักฉันขึ้นมาได้ เราก็อาจจะ...’ มาทิลด้าคิดถึงใบหน้าของลูกชาย ก่อนสุดท้ายจะตัดสินใจตอบออกไป “มิลตกลงค่ะ”
“ตอนนั้นยอมรับว่าโกรธมาก”
“ที่มิลตอบตกลงงั้นเหรอ”
“ที่ครอบครัวไม่ถามความเห็นฉะ... พี่ แล้วที่ไปวันนั้นก็ไม่รู้ว่านั่นคือการนัดดูตัว” รู้สึกผิดขึ้นมาเพราะไม่เคยรู้เลยว่าเขาไม่เต็มใจมา
“ไม่อยากรู้จักมิลขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ตอนนั้น ใช่”
“…” แนบใบหน้าลงกับแผงอก ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี
“แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว” เขาประคองใบหน้าฉันกลับมาเกยบนอกอีกครั้ง
“เพราะแบบนี้ใช่หรือเปล่าถึงเกลียดกัน”
“พี่ไม่เคยเกลียด” เงียบไปครู่ ก่อนจะพูดขึ้นมาพร้อมกับขยับตัวขึ้นนั่งพิงพนักวางมือ
“ไม่เกลียดแล้วทำไมชอบทำตัวใจร้ายใส่”
“แรก ๆ ยอมรับว่าต้องการทำให้เธอทนไม่ไหวแล้วเซ็นใบหย่า พี่แค่ไม่อยากให้เธอสมหวังในสิ่งที่อยากได้”
“แล้วรู้เหรอว่ามิลอยากได้อะไร”
“…”
“คิดว่าเพราะธุรกิจแล้วก็สินสมรสอย่างงั้นเหรอ”
“…”
“มิลไม่เคยอยากได้อะไรแบบนั้นเลย”
“รู้แล้ว แล้วทำไมถึงยอมหมั้นทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จัก” จำฉันไม่ได้จริง ๆ สินะ
“รักมิลเมื่อไหร่ แล้วมิลจะบอก” คิ้วหนาเลื่อนเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ สิ่งที่เขาทำอยู่มันยังไม่เรียกว่ารักอีกอย่างนั้นหรือ เขายอมเธอทั้งที่ไม่เคยยอมใครแบบนี้เลย
“…”
“แล้วหลัง ๆ ทำไมยังทำตัวไม่ดี” วนกลับมาเรื่องเดิมอีกครั้งเพราะยังข้องใจไม่หาย
“ความเคยชิน โกรธแล้วควบคุมอารมณ์ไม่อยู่”
“นิสัยไม่ดี”
“…”
“ลุคดีกับทุกคนหมดเลย ยกเว้นแค่มิล”
“…”
“ทำดีกับทุกคนแต่ทำร้ายมิลทุกช่องทางเลย เคยรู้ตัวบ้างไหม”
“คือพี่...” ใบหน้าหล่อฉายความรู้สึกผิด อยากจะพูดขอโทษ แต่ก็ยังลังเล กลัวเสียฟอร์ม สุดท้ายก็กลืนคำนั้นลงไป ไม่พูดมันออกมา